เศรษฐกิจก่อน COVID-19 ก็แย่อยู่เป็นทุนแล้ว เจอโรคระบาดเข้าไปอีก แม้กระทั่งคนระดับมหาเศรษฐีก็ยังต้องกุมขมับ อย่าง เซอร์ริชาร์ด แบรนสัน เจ้าของอาณาจักรเวอร์จิ้นนั้นถึงกับออกมาโอดครวญหาผู้ร่วมต่อทุนกิจการการบิน เวอร์จิ้น แอตแลนติก ที่ส่อเค้าถึงทางตัน แม้ว่าจะมีสิทธิได้รับเงินชดเชยจากรัฐบาลอังกฤษจำนวนมหาศาลแล้วก็ยังส่ออาการร่อแร่
ล่าสุด ท่านเซอร์ริชาร์ดได้ยื่นข้อเสนอให้แก่นักลงทุนรายใหม่ที่จะเข้ามาช่วยซื้อหุ้น ช่วยกอบกู้สถานการณ์ของบริษัท โดยนอกจากได้หุ้นแล้วเขายังจะแถมรีสอร์ตบนเกาะส่วนตัว มูลค่า 80 ล้านปอนด์ ให้ไปเลย
ก่อนหน้านี้หุ้นส่วนของเวอร์จิ้น แอตแลนติก กว่า 50 ราย ต่างก็พยายามหาวิธีการต่างๆ ทั้งการระดมทุน ขายหุ้น เพิ่มทุนเข้ามาเพื่อประคับประคองกิจการให้เอาตัวรอดไปได้ เรียกว่า กลุ่มนักลงทุน นำโดยเซอร์ริชาร์ด แบรนสัน ได้ทำทุกวิถีทาง มี 100 ตัวเลือกก็ทำไปหมดทุกอย่างแล้ว
สำหรับนักลงทุนที่เป็นที่หมายตาของท่านเซอร์ และเตรียมจะไปเจรจา ได้แก่ เทมาเส็ก ของสิงคโปร์ และบริษัทเซอร์เบรัส แคปปิตอล แมเนจเมนต์ ในวอลล์สตรีท
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า บริษัทแลนดอว์น พาร์เนอร์ส ในสหราชอาณาจักร ให้ความสนใจจะซื้อหุ้นของเวอร์จิ้น แอตแลนติก ทว่า โฆษกของแลนดอว์นออกมาแก้ข่าวว่าไม่เป็นความจริง
ภาพลักษณ์ของเซอร์ริชาร์ด แบรนสันนั้น ผู้คนล้วนมองว่าเขาเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกคนหนึ่ง เครดิตนี้คงไม่ยากนักที่เขาจะหาผู้ร่วมลงทุนเข้ามากอบกู้บริษัท ในขณะเดียวกัน ภาพความร่ำรวยของเขาก็อาจจะเป็นดาบสองคม ทำให้เขาอาจจะต้องชวดเงินชดเชยที่รัฐบาลจะจ่ายให้ สำหรับนักธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมาล่ะก็
สำหรับเซอร์ริชาร์ด แบรนสัน คาดว่ามีทรัพย์สินมูลค่า 4,000 ล้านปอนด์ ทว่า ขณะนี้เขากำลังจะสูญเสียสาขาของธุรกิจการบินที่ออสเตรเลียไป โดย เวอร์จิ้น ออสเตรเลีย นับว่าเป็นบริษัทลูกทางด้านอากาศยานที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอาณาจักรเวอร์จิ้นเลยทีเดียว เมื่อเร็วๆ นี้ เซอร์ริชาร์ดได้ออกมาเรียกร้องขอเงินชดเชยจากรัฐบาลออสเตรเลียกว่า 700 ล้านปอนด์
ท่านเซอร์ยังออกมายื่นกู้เงินต่อรัฐบาลอังกฤษอีก 500 ล้านปอนด์ เพื่อนำพาอาณาจักรเวอร์จิ้นของเขาให้พ้นจากการล่มสลายจากวิกฤตไวรัสโคโรนา โดยเอาเกาะเนคเคอร์ เกาะส่วนตัวของเขาในทะเลแคริบเบียนเป็นหลักประกัน
โฆษกของกลุ่มบริษัทเวอร์จิ้นบอกว่า เซอร์ริชาร์ดต้องการที่จะรักษาธุรกิจการบินเอาไว้อย่างแรงกล้า “เพราะเป็นแพสชันของท่าน เป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มเวอร์จิ้น นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญคือท่านไม่ต้องการให้เกิดการเลย์ออฟ ไม่อยากให้ใครต้องตกงาน หากมีทุนใหม่เข้ามาสนับสนุนก็จะทำให้เกิดความมั่นคงทางการเงินทันที”
ในเวลาใกล้ๆ กัน เวอร์จิ้น มีเดีย ก็โดนก่นด่าจากผู้ใช้บริการบรอดแบนด์ทั่วสหราชอาณาจักร เมื่อปล่อยให้อินเทอร์เน็ตล่มนานถึง 15 นาที แถมบางคนไม่มีอินเทอร์เน็ตมาสัปดาห์หนึ่งแล้ว เช่นเดียวกับผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ไม่มีสัญญาณเช่นเดียวกัน โดยสาหัสมากในเบอร์มิงแฮม นอตติ้งแฮม กลาสโกว์ ลอนดอน แมนเชสเตอร์ บริสตอล เซาท์แฮมตัน อีสต์ลีห์ และลิเวอร์พูล รวมๆ แล้วกว่า 5 หมื่นรายที่ร้องเรียนเข้ามา
ข่าวนี้ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ด้านธุรกิจของเซอร์ริชาร์ด แบรนสันย่ำแย่ลงไปอีก แม้ว่าจริงๆ แล้วเขาถือหุ้นในเวอร์จิ้น มีเดีย เพียง 15% เท่านั้นเอง แต่พอพะยี่ห้อว่า “เวอร์จิ้น” คนที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางก็จะเริ่มด่าท่านเซอร์ก่อนเป็นรายแรก