xs
xsm
sm
md
lg

เผยมุมลูกกตัญญูของ 3 เซเลบสุดเปรี้ยว ส่งความรักให้แม่แบบไม่ออกสื่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

>>ใกล้ถึงวันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันแม่แห่งชาติ วันพิเศษของผู้หญิงคนสำคัญในชีวิตของทุกคนเข้ามาทุกที ในวันนี้ เซเลบ ออนไลน์ จะพาคุณไปสัมผัสกับสายใยความผูกพันแม่-ลูก ของเหล่าเซเลบริตีที่เรามักจะคุ้นชินกับภาพความเปรี้ยวแซ่บเวลาออกงานสังคม แต่ใครจะรู้บ้างว่าในอีกมุมหนึ่งเมื่อกลับถึงบ้าน เวลาอยู่กับครอบครัว ก็สลัดคราบลุคเซเลบกลายเป็นลูกสาวของคุณแม่ที่มีความกตัญญูเปี่ยมล้น และมักจะโชว์ความรักแม่แบบไม่ค่อยออกสื่ออยู่เสมอๆ มาแอบดูกันสิว่าแต่ละท่านจะมีความน่ารักและความผูกพันกันขนาดไหน

เริ่มจากคนแรก “รัญชา บริบาลบุรีภัณฑ์” กับคุณหญิงโรส บริบาลบุรีภัณฑ์ คู่หูแม่ลูกสายบุญ ที่เรียกได้ว่าเป็นคู่แม่ลูกปาท่องโก๋ในวงสังคม โดยนอกจากลูกสาวคนนี้จะเป็นลูกไม้ใต้ต้น ที่เดินตามรอยคุณแม่ในการทำงานเพื่อช่วยเหลือสังคมได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่องแล้ว ทุกวันนี้เธอยังทำหน้าที่ลูกได้สมกับรางวัลลูกกตัญญู ที่ได้รับจากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยอย่างไม่มีตกหล่นเช่นกัน เพราะสำหรับเธอขอแค่คุณแม่มีความสุข หัวใจของคนเป็นลูกก็พองโตแล้ว

“พี่ค่อนข้างสนิทกับคุณแม่ ก็อยู่กันมาตั้ง 50 กว่าปีแล้ว (หัวเราะ) ไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด พี่น้องคนอื่นๆ ก็แต่งงานมีครอบครัวไปหมดแล้ว เหลือแต่พี่ที่ยังโสด ตอนนี้ภารกิจหลักในการดูแลคุณแม่เลยเป็นของพี่ พี่มีความสุขนะที่ได้ทำหน้าที่นี้ ถือเป็นความโชคดีก็ว่าได้ ที่เราได้มีโอกาสดูแลคุณแม่ให้มีความสุขที่สุดในช่วงบั้นปลายของท่าน”

รัญชายังเล่าอย่างอารมณ์ดีถึงกิจกรรมสร้างสุขตามประสาแม่ลูกแห่งครอบครัวบริบาลบุรีภัณฑ์อย่างออกรสว่า ถ้าวันไหนที่คุณแม่ต้องไปออกงานแล้วไม่มีเพื่อนไปด้วย เธอจะต้องสวมบทเป็นบอดี้การ์ดข้างกายติดตามคุณแม่ไปด้วยแบบไม่มีข้อแม้

“แต่ละเดือนคุณแม่พี่ไม่เหงาแน่นอน นอกจากจะออกงานสังคมแล้ว คุณแม่ยังมีนัดเชิญทานข้าวตลอด หรือบางครั้งพี่ก็พาคุณแม่ไปทานข้าวนอกบ้าน ยกเว้นบางครั้งคุณแม่ไม่อยากออกจากบ้าน ก็จะโทรสั่งอาหารมาที่บ้านเลย กิจกรรมโปรดของคุณแม่เวลาอยู่บ้านคือ ดูซีรีย์ผ่านทั้งไอแพด หรือบางครั้งก็ไอโฟน คุณแม่พี่ใช้ได้คล่องไม่ต้องห่วง นอกจากนี้ พี่ยังสอนให้คุณแม่ส่งความเสียงผ่านไลน์ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ อันนี้จะเป็นประโยชน์มากเวลาที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ”

สำหรับรัญชา เธอยกให้คุณแม่คือตัวแทนของผู้หญิงเก่งและแกร่ง เพราะหลังจากที่ “พล.ต.ต.ชนก บริบาลบุรีภัณฑ์” จากโลกนี้ไป คุณแม่ต้องเลี้ยงลูก 4 คนตัวคนเดียว ซึ่งท่านไม่เพียงทำหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ยังให้การศึกษาที่ดีที่สุดแก่ลูกๆ ทุกคน

