บรรดามหาเศรษฐีมีเงินมากมายที่สามารถนำมาใช้แบบทิ้งๆ ขว้างๆ ได้ บางคนก็เอาไปซื้อแมนชั่นราคาแพง เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว หรือรถสปอร์ตสุดหรู ในขณะที่อีกหลายคนทุ่มซื้อทีมกีฬาโปรด หรือทีมท้องถิ่นบ้านเกิดมาเป็นของตัวเอง ซึ่งทำให้พวกเขาร่ำรวยเพิ่มขึ้นไปอีก
สตีฟ บอลล์เมอร์
เจ้าของทีม: ลอสแองเจลิส คลิปเปอร์ส
อดีตซีอีโอไมโครซอฟต์ สตีฟ บอลล์เมอร์ ที่ชนะการประมูลซื้อทีมบาสเกตบอลเอ็นบีเอ ลอสแองเจลิส คลิปเปอร์ส จากอดีตเจ้าของเดิม โดนัลด์ สเตอร์ลิงไปในราคา 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ก่อนหน้านี้ สตีฟ เป็นที่รู้จักในวงการเทคโนโลยี ในความไม่ธรรมดา และพลังงานสูงของเขา นอกจากนี้ เขายังชอบการลงทุนในกิจการที่น่าสนใจอีกด้วย
ตอนที่ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สตีฟ บอลล์เมอร์ เคยใช้เวลาว่างในการเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลของมหาวิทยาลัยมาแล้ว เขายังเคยให้สัมภาษณ์ว่า ประสบการณ์นั้นสอนอะไรมากมาย ให้นำมาใช้ในการทำธุรกิจ
“ผมไม่ใช่นักกีฬาที่เก่งกาจอะไร แต่ผมรักกีฬา ตอนที่เป็นผู้จัดการทีม ผมได้เรียนรู้หลายสิ่งสำคัญที่ไม่เคยรู้มาก่อนในห้องเรียน เช่นว่า การมีส่วนร่วมในทุกๆ เรื่อง ต้องจำชื่อผู้คนเป็นร้อยๆ ในวันเดียว ต้องางแผนจัดการนักฟุตบอล 100 คน ซึ่งพวกเขาไม่ได้เป็นพวกที่อยู่ในระเบียบวินัยกันทุกคนหรอกนะ”
สตีฟ บอลล์เมอร์ กับ บิล เกตส์ เคยอยู่หอพักเดียวกันในฮาร์วาร์ด ถึงแม้ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์จะเลิกเรียนไปก่อนที่จะจบการศึกษา ทว่า ทั้งคู่ยังเป็นเพื่อนสนิทกัน และในปี 1980 สตีฟ ก็ดรอปเรียนเอ็มบีเอไปช่วยบิลบริหารบริษัท เรียกว่า เป็นผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟต์ก็ว่าได้
“หลายคนแซวเราว่า เป็นหุ้นส่วน หรือผัวเมียกันแน่ ใครจะว่ายังไงก็ช่าง แต่เราก็ช่วยกันเปิดบริษัทที่มหัศจรรย์ชื่อว่า ไมโครซอฟต์ เราทำงานร่วมกันตลอด แม้ว่าเราจะไม่ได้เห็นด้วยกันในทุกเรื่อง แต่เราก็คุยกันด้วยเหตุผล และผ่านการทะเลาะเบาะแว้งไปได้” สตีฟ ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เดอะ เทเลกราฟ อีกว่า “เหมือนกับที่คนบอดว่าพวกเราเหมือนเป็นผัวเป็นเมีย เป็นพี่เป็นน้องกัน เพื่อนสนิทที่มาทำงานด้วยกันก็เหมือนลิ้นกับฟัน คุณมีสิทธิ์ที่จะเห็นต่าง และต้องมาถกกันว่าเหตุผลของใครดีกว่า ต้องมีการยอมรับความคิดเห็นของกันและกัน ก็จะรู้สึกดี ไม่มีปัญหา”
นอกจากเข้าใจกันและกันแล้ว ทั้งสองยังมีอารมณ์ขันด้วย พวกเขาเคยถ่ายวิดีโอคลิปเล่นๆ ระหว่างการประชุมของไมโครซอฟต์ด้วย ฮาขนาดไหนก็เข้าไปดูกันได้ (https://youtu.be/IY2j_GPIqRA)
ในย่านที่สตีฟ บอลล์เมอร์ อาศัยอยู่ มีประชากรเพียง 400 คน โดยส่วนใหญ่เป็นมหาเศรษฐีกันทั้งนั้น เป็นเมืองที่อยู่ริมทะเลสาบวอชิงตัน ตรงข้ามกับเมืองซีแอตเทิล ซึ่งบ้านของเขาใช้เวลาเดินทางไปยังออฟฟิศไมโครซอฟต์ในเรดมอนด์เพียง 15 นาทีเท่านั้น
