ราชวงศ์อังกฤษดูเหมือนจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัด “แคเธอรีน” เจ้าหญิงแห่งเวลส์ พระชายาในเจ้าชายวิลเลียม แห่งเวลส์ เผยแพร่แถลงการผ่านคลิปวิดีโอระบุว่า พระองค์ทรงได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็ง หลังจากที่ทรงเข้ารับการผ่าตัดช่องท้องในเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังจากนั้น สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าประชวรด้วยโรคมะเร็งชนิดหนึ่ง ไม่ใช่มะเร็งต่อมลูกหมาก แต่ถูกตรวจพบขณะที่ทรงเข้ารับการรักษาพระอาการต่อมลูกหมากโต เมื่อไม่นานมานี้
มะเร็งไม่ใช่โรคแปลกใหม่ ใครๆ ก็เป็นได้ แต่โรคที่แปลกจริงๆ คือ โรคฮีโมฟีเลีย ที่คร่าชีวิตคนในราชวงศ์มานักต่อนัก ราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซียก็ล่มสลายด้วยโรคนี้เช่นกัน “พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2” สละราชสมบัติเพราะป่วยเป็นโรคนี้ สมัยปลายราชวงศ์รัสเซียมีปัญหาถาโถม ไหนจะสงครามกับเยอรมนี บ้านเมืองแร้นแค้น ผู้คนอดอยาก แต่ปัญหาที่รุมเร้าที่สุดคือ โรคร้ายของรัชทายาท หรือตำแหน่ง “ซาร์เรวิช อเล็กเซ” ซึ่งป่วยด้วยโรค “เลือดไหลไม่หยุด” หรือฮีโมฟีเลีย
เชื่อกันว่าผู้ที่เป็นต้นตอของการกลายพันธุ์นี้คือ “สมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย” ผู้เป็น “สมเด็จยายแห่งยุโรป” ผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลียจะทุกข์ทรมานจากอาการเลือดออก โดยเฉพาะ บริเวณกล้ามเนื้อและข้อต่อบ่อยครั้ง หากเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ เพียงแค่การเดินชนโต๊ะ ก็อาจจะเกิดภาวะเลือดออกภายในรุนแรงถึงเสียชีวิตได้ เช่นเดียวกับ “ซาร์เรวิช อเล็กเซ” ที่ถึงขนาดต้องให้กะลาสีหนุ่มร่างกายกำยำ คอยอุ้มตอนออกงาน “ซารีนา อเล็กซานดรา” ผู้เป็นแม่จึงยอมให้ “เกรกอรี รัสปูติน” นักบวชจากไซบีเรียเข้าไปรักษาพระโอรส แม้รัสปูตินจะมีประวัติที่กักขฬะและมักมากในกามก็ตาม รัสปูตินก้าวเข้าไปในชีวิตของราชวงศ์ ได้รับบำเหน็จความชอบและสิทธิพิเศษมากมาย กระทั่งนำประเทศเข้าสู่หายนะและทำให้ราชวงศ์โรมานอฟล่มสลายในที่สุด
โรคฮีโมฟีเลียมีอิทธิพลสำคัญมาก สำหรับประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ยุโรปในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 และ 20 เพราะสมเด็จพระราชินีวิกตอเรียทรงถ่ายทอดพันธุกรรมนี้ไปยังราชวงศ์ต่างๆ ในยุโรป ทั้งสเปน เยอรมนี และรัสเซีย ผ่านทางพระธิดาสองในห้าพระองค์คือ “เจ้าหญิงอลิซแห่งสหราชอาณาจักร” และ “เจ้าหญิงเบียทริซแห่งสหราชอาณาจักร” รวมถึง “เจ้าชายลีโอโพลด์” โอรสพระองค์เล็ก ก็ประชวรด้วยโรคฮีโมฟีเลีย ซึ่งในครั้งหนึ่งถูกเรียกว่า "โรคราชวงศ์" (Royal Disease)
เจ้าชายลีโอโพลด์ ประชวรเป็นโรคนี้ตอนอายุ 31 ทรงลื่นล้มบาดเจ็บที่เข่าและศีรษะ จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงก็สิ้นพระชนม์ด้วยภาวะเลือดออกในสมอง
เจ้าชายฟรีดริชแห่งเฮสส์และไรน์ ทรงพลัดตกหน้าต่างทำให้เลือดออกภายในไม่หยุด และสิ้นพระชนม์ขณะมีพระชันษาเพียง 2 ปี
เจ้าชายไฮน์ริชแห่งปรัสเซีย สิ้นพระชนม์เมื่อพระชันษา 4 ปี
เจ้าชายรูเพิร์ตแห่งเท็ค สิ้นพระชนม์เมื่อพระชันษา 20 ปี
เจ้าชายอัลฟอนโซแห่งสเปน และอัสตูเรียส สิ้นพระชนม์เมื่อพระชันษา 31 ปี จากอาการตกเลือดในอุบัติเหตุทางรถยนต์
เจ้าชายกอนซาโลแห่งสเปน สิ้นพระชนม์เมื่อพระชันษา 19 ปี และเจ้าชายลีโอโพลด์แห่งแบตเทนเบิร์ก สิ้นพระชนม์จากการผ่าตัดหัวเข่า