“คุณแม่เป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ทั้งกับลูกๆ และสังคม ตัวพี่เองตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจมาเอาดีทางนี้เหมือนกัน แต่พอติดตามคุณแม่ ช่วยงานคุณแม่มาตลอด ก็ค่อยๆ ซึมซับมาเรื่อยๆ ถามว่าตัวติดกันตลอดมีงอนๆ กันบ้างมั้ย แน่นอน แต่เวลาคุณแม่งอน พี่จะอาศัยความเป็นคนตรงๆ ใช้เหตุและผลเข้าสู้ บางครั้งคุณแม่ดื้อพอเราอธิบายเหตุผลให้ท่านเข้าใจ คุณแม่ก็จะยอมอ่อนตาม แต่ถ้าบางครั้งคุณแม่งอนเพราะเราอาจจะเผลอไปทำอะไรผิด พี่ก็จะรับผิดและเอ่ยขอโทษคุณแม่ ท่านก็จะหายงอน” รัญชาถ่ายทอดถึงช่วงเวลาแสนอบอุ่นอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะถือโอกาสใข้พื้นที่นี้เผยถึงความในใจที่มีต่อคุณแม่อย่างน่าประทับใจ

“ขอบคุณที่ได้เกิดมาเป็นลูกของคุณแม่ ขอบคุณที่คุณแม่เลี้ยงดูอย่างดีมาตลอด ให้ได้เติบโตมาอย่างทัดเทียมคนอื่น มีชีวิตที่มีความสุข สำหรับพี่ คุณแม่คือ นางกวัก ที่กวักสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตพี่มากมาย จากนี้พี่ตั้งใจจะดูแลคุณแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำได้ค่ะ“

ถัดมาเรียกได้ว่าเป็นคู่แม่-ลูกปาท่องโก๋อีกคู่ เพราะตัวติดกันตลอดเวลาเรียกได้ว่าเห็นลูกที่ไหนก็ต้องมีคุณแม่ที่นั่น สำหรับคู่นี้ “หญิง-วรวิมล ณ ระนอง” และคุณแม่วิมลพรรณ ณ ระนอง เพราะหลังจากที่คุณหญิงตัดสินใจลาออกจากงานที่ต่างประเทศ กลับมาปักหลักอยู่เมืองไทยอย่างถาวรเมื่อราว 20 ปีก่อน คุณหญิงซึ่งเป็นน้องสาวคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 3 คน ก็รับหน้าที่เป็นผู้คอยดูแลคุณแม่มาโดยตลอด

“ตอนนี้ภารกิจหลักของพี่คือดูแลคุณแม่” สาวสังคมคนดังเปิดฉากเล่าถึงภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่รับรองว่าลูกๆ หลายคนที่ได้ฟังเป็นต้องอิจฉา โดยเฉพาะ คนรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ เพราะส่วนใหญ่มักไม่มีคุณแม่อยู่ให้ดูแลอีกแล้ว แต่สำหรับเธอแม้วันนี้คุณแม่ในวัย 91 ปี จะแข็งแรงห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ แต่เธอก็ยังตั้งใจดูแลคุณแม่ไม่เคยห่าง

“จริงๆ แล้ว คุณแม่ดูแลตัวเองได้ค่อนข้างเยอะ ถึงจะอายุ 91ปีแล้วแต่ไม่มีโรคประจำตัวนะ ยังแข็งแรง สายตาดี ความจำดี อาบน้ำเองยังได้เลย แต่ที่พี่กลัวเลยต้องดูแลคุณแม่อย่างใกล้ชิด เพราะไม่อยากให้ท่านหกล้ม เพราะคนสูงอายุถ้าล้มไปเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน เราเลยต้องระวังตรงนี้ให้มาก

เพราะก่อนหน้านี้คุณแม่เคยหกล้มจนต้องเปลี่ยนสะโพกมาแล้ว แล้วก็เคยมีผ่าเข่า ดังนั้น พี่เลยต้องคอยดูระมัดระวังใกล้ชิด อย่างทุกวันนี้เวลาจะไปไหนด้วยกัน จะมีของที่ขาดไม่ได้ 3 อย่าง นั่นคือ รถเข็น วอล์กเกอร์ เผื่อคุณแม่อยากเดิน และเก้าอี้พับได้สำหรับอาบน้ำ เข้าห้องน้ำ เวลาจะไปต่างจังหวัดกันที ลำพังอุปกรณ์สามอย่างนี้ก็เต็มท้ายรถแล้ว ส่วนกระเป๋าเสื้อผ้าคุณแม่ไม่ต้องพูดถึง ถึงจะ 91 แล้วแต่ยังจัดเต็ม กระเป๋าใบใหญ่มาก เพราะฉะนั้นพี่จำเป็นต้องย่อไซส์กระเป๋าเสื้อผ้าของพี่เอง เพราะตัวพี่คงย่อไปไม่ได้มากกว่านี้” หญิงเล่นมุกอย่างอารมณ์ดี