บ้านริมน้ำของสตีฟก็ดูดีนะ แต่เมื่อเทียบกับบ้านสไตล์อังกฤษที่อยู่ติดกันขนาด 12,200 ตารางฟุตแล้วก็เทียบกันไม่ติด ก่อนหน้านี้ เคยเป็นบ้านของ เคนนี จี ทว่า เคร็ก แมคคอว์ นักธุรกิจด้านเทคโนโลยีมาซื้อไปในปี 1999 ในราคาราว 26 ล้านดอลลาร์ รายงานข่าวไม่ได้บอกว่า สตีฟไปซื้อต่อมาในราคาเท่าไหร่
มหาเศรษฐีอย่าง สตีฟ ใช้รถง่ายๆ อย่าง รถฟอร์ด โดยเขาเลือกใช้ยี่ห้อนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่บิดาที่เคยทำงานเป็นผู้จัดการบริษัทรถยนต์ฟอร์ดในดีทรอยต์ นอกจากนี้ เขายังสนิทสนมกับซีอีโอของฟอร์ด อย่าง อลัน มูลัลลี ซึ่งมาช่วยสตีฟวางแผนจัดระเบียบองค์กรไมโครซอฟต์ใหม่ในปี 2012 อีกด้วย
แม้จะออกตัวว่าไม่ใช่นักกีฬาที่เก่งกาจ แต่การตีกอล์ฟก็นับเป็นกีฬาที่เขาโปรดปรานอย่างหนึ่ง และความที่เขาร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี ทำให้เขาสามารถไปตีกอล์ฟที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ เขาเคยคุยกับคณบดีโรงเรียนธุรกิจในมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดว่า “ผมเล่นกอล์ฟได้ทุกที่ในโลกนี้ ไม่ได้เล่นเก่งหรอกนะครับ แต่ชอบเล่นมากๆ”
นอกจากเล่นกอล์ฟและดูบาสเกตบอลแล้ว สตีฟบอกว่า ไม่มีงานอดิเรกอย่างอื่นเท่าไหร่ เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการทำงานมากกว่า
อย่างที่บอกว่า เขามีพลังงานสูงมาก ทำให้มีฉายาในวงการว่า “นายลิง” โดยเฉพาะหลังจากทุกคนได้เห็นคลิปที่เขากระโดดไปมาทั่วเวที ในงานฉลองความสำเร็จของไมโครซอฟต์บนโลกอินเทอร์เน็ต ครั้งหนึ่งในงานประชุมตัวแทนการค้าในญี่ปุ่น เขาตะโกนเสียงดัง “วินโดว์ๆๆ” ซึ่งดังเสียจนทำให้หลอดเสียงอักเสบ ต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วน
ก่อนหน้านี้ที่เขาจะซื้อทีมลอสแองเจลิส คลิปเปอร์ส เขาเคยสนใจทีมซาคราเมนโต คิงส์ แต่การเจรจาให้ทีมย้ายมาอยู่ซีแอตเทิลไม่สำเร็จ เป้าหมายจึงมาตกที่ทีมคลิปเปอร์สแทน ซึ่งที่ราคา 2 พันล้านดอลลาร์นับว่าเป็นจำนวนที่มาเป็นอันดับสองของประวัติศาสตร์การซื้อทีมกีฬาในทวีปอเมริกาเหนือ
เดวิด เทปเปอร์
เจ้าของทีม: คาโรไลนา แพนเทอร์ส
หนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ เดวิด เทปเปอร์ ที่ก่อตั้งกองทุนของตัวเองขึ้นมาลงทุนในหลักทรัพย์และตราสารทางการเงินต่างๆ จนร่ำรวยเป็นพันๆ ล้าน แม้จะเป็นมหาเศรษฐี แต่ผู้คนรู้จักตัวตนของเดวิดน้อยมาก เพราะเขาไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องราวในชีวิตสักเท่าไหร่
นักลงทุนอย่างเขาไม่ได้รวยขึ้นมาแบบพุ่งพรวด เขาก็เคยผิดหวัง ล้มลุกคลุกคลานมาก่อน โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ที่ไร้ประสบการณ์ โดยหุ้นที่ลงทุนในช่วงแรกพ่อของเขาเป็นคนซื้อให้ เป็นหุ้นของบริษัทวิศกรรมและสถาบันจัดหางานในเพนซิลเวเนีย ที่ต่างจบลงด้วยการล้มละลายทั้งคู่
