เริ่มต้นปีใหม่ 2565 นี้กันด้วยเรื่องราวน่าสนใจของเทรนด์นำสมัย ที่กำลังจะมาแรง แฟชั่นแบบไหนที่ต้องมีประดับตู้ บิวตี้สีสัน แต่งหน้าสไตล์ไหนที่ควรลองฝึกฝีมือดู เพราะเชื่อว่าต้องได้หยิบยกมาแต่งมาใช้ในปีนี้แน่นอน พร้อมอัปเดตเทคโนโลยีที่มาใหม่ ไปจนถึงรูปแบบคอนเซ็ปต์แนวคิดการใช้ชีวิตให้ก้าวทันยุคทันสมัยกัน
1.ดูแลความงามแบบรักษ์โลก
อุตสาหกรรมความงามเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ในเรื่องการสร้างขยะจากบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วทิ้ง แบรนด์เครื่องสำอางและสกินแคร์ จะหันมาคิดค้นและเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เป็นแบบรีฟิลกันมากขึ้น เพื่อความงามอย่างยั่งยืน ทั้งผู้ผลิต ผู้ใช้ และสิ่งแวดล้อม วิธีการเปลี่ยนรีฟิลเฉพาะเนื้อผลิตภัณฑ์นี้ จะช่วยเซฟเงินในกระเป๋าของผู้บริโภคอีกด้วย นอกจากนี้ แล้วบรรดาสกินแคร์ในรูปแบบของเหลวนั้น ส่งผลเสียกับน้ำทิ้งและเป็นพิษต่อระบบนิเวศน์ทางน้ำมากเกินไป จากส่วนประกอบเคมีทั้งหลาย จึงไม่ต้องแปลกใจที่เราจะพบผลิตภัณฑ์ อย่าง สบู่ แชมพู สครับ โลชั่น และอื่นๆ ในรูปแบบก้อนกันมากขึ้น
2.นวัตกรรมใหม่เสริมความสวย
เมื่อโควิดทำให้ผู้คนใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น กระแสนวัตกรรมและอุปกรณ์เสริมความงามด้วยตนเอง จึงถูกพัฒนาให้ใช้งานง่าย มีความหลากหลายมากขึ้น อาทิ เครื่องทำความสะอาดผิวหน้า ทำทรีตเมนต์ มาส์ก LED แปรงไฟฟ้า สปา ไปจนถึงเลเซอร์หน้าใส หรือกำจัดขน
3.โลกบิวตี้เป็นของทุกคน
เทรนด์ความหลากหลายที่แบรนด์เครื่องสำอางต่างๆ มีสินค้าให้เลือกมากยิ่งขึ้นในแต่ละผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ครอบคลุมทุกความแตกต่างของผิว ทั้งผิวแห้ง ผิวมัน ผิวบอบบาง ไปจนถึงเรื่องสีผิวที่หลากหลายโทน รวมถึงบรรดาแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่จะไม่จำกัดเฉพาะเพศชายและหญิง แต่จะรวมถึงเพศทางเลือก และบุคคลในโลกเสมือนจริงอีกด้วย
4.สติกเกอร์มาแรง
ใบหน้าและเรือนร่าง จะเป็นผ้าใบผืนใหญ่ให้แต่งแต้มลุคที่สนุกสนานและสร้างสรรค์ เน้นไอเทมที่ปรับเปลี่ยนได้ง่าย อย่าง สติกเกอร์ ไล่ไปตั้งแต่ไลเนอร์สติกเกอร์ สติกเกอร์คริสตัล (face gems) ไปจนถึง สติกเกอร์ติดเล็บ
5.ผู้ชายก็ครองตลาดเครื่องสำอางได้
เซเลบชายหลายคนโดดเข้าสู่ธุรกิจความงาม อย่าง แฮร์รี่ สไตล์ส ที่เพิ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เล็บ น้ำหอม และเครื่องสำอาง หรือ ดีเจ คาเลด ที่มีแบรนด์สกินแคร์ผู้ชายซึ่งมีส่วนผสมของกัญชา จนคาดการณ์ได้ว่าผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายและวงการกรูมมิ่งจะเฟื่องฟูมากขึ้นในปีนี้
6.สีม่วงต้องมา!
