xs
xsm
sm
md
lg

ตามไปปักธงผ้าไหมไทยให้ทั่วโลก กับ “แหวนแหวน-ปวริศา เพ็ญชาติ”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของสาวคนนี้ไปซะแล้ว เพราะหลายๆ ครั้งเรามักจะเห็น “แหวนแหวน-ปวริศา เพ็ญชาติ” สวมใส่ชุดผ้าไหมไทยในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะไปร่วมงานสังคม สังสรรค์กับเพื่อน หรือเดินทางไปต่างประเทศ อีกทั้งยังโพสต์ลงโซเชียลให้แฟนคลับได้คลิกไลค์กับสไตล์อันร่วมสมัยของผ้าไหมไทย ที่แต่ละชุดเธอเป็นคนออกแบบสไตล์เอง! และครั้งนี้เธอยังมาบอกเล่าถึงความมุ่งมั่นใหม่ในชีวิต นั่นคือการนำผ้าไหมไทยให้ชาวต่างชาติได้ประจักษ์ถึงความสวยงาม

ต้องบอกว่าเป็นการรอคอยที่ค่อนข้างใช้เวลาเลยทีเดียว กว่าที่เราจะได้มานั่งพูดคุยเจาะลึกเรื่องสไตล์ของเธอ เพราะด้วยความที่สาวแหวนมีหลายบทบาทในชีวิต อีกทั้งต้องเดินทางติดต่องานต่างประเทศ จึงไม่ค่อยมีเวลามานัก แต่เมื่อได้ทราบถึง 5 บทบาทหน้าที่ของเธอในตอนนี้ ก็พอจะเข้าใจว่าทำไมเธอถึงเป็นสาวที่หาตัวจับยากจริงๆ



“หลักๆ ยังทำงานให้บริษัทคุณพ่อ (บริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)) ผลิตและจำหน่ายกระเบื้อง “เซอเกรส” และ “ดูราเกรส” โดยแหวนเป็นกรรมการบริหาร ดูแลเรื่องเซลและโปรโมชัน ง่ายๆ ก็คือเรื่องการการตลาดและการขายนั่นเอง

นอกจากนั้น มีบริษัทผลิตรายการโทรทัศน์ชื่อ “Cloud 9 Creation” ทำรายการ First class Thailand by JKN CNBC ที่ออกอากาศทางช่องอมรินทร์ เป็นรายการท่องเที่ยวในประเทศไทยแบบ First class ซึ่งล่าสุดเพิ่งได้รางวัล Asian Academy Creative Award 2019 ในสาขา Best Lifestyle Program 2019 เป็นสิ่งที่แหวนดีใจมาก


งานสอนหนังสือก็ยังสอนอยู่ โดยแหวนสอนวิชาเศรษฐศาสตร์ ที่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ภาคอินเตอร์ ส่วนงานพิธีกรก็ยังไม่ทิ้ง ยังเป็นพิธีกรทางช่อง 3 อยู่ไม่ว่าจะเป็นรายการครอบครัวดนตรีแชนแนล 3, ช่อง 3 คอนเสิร์ตสัญจร” โอ้โห! มีหลายบทบาทจริงๆ ด้วย

และกับงานล่าสุดที่เธอบอกกับเราว่า คิดว่าจะทำเป็นงานอดิเรก แต่กลับกลายเป็นงานที่ขโมยเวลาในชีวิตเธอไปมากที่สุด นั่นก็คือการทำแบรนด์กระเป๋า “PAVA” ที่เริ่มลงมือทำทันทีที่มีไอเดียนี้ขึ้นมา และดูทีท่าว่าตอนนี้ PAVA กำลังไปได้สวย เพราะไม่ว่าจะผลิตออกมาเท่าไหร่ก็ขายหมดทันที!


“PAVA มาจากความชอบที่อยากจะทำกระเป๋าผ้าไหมใช้เอง เพราะแหวนชอบผ้าไหมและชอบตัดชุดผ้าไหมใส่อยู่แล้ว แล้วก็คิดอยากได้กระเป๋าให้แมตช์กับชุดด้วย หลังจากพยายามหาช่างฝีมือจนได้แล้ว เราก็ต้องซื้อวัสดุ ซึ่งวัสดุต่างๆ อย่างเช่น หนังและชิ้นอะไหล่ ต้องสั่งเป็นจำนวนมาก การที่เราจะทำกระเป๋าแค่ใบเดียวแต่ต้องสั่งวัสดุเยอะๆ ก็ดูจะโอเวอร์ไปนิด พอดีมีคนแนะนำว่าทำไมไม่ทำขายเลยหล่ะ ในเมื่อเราต้องซื้อวัสดุอยู่แล้ว ก็เลยโอเคทำกระเป๋าขายเลย!