เธอเล่าต่อถึงบทบาทในการดูแลคุณแม่ว่า จะมีหลานสาวอีกคนที่จะคอยช่วยดูแลเช่นกัน โดยจะเป็นสายบุญ ชอบพาคุณแม่ไปทำบุญและมีหน้าที่ไปหาหมอ ส่วนตัวเธอนั้นเน้นสายเอ็นเตอร์เทนเป็นหลัก

“พี่จะเป็นคนพาเขาออกไปเที่ยว ไปนั่นไปนี่ ไปกินข้าว ชอปปิ้ง คือเวลาพี่จะไปไหนมาไหน ก็พาท่านไปด้วยตลอด ยิ่งตอนนี้คุณแม่การร่วมก๊วนแชร์กับเพื่อนๆ ด้วยก็ยิ่งสนุกสนานกันใหญ่ เพราะปกติพี่เองจะมีเล่นแชร์กับก๊วนเพื่อนอยู่แล้ว เล่นสนุกๆ เป็นการรวมตัวกันสังสรรค์มากกว่า และส่วนใหญ่เวลาไปกินเลี้ยงโต๊ะแชร์พี่ก็จะพาคุณแม่ไปด้วย เพื่อนๆ ก็จะคุ้นเคยกับคุณแม่พี่เป็นอย่างดี จนเหมือนคุณแม่ใม่ใช่แม่ของพี่คนเดียว แต่เป็นแม่ของทุกคน พอมาตอนหลังนี้เลยชวนคุณแม่พี่มาเล่นด้วยกันไปเลย

เมื่อไม่นานนี้เอง คุณแม่พี่คิดอยากจะเปียแชร์ แต่ตอนแรกก็ยังลังเล เพราะเห็นว่าเหลืออีกหลายมือ ไม่อยากเสียดอก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเปียแชร์และแอบเล่าเหตุผลให้ฟังว่า ที่เปียเพราะท่านอยากเป็นคนเลือกร้านอาหารสำหรับเวลาเลี้ยงโต๊ะแชร์เอง เพราะตามธรรมเนียมคนที่เปียจะได้เลือกร้านค่ะ”(หัวเราะ)

ผูกพันกันขนาดนี้ พอห่างกันก็ต้องมีคิดถึงเป็นธรรมดา “ล่าสุดพี่ไปโครเอเชียมา10 วัน คุณแม่ไม่ได้ไปด้วยนะคะ แต่ไปไหนเห็นอะไรก็นึกถึงคุณแม่ตลอด เห็นอะไรที่คุณแม่ชอบก็ต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับมาฝาก เรียกได้ว่าถึงตัวห่างแต่ใจไม่ห่างนะคะ”

ปิดท้ายกันที่ความอบอุ่นของครอบครัวเสนาณรงค์ ของ “มะปราง-ปัทมวดี เสนาณรงค์” เซเลบสาวสังคมที่ดูแลคุณแม่ ท่านหญิงปัทมนรังษี เสนาณรงค์ (หม่อมเจ้าปัทมนรังษี) อย่างใกล้ชิดแบบสุดๆ เป็นเวลากว่า 7 ปีแล้ว ที่เธอนอนห้องเดียวกับคุณแม่ คุณพ่อ(ทวีศักดิ์ เสนาณรงค์) และลูกชาย (จาร์-ปัทม สุจริตกุล) ได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างเต็มที่ในทุกค่ำคืน

“ที่นอนของปรางกับน้องจาร์อยู่ตรงปลายเตียงของคุณพ่อ-คุณแม่ หน้าทีวีนี่แหละค่ะ” ปัทมวดี เล่าให้ฟังด้วยรอยยิ้ม “คือบ้านปรางอยู่ในบริเวณเดียวกับบ้านท่านแม่ มีทางเดินเชื่อมมาถึงกัน แต่ทุกวันนี้ที่บ้านคือใช้เป็นแค่ห้องเก็บของและห้องแต่งตัว เอาไว้อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า พอตกกลางคืนก็มานอนห้องพ่อแม่ ปรางกับน้องจาร์ก็ปูเบาะนอนกันที่พื้นปลายเตียง ก็สบายดีนะ เราแฮปปี้ที่ได้ดูแลพ่อแม่ เผื่อเขาหกล้มหรือเกิดเหตุอะไรขึ้นมากลางดึก เราจะได้ช่วยดูแลได้ทัน”