เป็นประจำทุกปีกับการกำหนดสีแห่งปี โดย Pantone บริษัทดังระดับโลกที่มีชื่อเสียงและมีมาตรฐานของค่าสี สำหรับปีนี้ Pantone ขอยกให้ โทนสีม่วง Very Peri (PANTONE 17-3938) เป็นสีประจำปี 2022 สำหรับความหมายของสีม่วงนั้นคือ ความกล้าหาญ สร้างสรรค์ และการเปลี่ยนแปลง ที่สื่อให้ทุกคนกล้าที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรใหม่ๆ ว่าแล้วก็เตรียมค้นหาเสื้อผ้าโทนม่วง มาสร้างพลังบวกให้ตัวเองก่อนเลย! ส่วนด้านวงการบิวตี้ก็ไม่น้อยหน้า ไม่ว่าจะทั้ง Very Peri ของแพนโทน หรือ Purple Rose และ Festival Fuchsia จากสำนักวิจัยเทรนด์ WGSN ก็ล้วนแล้วแต่สีม่วงไปซะทั้งหมด ดังนั้น ปีนี้ไม่ว่าจะสีผม สีเครื่องสำอาง การแต่งหน้าไปจนถึงสีเล็บ ต้องหาผลิตภัณฑ์เหล่านี้มาไว้ในครอบครอง
7.ลายตารางหมากรุกคัมแบ็ค
เห็นกันจนชินตากับเสื้อผ้าลายสก็อต ลายตารางหมากรุก แต่สำหรับปี 2022 นี้ ลวดลายตารางหมากรุก หรือ Cottage checks จะกลับมาสร้างความสนุกกับการแต่งตัวของแฟชั่นนิสต้า ด้วยลวดลายตารางหมากรุกที่แตกต่างกันในการออกแบบ สีสัน และการนำมาออกแบบเป็นเสื้อผ้าแต่ละชิ้น
8.บิ๊กไซส์ในฟอร์มโอเวอร์ไซส์
หมดยุคของการใส่เสื้อผ้าฟิตเปรี๊ยะ เพราะในซีซันส์นี้เป็นเรื่องของโอเวอร์ไซส์ ที่เหล่าแฟชั่นนิสต้ามักจะจัดไซส์ใหญ่ๆ ใส่แบบหลวมๆ โคร่งๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นทรงเสื้อยืดตัวใหญ่ กางเกงทรงขาบาน เบลเซอร์สูทตัวใหญ่คลุมสะโพกเหมือนเอาเสื้อเพื่อนชายมาใส่ ซึ่งนอกจากจะเป็นการอำพรางรูปร่างแล้ว หลายคนมีความเห็นตรงกันว่า สวมใส่สบาย คล่องตัว ไม่ต้องคอยระวังโป๊อีกต่างหาก ซึ่งก็มิกซ์แอนด์แมตช์ได้แบบสไตล์ใครสไตล์มัน
9.แฟชั่นเข้าไปอยู่ในทุกไลฟ์สไตล์
แม้จะซบเซาเล็กน้อยในช่วงโควิด-19 ระบาด ทำให้วงการแฟชั่นต้องปรับตัว นอกจากจะแข่งขันกันในเรื่องของดีไซน์แต่ละคอลเลกชันแล้ว ยังต้องขยันคิดว่าจะทำอย่างไรให้เข้าถึงคนได้มากขึ้น ให้คนรู้จักและสัมผัสกับแบรนด์ตัวเองมากขึ้น ฉะนั้น เราจะเริ่มเห็นการจับมือของแบรนด์แฟชั่นกับแบรนด์ไลฟ์สไตล์ต่างๆ อย่างที่เมืองไทยก็เห็นการร่วมมือกันของแบรนด์ MCM ที่เปิด MCM Café โดยดึงแบรนด์ขนมหวานอันดับหนึ่งของเมืองไทย อย่าง After You มาร่วมด้วย
10.Collaboration Power
ถึงเวลาแล้วที่เหล่าแบรนด์แฟชั่นต้องร่วมมือกัน แม้ว่าเมื่อปี 2021 จะมีความฮือฮาครั้งใหญ่เมื่อ 2 แบรนด์แฟชั่น อย่าง Gucci ร่วมมือกับแบรนด์ Balenciaga สร้างคอลเลกชันพิเศษที่ไม่เคยทำมาก่อนในโลก ถึงขั้นนำลายโมโนแกรมและโลโก้ของแต่ละแบรนด์ มามิกซ์ในไอเทมเดียวกันเลยทีเดียว และแบรนด์ Gucci เอง ก็ยังได้ร่วมมือกับอีกหลายแบรนด์ในการสร้างคอลเลกชันใหม่ๆ ขยายกลุ่มลูกค้าซึ่งในปี 2022 นี้มีเซอร์ไพรส์อีกแน่นอน!