รุ่นแรกที่ทำมาคือ รุ่นเรจิน่า โดยมีรุ่นน้องที่ศิลปากรช่วยดูเรื่องของดีไซน์ให้สมบูรณ์ ปรากฏว่าพอทำเสร็จปุ๊บเพื่อนแม่ซื้อกันหมดเลย! พอทำแบบใหม่ออกมาก็หมดอีก จนเริ่มผลิตไม่ทันเพราะเรามีช่างเพียง 10 คน ทุกใบเป็นแฮนด์เมด เพราะผ้าไหมมีความละเอียดละอออยู่ในตัว ต้องเป็นช่างฝีมือที่รู้จักผ้าไหมเป็นอย่างดีมาทำให้”


เชื่อมั้ยว่าในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปีที่เธอเริ่มคิดที่จะทำแบรนด์ PAVA กระทั่งเริ่มวางขายจริงจังครั้งแรกที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ในเดือนมิถุนายน 2562 ณ เวลานี้ PAVA ได้ขยายจุดวางขายไปแล้วใน 4 มหานครชั้นนำของโลก!

“เริ่มจากวางขายที่พารากอน พอดีมีท่านชิคจากดูไบมาเห็นกระเป๋า PAVA ก็เลยติดต่อไปวางขายที่ห้างตรงดูไบซิตี้วอล์ก หลังจากนั้นก็มีโชว์รูมที่ปารีส ชื่อ “3 rd eye showroom” ติดต่อเข้ามาอีก ซึ่งคอลเลกชันนี้เราได้ร่วมมือกับพี่ลินดา เจริญลาภ เจ้าของแบรนด์ Lalalove มาช่วยด้วย ส่วนตัวแหวนชอบผลงานของพี่เขามาก เพราะพี่เขามีผลงานเกี่ยวกับผ้าขาวม้าโด่งดังไปทั่ว


ตอนวางขายอยู่ที่ปารีส ก็มีเพื่อนเห็นและแนะนำให้ลองไปเสนอวางขายที่นิวยอร์กดู แหวนก็เลยไปคุย และร้านมัลติแบรนด์สโตร์ที่อยู่ตรง SOHO เขาก็อยากให้เราไปวางขายที่นั่นด้วย PAVA ก็เลยไปสู่นิวยอร์กด้วย! ทุกอย่างเร็วมาก เราเปิดแบรนด์มา 6 เดือนแต่ไปวางขายแล้ว 4 ประเทศ แหวนคิดว่าเมื่อมีโอกาสเข้ามาก็คว้าไว้ เหนื่อยแต่สนุกมาก”

ในเมื่อเธอกำลังจะเป็นคนที่พาผ้าไหมไทยไปปักธงตามมหานครแฟชั่นสำคัญๆ ของโลก ฉะนั้น เรื่องของสไตล์ก็ต้องโดดเด่นกว่าใคร “แหวนชอบซื้อผ้าไหมมาตัดเดรส กางเกง แจ็กเกต เทรนช์โค้ช แหวนเป็นคนบอกไอเดียกับช่าง หลักๆ แล้วดีไซเนอร์ที่ตัดให้แหวนบ่อยๆ ก็จะมี พี่ลินดา จากแบรนด์ Lalalove แล้วก็พีซบายศิลป์สุภา จะตัดแบบคลาสสิก เรียบๆ โก้ๆ นอกจากนั้น ก็มี Munchu ตัดให้ด้วย แล้วแต่ว่าอยากได้สไตล์ไหน เรียกว่าสั่งตัดผ้าไหมจนลืมชอปปิ้งแบรนด์เนมไปเลย! เมื่อก่อนก็ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมบ้าง แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องแล้วค่ะ ใช้กระเป๋า PAVA ของเราเอง (ยิ้ม)”



นับเป็นแรงบันดาลใจอันแรงกล้าของสาวแหวน ในการที่จะปฏิวัติวงการผ้าไหมไทยให้มีภาพลักษณ์ที่ดูแพง ดูทันสมัย ด้วยการหยิบยกเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร มาสร้างคุณค่าและมุ่งมั่นที่จะปักธงผ้าไหมไทยไปไกลทั่วโลก

“ส่วนตัวดีใจมากที่ทุกคนยอมรับในผ้าไทย เป็นสิ่งหนึ่งที่คิดไว้ว่าอยากส่งเสริมวัฒนธรรมไทย เรื่องของหัตถศิลป์และแฟชั่น ผ้าไหมไทยเป็นอะไรที่สามารถผลักดันให้ไปได้ไกลกว่านี้ อยากให้คนรุ่นใหม่สืบสานกันต่อไป ดีใจที่เป็นหนึ่งในส่วนที่ทำให้คนรุ่นใหม่ได้มาเห็น ทุกวันนี้เพื่อนๆ ในวงการดาราก็หันมารู้จักผ้าไหมไทยมากขึ้น อย่างการที่แหวนทำกระเป๋าเป็นการค่อยๆ นำผ้าไทยมาใช้ในชีวิตประจำวัน เหมือนงานศิลปะที่เราถือไปได้ทุกวัน อาจจะไม่ได้มีกำไรมากมาย แต่ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุน”

ปีหน้ายังมีแพลนที่จะปักธงผ้าไหมไทยที่เมืองแฟชั่นอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น ลอนดอน โตเกียวและมิลาน มุ่งมั่นส่งออกหัตถศิลป์ฝีมือคนไทยขนาดนี้ เราขอเชียร์ให้พุ่งๆ ปังๆ ไปเลยค่ะ












กำลังโหลดความคิดเห็น