เคราะห์ดีที่ความล้มเหลวครั้งแรกนี้ ไม่ได้ขัดขวางความก้าวหน้าของเดวิด เขายังคงมุ่งมั่นในสายนักลงทุนต่อไปจนประสบความสำเร็จในทุกวันนี้
แม้ว่ามหาเศรษฐีหลายคนที่ดรอปเรียนกลางคัน ทั้งมาร์ก ซักเคอร์เบิร์กและบิล เกตส์ จะกลายเป็นไอดอลของเด็กรุ่นใหม่ ที่เห็นว่า ไม่ต้องเรียนต่อก็รวยได้ แต่เดวิด เทปเปอร์เป็นตัวอย่างของคนที่ยังยึดมั่นในการศึกษา โดยเขาจบจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก ก่อนที่จะไปต่อปริญญาโทด้านการบริหารอุตสาหกรรมจากมหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน โดยเขาบอกว่า การศึกษาคือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด เพราะเป็นตัวช่วยในการเตรียมพร้อมของเขาสู่หน้าที่การงานที่รัก
สำหรับนักลงทุนทั้งหลาย ดารได้ทำงานกับโกลด์แมน แซคส์ นับว่าเป็นยิ่งกว่าความฝัน โกลด์แมน แซคส์ คือบริษัททางด้านการเงินที่มีชื่อเสียงและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีมูลค่ากว่าแสนล้านดอลลาร์ เขาไม่ได้แค่ทำงานให้บริษัทนี้เท่านั้น หากอยู่ในตำแหน่งที่มีส่วนคัดสรรพนักงานใหม่ๆ เข้ามาด้วย
อย่างไรก็ตาม เดวิด ทำงานอยู่กับบริษัทใหญ่ในตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มลงทุนราวๆ 8 ปี ก็ตัดสินใจออกมาตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ของตัวเอง ชื่อ อัปพาลูซา แมเนจเมนต์ ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง แม้ว่าจะเจอกับพิษเศรษฐกิจในปี 2008 แต่อัปพาลูซายังไปได้สวย
ขณะที่มหาเศรษฐีหลายคนที่ประสบความสำเร็จ อาจจะละเลยความสัมพันธ์ในครอบครัวไป แต่ไม่ใช่ เดวิด เทปเปอร์ ที่มีเวลาให้ลูกชายทั้งสามของเขาเสมอ โดยเฉพาะการช่วยเหลือลูกเรื่องเล่นกีฬา ถึงกับทำตัวเป็นโค้ชเองก็ทำมาแล้ว
ถึงจะเป็นมหาเศรษฐี แต่ชีวิตของเดวิดก็ไม่ได้เพอร์เฟคต์ แม้จะมีเงินมากมาย หรืออาจจะเป็นเพราะมีเงินมากไป เขาต้องเลิกรากับภรรยา มาร์ลีน เทปเปอร์ ที่ใช้ชีวิตร่วมกันมากว่า 30 ปี จนมีลูกด้วยกัน 3 คน
มหาเศรษฐีพ่อหม้ายลูกสามเกิดและเติบโตในพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ความฝันของเขาคือดารได้เป็นเจ้าของทีมอเมริกันฟุตบอลพิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ในเอ็นเอฟแอล อย่างไรก็ตาม เขามีหุ้น 5% ในทีมรักนี้ และยังนำเงินลงทุนในหุ้นใหญ่ของทีม คาโรไลนา แพนเทอร์ส ที่โอกาสเปิดให้พร้อมกันไปด้วย
ฟิลิป แอนส์ชูตซ์
เจ้าของทีม: ลอสแองเจลิสคิงส์, แอลเอแกแลคซี
เทศกาลดนตรีโคชเชลลาที่จัดขึ้นทุกปีในเดือนเมษายนแต่ต้องหยุดชะงักลงไปเนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 โดยในปีนี้ก็ได้ถูกเลื่อนไปจัดในเดือนตุลาคม โปรโมเตอร์ของเทศกาลก็คือชายวัย 80 เจ้าของโคชเชลลา นาม ฟิลิป แอนส์ชูตซ์ ผู้มีฉายาว่าเป็น ชายผู้เป็นเจ้าของเมืองแอลเอ