11.ดินเนอร์ที่ไม่ได้เสิร์ฟแค่อาหาร
โลกหลังเกิดโควิด-19 ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่มีทัศนคติในการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ออกสังคมน้อยลง พยายามหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น ทำให้ร้านอาหารทั้งหลายต้องเกิดการปรับตัว เพราะการตัดสินใจไปกินข้าวนอกบ้าน มีปัจจัยให้ต้องพิจารณามากขึ้นว่า คุ้มค่ากว่าการสั่งเดลิเวอรี่ หรือ Take Home กลับไปกินที่บ้านอย่างไร ดังนั้น การจะออกไปดินเนอร์ ร้านจึงต้องเสิร์ฟมากกว่าอาหาร ต้องสร้างประสบการณ์แห่งการกินที่หาที่ไหนไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศการตกแต่ง เสียงเพลงที่เข้าคอนเซ็ปต์ของมื้ออาหาร การสร้างสตอรี่ในการเสิร์ฟแต่ละจาน การรับชมการปรุงอาหารจากเชฟใหญ่ การเลือกใช้ภาชนะแต่ละใบ ไปจนถึงการนำมัลติมีเดียมาร่วมสร้างประสาทสัมผัส ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่ต้องทำให้การตัดสินใจไปนั่งรับประทานมื้อพิเศษที่ร้านควรค่าที่สุด
12.เที่ยวสายลุยไม่ง้อโรงแรม
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้เข้ากับชีวิตแบบนิวนอร์มอล ทำเอาหลายคนขยาดที่จะไปพักในสถานที่ที่มีผู้คนเยอะๆ อย่าง ในโรงแรมหรือรีสอร์ทดังๆ แต่หันมาเลือกเส้นทางพักผ่อนแบบสงบๆ เป็นส่วนตัว ด้วยการเข้าหาธรรมชาติ แบบการเที่ยวสไตล์แคมปิ้ง ไปว่าจะเป็นการเลือกใช้การกางเต็นท์ นอนรถบ้าน หรือที่พักสไตล์แคมป์ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมและเปิดให้บริการกันในหลากหลายจังหวัด มีทั้งสไตล์ลุย สไตล์หรู ให้เลือกเข้าพักกันได้แบบไม่ต้องง้อโรงแรมใหญ่
13.การเดินทางเสมือนจริง
ไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวทิพย์ สำหรับคนที่ไม่สามารถเดินทางไปได้ ผ่านทางเทคโนโลยีเสมือนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Virtual Travel ช่องทางต่างๆ ที่มีให้เลือกทั้งเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น คุณสามารถไปเยือนพิพิธภัณต์ลูฟว์ได้แบบไม่ต้องไปยืนต่อคิว หรือจะไปไหว้พระที่วัดสำคัญต่างๆ ผ่านเว็บที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสร้างสรรค์ขึ้น หรือจะเลือกใช้บริการฝากคนอื่นเที่ยวก็ได้ เหมือนอย่าง “บอกบุญ เดลิเวอรี่” แพลตฟอร์มสำหรับสายมู ที่เป็นสะพานบุญออนไลน์ ให้เหล่าคนไทยที่ไม่สามารถเดินทางไปทำบุญ ไหว้พระเสริมดวง หรือแก้บนในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หรือวัดดังๆ ในต่างประเทศได้เหมือนอย่างแต่ก่อน ก็สามารถจ้างให้คนไปทำพิธีกรรมต่างๆ แทนตัวเองได้แบบครบถ้วนตามหลัก โดยสามารถเลือกใช้บริการได้ ไม่ว่าจะเป็นที่ ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน หรือพม่า
14.ยุคนางแบบหน้าเก๋กำลังจะกลับมา
จากในอดีตที่เหล่านางแบบบนรันเวย์และซูเปอร์โมเดลต่างๆ มักจะเป็นคนมีสไตล์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ก้าวข้ามมาสู่ยุคนางแบบ เซเลบริตีตั้งแต่เกิด อย่าง พวกทายาทคนดังทั้งหลาย ช่วงราวๆ 10 ปีก่อน และตามมาด้วยเทรนด์คนดังในโลกโซเชียล ก้าวจากโลกออนไลน์มาสู่รันเวย์จริงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในปีนี้กระแสรันเวย์กำลังจะกลับไปสู่ความงามแบบเป็นเอกลักษณ์ เพราะทุกวันนี้คนเรามองหาความแตกต่าง ความเป็นแบบฉบับที่ไม่มีใครเหมือน จึงถึงเวลาของ ลิน่า ครูซ จากสาธารณรัฐโดมินิกัน, อเมริกา กอนซาเลส จากเวเนซูเอลา หรือ ควานน่าห์ เชสซิ่งฮอร์ส ชาวอเมริกันพื้นเมือง
15.จับตาดูความเครียด
เหล่าเครื่องมือตรวจวัดสุขภาพที่เราสวมใส่ติดตัว ไม่วาจะเป็นสมาร์ทวอตช์สารพัดยี่ห้อ หรือสายรัดข้อมือสุขภาพทั้งหลาย จากในอดีตเน้นดูผลอัตราการเต้นของหัวใจ การหายใจ การพักผ่อน หรือเดินกี่ก้าว เผาผลาญกี่แคลอรี่ ตอนนี้ได้เพิ่มฟังก์ชั่นใหม่คือ การตรวจวัดความเครียด เพราะเป็นปัญหาใหญ่ของคนเจนเนอเรชั่นนี้ โดยใช้การวัดผ่านทางการเต้นของหัวใจดูจังหวะ ช่วงระยะการเต้น คำนวณออกมาเป็นค่าความเครียด ให้ทุกคนได้ตระหนักถึงและจะได้สร้างความสมดุลในชีวิต เพราะไม่เพียงแค่การออกกำลังกายที่จำเป็น การออกกำลังใจก็สำคัญไม่แพ้กัน