“ตอนได้ยินเสียงแมวร้องโหยหวนขณะถูกฆ่า มันเหมือนทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจเรา”
ซีน่าเน็ต – ในช่วงที่ผ่านมา มีประชาชนในไทเปจำนวนมาก ที่ได้มาร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่ามีการฆ่าแมวเป็นจำนวนมากในตลาดนกพิราบที่ไทเป โดยแมวแต่ละตัวจะถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม แล้วถูกส่งไปยังร้านอาหารปิ้งย่างทั้งหลาย ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เห็นว่า การตอบสนองทางการกินของมนุษย์ได้เปลี่ยนไปจากเดิม เพราะคนทางเหนือในอดีตมักจะกล่าวไว้ว่า “กินหมากินแกะไม่กินแมว”
นักข่าวได้เดินทางไปยังตลาดนกพิราบในไทเป พบว่าเป็นตรอกกลางแจ้งที่มีความยาวกว่า 30 เมตรโดยในตลาดแห่งนี้นอกจากจะขายนกพิราบแล้ว ยังมีการขายเนื้อแมว เนื้อสุนัข เนื้อกระต่าย เนื้อนกกระทาฯลฯ อีกด้วย เมื่อเดินเข้าไปภาพที่ปรากฏก็คือแม่ค้าคนหนึ่งสวมถุงมือที่เปื้อนเลือดจนกลายเป็นสีแดง กำลังเชือดนกกระทา พร้อมร้องตะโกนให้คนมาซื้อ ซึ่งกระบวนการฆ่านกกระทาจนถึงชำแหละจนเป็นเนื้อที่ซื้อกลับไปปรุงใช้เวลาทั้งสิ้นเพียงราว 1 นาทีเท่านั้น
เมื่อเดินต่อไปอีกประมาณ 10 เมตรก็พบร้านแห่งหนึ่งที่มีร่องรอยของเลือดเต็มไปหมด ด้านบนของแผงมีสัตว์ต่างๆมากมาย ในขณะที่ด้านล่างเป็นเลือดที่ไหลนองเหมือนเป็นลำธารสายเล็กๆ ขณะนั้นก็มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาซื้อลูกแมวตัวหนึ่งด้วยราคา 50 หยวน จากนั้นก็นำไปให้เจ้าของร้านช่วยชำแหละ
“ช่วยผมเชือดแมว 2 ตัวนี้ที” ชายอีกคนที่เดินเข้ามาซื้อกล่าวขึ้น พร้อมส่งถุงที่ใส่แม้วให้กับพนักงานในร้าน หลังจากที่พนักงานรับมาก็จัดการรัดปากถุงให้แน่น จากนั้นก็ยกก้อนหินขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 30 เซนติเมตรทุบลงไปที่ถุงนั้น
“เมี๊ยว ๆ” เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นหลังก้อนหินทุบถาโถมไปที่ลูกแมวในถุง หลังจากที่ชายหนุ่มเห็นว่าแมวยังไม่ตายดี จึงทุบซ้ำลงไปอีก 5 ครั้ง กระทั่งเสียงร้องของแมวหยุดไป จากนั้นใช้เท้าเตะดูว่าแมวตายแน่หรือยังแล้วค่อยทำการเปิดถุงหยิบแมวที่ถูกทุบจนเลือดกลบออกมา แล้วนำมีดปลายแหลมเริ่มต้นในการลอกขน แร่เครื่องใน และเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดสำหรับแมว 2 ในเวลาไม่ถึง 15นาที และเมื่อนักข่าวได้ตามชายที่ซื้อแมวนี้ไป ก็พบว่าเขาได้นำแมวนี้เข้าไปในร้านขายอาหารประเภทปิ้งย่าง
“การฆ่าแมวแล้วนำเอาไปย่างนั้นเริ่มมีมาได้สัก 2 ปีกว่าแล้ว” ชายคนหนึ่งที่ขายนกพิราบในตรอกนั้นกล่าว
คุณซุน ผู้จำหน่ายแมวและสุนัขในตรอกได้เล่าว่า “ปกติลูกแมวตัวหนึ่งขายอยู่ที่ราว 20-30 หยวน ส่วนใหญ่จะเป็นแมวเลี้ยงตามบ้าน ก็มีบ้างที่เป็นแมวที่จับกลับมา เพราะทำกำไรได้ดีกว่าขายเนื้อพิราบหรือเนื้อกระต่าย เพราะมีผู้ซื้อก็เลยมีผู้ขาย ปกติวันๆหนึ่งในตรอกนี้ก็ขายได้หลายสิบตัว ปีๆหนึ่งก็หลายพันตัว”
ไม่มีผลวิจัยว่ากินแมวแล้วบำรุง
ต่อประเด็นดังกล่าว คุณฉางชุน รองผู้อำนวยการควบคุมผลิตภัณฑ์เนื้อในฉางชุนระบุว่า “โดยปกติแมวที่เลี้ยงในบ้านคงยากที่จะกินแล้วมีสารอาหารอะไรมากมาย นอกจากนั้นไม่ว่าจะเป็นแมวเลี้ยง แมวที่จับหมา หรือแม้แต่นกพิราบก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีเชื้อโรคติดตัวมาด้วย”
“นอกจากนั้นยังไม่เคยมีหน่วยงานทางโภชนาการที่ไหนเคยทำการวิจัยว่าการทานแมวสามารถเป็นอาหารบำรุงได้จริงหรือไม่ อีกทั้งเนื้อแมวที่ยังไม่ได้ผ่านการตรวจโรคย่อมจะไม่ปลอดภัยนัก”
คุณจางผู้ที่ได้มาแจ้งข่าวนี้เป็นคนแรกๆได้เล่าว่า “ตอนแรกๆที่ไปเห็นกับเพื่อนๆ ว่ามีการฆ่าสัตว์ประเภทต่างๆอย่างโหดเหี้ยม ก็เลยรวมเงินกับเพื่อนแล้วขอซื้อแมวที่จะถูกฆ่ามา แล้วนำไปให้คนที่ต้องการจะเลี้ยงช่วยเลี้ยงเอาไว้”
“ตอนได้ยินเสียงแมวร้องโหยหวนขณะถูกฆ่า เสียงมันเหมือนทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจเรา” ชายหนุ่มอีกคนที่แซ่งจางเช่นกันระบุพร้อมกล่าวด้วยความเสียใจว่า “อยากจะให้คนเรารู้จักรักสัตว์กันมากกว่านี้”