xs
xsm
sm
md
lg

ก๊กมินตั๋งชนะเลือกตั้งสส.ไต้หวันถล่มทลาย เฉินสุ่ยเปี่ยนลาออกจากนายใหญ่DPP

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซี่/หมิงเป้า--ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติ (สส.) สมัยที่ 7 ของไต้หวันเมื่อวันเสาร์ (12 ม.ค.) ไม่พลิกโผ พรรคฝ่ายค้านคณะชาติแห่งกั๋วหมินตั่ง (ก๊กมินตั๋ง) ชนะ พรรครัฐบาลคือประชาธิปไตยก้าวหน้า (ดีพีพี) ถล่มทลาย ผู้นำเฉิน สุ่ยเปี่ยนรับความพ่ายแพ้ ลาออกจากนายใหญ่ดีพีพี โดยมีนายเซี่ยเตรียมนั่งเก้าอี้ประธานดีพีพีแทนเฉินในวันจันทร์

จากรายงานผลเลือกตั้งของคณะกรรมการเลือกตั้งกลาง (กกต.) พรรคกั๋วหมินตั๋ง ซึ่งมีความโน้มเอียงกระชับสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีนใหญ่ กวาดที่นั่งในสภาสส.ได้ถึง 81 ที่นั่ง และจะจับมือกับพันธมิตรจากพรรคเล็กชินหมินตั๋ง รวมที่นั่งกันเป็น 86 ที่นั่ง เท่ากับ 3 ใน 4 ของสภานิติบัญญัติ 113 ที่นั่ง ขณะที่ดีพีพีของเฉิน สุ่ยเปี่ยน พ่ายยับ ได้เพียง 27 ที่นั่ง

กกต.ไต้หวันได้สรุปว่าอัตราผู้มาออกเสียงเลือกตั้งในวันเสาร์ เท่ากับร้อยละ 58, กั๋วหมินตั๋งโกยคะแนนได้ร้อยละ 51.3 และดีพีพีได้ร้อยละ 36.91 ส่วนพรรคเล็กอื่นๆได้กันไม่เกินร้อยละ 5

หลังการประกาศผลอย่างเป็นทางการ เฉินสุยเปี่ยน ประกาศลาออกจากตำแน่งประธานพรรค “ผมรู้สึกเสียใจ และละอายใจมาก” เฉิน กล่าวระหว่างการแถลงยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้ พร้อมชี้ว่าเป็นความถดถอยครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์พรรคดีพีพี

อย่างไรก็ตามการลาออกจากตำแหน่งประธานพรรคดีพีพี ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเฉินแต่อย่างใด และในวันจันทร์(14 ม.ค.) ดีพีพีก็จะเลือกนายใหญ่พรรคคนใหม่ ซึ่งปักธงกันว่าเป็นนายเซี่ย ฉางถิง (แฟรงค์ เซี่ย) อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ เป็นคู่แข่งตัวเอ้ ในสนามศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 มีนาคมที่จะถึงนี้

ส่วนนายหม่า อิงจิ่ว หัวหน้าพรรคกั๋วหมินตั่ง ประกาศชัยอย่างระมัดระวัง “เรายังมีภารกิจศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งต่อไปอีก ซึ่งหวังว่าพวกเราจะชนะ หากกั๋วหมินตั่งได้ครองทั้งตำแหน่งประธานาธิบดี และเป็นเสียงส่วนใหญ่ในสภา เราจะสามารถผลักดันการปฏิรูปที่ชาวไต้หวันต้องการได้”

หม่า อิงจิ่ว อดีตพ่อเมืองไทเป ชนะใจผู้ออกเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ ด้วยคำสัญญาว่าจะฉุดเศรษฐกิจดินแดนออกจากภาวะนิ่งเน่า และปรับปรุงความสัมพันธ์กับแผ่นดินใหญ่ ซึ่งได้เสื่อมทรุดลงไปอย่างมากระหว่างที่เฉิน สุ่ยเปี่ยนครองตำแหน่งประธานาธิบดี 8 ปี และยั่วยุปักกิ่ง ด้วยการเดินหน้าอิสรภาพไต้หวัน ขณะที่จีนยืนกรานไต้หวันจะต้องกลับมารวมชาติในที่สุด แม้จะต้องใช้กำลังก็ตาม

ทั้งนี้ สองจีนแยกกันปกครองดินแดน หลังจากที่กองทัพภายใต้การนำของเจี่ยง เจี่ยสือ (เจียง ไคเช็ค) พ่ายแพ้สงครามกลางเมืองแก่ทัพคอมมิวนิสต์ของเหมาเจ๋อตงเมื่อปี 1949 เจี่ยง เจี่ยสือได้นำกองกำลังมาตั้งหลักใหม่ที่เกาะไต้หวันด้วยหวังในขณะนั้นว่าจะรวมแผ่นดินจีนเช่นกัน

นายหม่าได้ลั่นสัญญาหากได้เป็นประมุขเกาะ จะไฟเขียวให้นักท่องเที่ยวจากแผ่นดินใหญ่เดินทางมายังไต้หวัน และเชี่ยมโยงความสัมพันธ์สามด้านโดยตรงได้แก่การคมนาคม การค้าพาณิชย์ และการไปรษณีย์ ซึ่งถูกตัดขาดมา 60 ปี