“ปรางสนิทกับท่านแม่มาก ท่านแม่เป็นเหมือนเพื่อนสนิท เหมือนพี่สาว เป็นทุกอย่างในชีวิตเรา เหตุผลหนึ่งที่สนิทกันมาก เพราะปรางนอนตรงกลางระหว่างพ่อกับแม่ตั้งแต่เกิดจนอายุ 12 ขวบ จนพ่อกับแม่เริ่มเมื่อย นอนไม่ได้ เราถึงต้องแยกห้องนอนออกมา”

อีกหนึ่งเหตุผลที่ปัทมวดีสันนิษฐานว่า ทำไมเธอถึงสนิทกับท่านแม่ราวกับเพื่อน คงเพราะเธอเป็นลูกสาวคนเล็กที่อายุห่างจากพี่ชายทั้ง 2 คนหลายปี (ปัทมศักดิ์ และปัทมนิฐิ เสนาณรงค์) และทุกวันนี้ลูกสาวคนสุดท้องคนนี้ เลยรับหน้าที่หลักในดูแลบุพการีทั้งสอง

“วันที่ 12 สิงหาคมปีนี้ ท่านแม่จะอายุ 76 ปีแล้ว สุขภาพโดยรวมถือว่าแข็งแรงดี จะมีการตรวจเช็คสุขภาพตามวาระ เช่น เช็คค่าไต ตรวจหัวใจ เข้าพบคุณหมอที่เชี่ยวชาญในแต่ละด้านอย่างสม่ำเสมอ แถมมีคิวพบหมอผิวหน้าด้วยนะคะ ท่านแม่ก็ยังรักสวยรักงามอยู่” เล่ามาถึงตรงนี้เธอก็หัวเราะสนุกให้กับกิจกรรมเสริมสวยตามประสาวๆ ไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นวัยไหน กุลสตรีก็ต้องดูแลรูปกายภายนอกให้สวยงามทัดเทียมสุขภาพที่ดีจากภายในเสมอ

“การพบหมอแต่ละท่านจะหมุนเวียนตรวจทุกๆ 4 เดือน พบหมอท่านนั้น ท่านนี้ เวียนไปจนครบปีพอดี และเวลาที่ท่านแม่ได้รับกำหนดการว่าจะต้องพบกับแพทย์คนไหนในวันไหน เราก็จะรีบเคลียร์งานให้ว่างและให้เวลาดูแลท่านเต็มที่ ซึ่งหมอแต่ละคนอยู่กันคนละโรงพยาบาลเลยค่ะ แบบตรวจนี้ต้องหมอคนนี้ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ หรือถ้าเรื่องอวัยวะนี้ต้องไปโรงพยาบาลอื่นๆ คือพี่ตระเวนเลยนะ ใครเก่งด้านไหนที่สุดไปที่นั่น เราดูเรื่องสุขภาพคุณแม่อย่างละเอียด” ปัทมวดีเล่าถึงการพิถิพิถันเลือกเฟ้นแพทย์ที่มีความชำนาญการในด้านนั้นๆ ที่สุด เพื่อฝากฝังให้คุณหมอดูแลสุขภาพของผู้หญิงที่เธอรักมากที่สุดในชีวิต

เห็นเธอดูแลคุณแม่อย่างใกล้ชิดขนาดนี้ แต่ในอีกด้านเธอก็ให้ความสำคัญกับบทบาทความเป็นแม่ของลูกชายอย่างเต็มที่เช่นกัน

“ปรางคิดว่าชีวิตนี้ตัวเองมีสิ่งสำคัญที่ต้องทำให้ดีที่สุดอยู่ 2 อย่างคือ เป็นลูกของพ่อแม่ กับเป็นแม่ของน้องจาร์ ยิ่งปรางเป็น Single Mom เรายิ่งต้องทุ่มเทตรงนี้ เพราะเราเลี้ยงเขาด้วยตัวคนเดียว ดังนั้น เราต้องเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเขาให้ได้” หญิงสาวยืนยันหนักแน่น ด้วยรอยยิ้มสดใสในแบบฉบับของตัวเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น