แม้จะอาศัยอยู่ในโคโลราโด แต่เขากลับผูกพันกับเมืองใหญ่ที่สุดในแคลิฟอร์เนียมากกว่า ผ่านบริษัทพลังงาน แอนส์ชูตซ์คอร์ปอเรชันและแอนส์ชูตซ์ เอนเตอร์เทนเมนต์ กรุป (AEG) ที่จัดเทศกาลดนตรีและศิลปะโคชเชลลา วัลลีย์ ซึ่งมีผู้คนเข้าชมวันละ 1 แสนคน ในปี 2018
AEG บริหารคลับและโรงภาพยนตร์ทั่วโลกกว่า 90 แห่ง และยังเป็นโปรโมเตอร์จัดเทศกาลดนตรีมากกว่า 25 เทศกาล ฟิลิป ยังเป็นเจ้าของทีมฮอคกี ลอสแองเจลิส คิงส์ และมีหุ้น 1 ใน 3 ของทีมบาสเกตบอลดังอย่าง ลอสแองเจลิส เลเกอร์ส หรือแอลเอ เลเกอร์ส รวมทั้งทีม แอลเอแกแลคซี ที่ใช้สนามเดียวกัน คือ สแตปเปิลส เซ็นเตอร์ด้วย
ฟิลิป แอนส์ชูตซ์ ซื้อทีมลอสแองเจลิส คิงส์ ในปี 1995 ซื้อทีมฟุตบอลเอ็นเอฟแอล แอลเอแกแลคซี รวมทั้งหุ้นทีมเอ็นบีเอ แอลเอ เลเกอร์ส ในปี 1998 นอกจากนี้ เขายังเป็นเจ้าของทีมซินซินเนติ ไซโคลนส์ ทีมออนทาริโอ ไรน์ รวมทั้งทีมฮอคกีและสนามกีฬาในเยอรมนีและสวีเดนด้วย
เจ้าของบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ ยังมีกิจการรีสอร์ตเป็นของตัวเองด้วย อย่าง บรอดมัวร์ ในโคโลราโด สปริงส์ “ผมมาที่นี่ตั้งแต่ 5 ขวบ พอ 10 ขวบ ผมก็บอกพ่อแม่ว่า ผมจะซื้อบรอดมัวร์มาเป็นของตัวเอง” และเขาก็ทำจริงๆ ในปี 2011 ฟิลิป ยังเป็นเจ้าของ ซี ไอส์แลนด์ รีสอร์ต ในจอร์เจีย ที่เขาซื้อมาในปี 2016 เขามีที่ดินมากกว่า เจฟฟ์ เบซอส เสียอีก
ว่ากันว่า เวลามาที่ลอสแองเจลิส เขาไม่มีคนขับรถ ผู้ช่วยส่วนตัว หรือบอดีการ์ดเลย เขาชอบที่จะไปดูการแข่งขันของทีมเลเกอร์ส และคิงส์ ที่สแตปเปิลส์ เซ็นเตอร์ แบบคนธรรๆ ที่ไม่มีใครจำได้ ลอสแองเจลิสไทม์ส รายงานว่า เขาไม่มีที่อยู่ถาวรในลอสแองเจลิส
“ฟิลิป เหมือนเป็นพ่อมดแห่งออซ เขาอยู่หลังฉากของทีมเหล่านี้ โดยที่ไม่มีใครเห็น แต่เขามีอิทธิพลมากในลอสแองเจลิส” ดิ อีโคโนมิสต์รายงานด้วยว่า เขาเคยจัดแถลงข่าวเพียง 2 ครั้งเท่านั้น
ในวันว่างๆ ฟิลิป แอนส์ชูตซ์ ชอบไปล่าสัตว์ เล่นเทนนิส สควอช และจ๊อกกิง เขากับภรรยามีลูก 3 คน 2 หญิง 1 ชาย โดย ลิบบี แอนส์ชูตซ์ ลูกสาวคนหนึ่งโตขึ้นมาเป็นนักดนตรี ขณะที่ลูกสาวอีกคน ซาราห์ แอนส์ชูตซ์ ฮันต์ เป็นกรรมการบริหาร มูลนิธิครอบครัวแอนส์ชูตซ์
เป็นที่รู้กันว่า ฟิลิป สนับสนุนพรรครีพับลีกัน ในปี 2018 เขาบริจาคเงินให้พรรค 33,900 ดอลลาร์ ขณะที่ปีก่อนหน้านั้น ก็บริจาคไป 104,600 ดอลลาร์ และยังให้เงินผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง อย่างพอล ไรอัน และออร์ริน แฮตช์ ด้วย
ในปี 2017 ฟิลิปโดนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่เขาบริจาคเงินให้กลุ่มต่อต้าน LGBTQ ทั้งอัลลิอานซ์ ดีเฟนดิง ฟรีดอม, มูลนิธิคริสเตียนแห่งชาติ และแฟมิลี รีเสิร์ช เคาน์ซิล จนเขาต้องออกมาแก้ข่าว “ที่บอกว่าผมเป็นพวกต่อต้าน LGBTQ นั้นเป็นข่าวปลอม มันแย่มากๆ เลยที่ไปลงข่าวแบบนั้น ผมก็บอกว่า ผมเคารพสิทธิ์ของทุกๆ คน รวมทั้งทุกเพศสภาพด้วย”