ในวันอาทิตย์(13 ม.ค.) กลุ่มผู้นำกั๋วหมินตั๋ง รวมทั้งนายหม่าด้วยนั้น ได้เดินทางไปยังเมืองโถวเหลียวตอนเหนือของไต้หวัน เพื่อคารวะอนุสาวรีย์นายเจี่ยง จิงกั๋ว บุตรชายของเจี่ยง เจี่ยสือ ซึ่งครองตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันร่วม 10 ปี จากปี 1978 จนถึงวันตายของเขาเมื่อวันที่ 13 มกราคม 1988

หากนายหม่าจากพรรคกั๋วหมินตั่ง ได้ครองตำแหน่งประธานาธิบดี ภาวะชะงักงันทางการเมืองของไต้หวัน ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับบริหารที่ต่างเล่นแง่กันนานนับปี น่าจะยุติลง ทั้งนี้ กลุ่มนักวิเคราะห์ชี้ว่านโยบายสู่จีนของเฉินนั้น ได้ทำลายแรงแข่งขันของไต้หวัน ซึ่งจัดเป็นหนึ่งใน 20ชาติเศรษฐกิจชั้นนำ อีกทั้งโหมกระพือความตึงเครียดระหว่างช่องแคบ

ระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเฉินทั้ง 2 เทอม ระหว่าง 8 ปี พรรคฝ่ายค้านกั๋วมินตั่งได้ใช้ จำนวนเสียงสส.ข้างมากในสภา สกัดความพยายามผลักดันนโยบายหลายอย่างของเฉิน อาทิ การทุ่มเงินหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อซื้ออาวุธจากอเมริกา

สำหรับ วอชิงตันประกาศหน้าเวทีชัดเจนว่านโยบายสู่จีนของเฉินอันตรายไปและเป็นการยั่วยุ โดยเฉพาะแผนประชามติรับรองไต้หวันเป็นสมาชิกสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ซึ่งเป็นการกรุยทางสู่เอกราชไต้หวัน

แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่ายังปักธงไม่ได้ว่านายหม่าแห่งกั๋วหมินตั่งจะนอนมาในการศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี “ทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้ระหว่างสองเดือนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี สถานการณ์ไต้หวันอาจเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วข้ามคืน” นายจาง ย่าชุงอาจารย์รัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยไต้หวันกล่าว

เฉิน สุ่ยเปี่ยนเดินสายเรียกคะแนนระหว่างประเทศ

หลังประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ของพรรค ในเช้าวันอาทิตย์ เฉิน สุ่ยเปี่ยนก็ออกเดินทางเยือนกัวเตมาลา และเซนต์ ลูเซีย ซึ่งสองชาติละตินอเมริกานี้ อยู่ในกลุ่ม 24 ชาติ ที่ให้การรับรองไต้หวัน มากกว่ารัฐบาลปักกิ่ง

กลุ่มนักสังเกตการณ์ชี้ถึงการเยือนของนายเฉินครั้งนี้ว่า เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจเรื่องความพ่ายแพ้ของดีพีพีมากกว่า โดยเดินหน้ายกสถานภาพไต้หวันบนเวทีระหว่างประเทศ เขายังได้กล่าวกับกลุ่มผู้สื่อข่าวที่สนามบินก่อนออกเดินทาง โจมตีจีนว่าไม่ยอมหยุดการคุกคามทางทหาร กดขี่ไต้หวันบนเวทีการทูต และใช้ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจแบบจับปลาสองมือ “เราจะต้องประกาศให้ชุมชนชาวโลกหันมามองไต้หวัน” เฉินลั่น

ทั้งนี้ ละตินอเมริกันเป็นหนึ่งในสนามงัดข้อทางการทูตแห่งใหญ่ระหว่างจีนและไต้หวัน โดยทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหากันว่าล่อหลอกพันธมิตรด้วย “เช็คการทูต” คือทุ่มเงินซื้อเสียงนั่นเอง

นับจากปี 2000 ที่เฉินนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี ถึงปัจจุบัน มีอดีต 8 ชาติพันธมิตรของไต้หวัน แปรพักตร์มาเข้าข้างพญามังกรใหญ่ ได้แก่ ชาด, คอสตา ริก้า, โดนิมิกา, เกรนนาดา, ไลเบอเรีย, มาซีโดเนีย, เซเนกัล และวานูตู

ในวันเดียวกับที่ทางไต้หวันมีการเลือกตั้งสส. รัฐบาลจีนได้เลือกสมาชิกจากสภาผู้แทนประชาชน 13 คน เป็นผู้แทนของไต้หวันในสภาประชาชน ทำหน้าที่เสมือนตรายางรับรองนโยบายต่างๆของรัฐ ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้ เป็นการตอกย้ำการอ้างอธิปไตยเหนือไต้หวันว่า เป็นเพียงมณฑลหนึ่งของจีน โดยผู้แทนทั้ง 13 คน เป็นคอมมิวนิสต์ชาวไต้หวันที่เดินทางกลับมายังแผ่นดินใหญ่

จับซื้อเสียง

ซ่ง จิ้นฉายผู้สมัครรับการเลือกตั้งอิสระ ถูกจับกุมตัวศาลได้ตัดสินจำคุก นับเป็นผู้สมัครรับการเลือกสส.ครั้งนี้ของไต้หวันคนแรกที่ถูกจับกุม โทษฐานซื้อเสียง โดยเขาได้ใช้เงิน 1,000 -2,000 เหรียญไต้หวัน ซื้อเสียงระหว่างหาเสียงเลือกตั้งสส. ไต้หวัน ในวันเสาร์ที่ 12 มกราคม
กำลังโหลดความคิดเห็น