แม้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจะสวรรคตมาครบ 1 เดือนแล้วก็ตาม แต่ทุกวันนี้มณฑลพิธีท้องสนามหลวงยังเต็มไปด้วยพสกนิกรชาวไทยจากทั่วประเทศที่ทยอยเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพอย่างเนืองแน่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
แม้จะต้องตากแดด ตากฝน ยืนรอเป็นนานนับสิบชั่วโมง ต่อแถวยาวเหยียดตั้งแต่หัวแถวที่ประตูวิเศษไชยศรี ต่อแถวหางยาวไปจนถึงบริเวณท้องสนามหลวงฝั่งตรงข้ามศาลฎีกา แต่ด้วยความจงรักภักดีที่มีต่อในหลวง รัชกาลที่ 9 กลายเป็นพลังที่ทำให้ทุกคนทรงกายยืนอดทนอยู่เป็นสิบชั่วโมงได้อย่างไม่น่าอัศจรรย์ ทุกคน ยืนรอแถวด้วยอาการสงบนิ่งโดยหัวใจทุกดวงมุ่งไปที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท อันเป็นที่ตั้งของพระบรมศพ
วันนี้เรามาฟังประสบการณ์ของประชาชนผู้ที่ได้เข้าไปสักการะพระบรมศพ ว่าประชาชนเหล่านี้มีการเตรียมตัวอย่างไรกันบ้าง และช่วงเวลาไหนถึงจะได้คิวที่ไม่ต้องรอนาน เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่จะเดินทางมา
** ต่อคิวสักการะตั้งแต่ตี4
แม้จะเป็นเวลาตี 4 ท้องฟ้ายังคงมืดมิด ทว่าบริเวณท้องสนามหลวงกลับคึกคัก ไม่เงียบเหงา เพราะเริ่มมีประชาชนเดินทางมาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อต่อคิวเข้าสักการะพระบรมศพ ดังเช่น ภิรมย์ รัตนสูรย์ อายุ 61 ปี พร้อมภรรยา ธนาภรณ์ ที่เดินทางมาจาก จ.สุรินทร์ เล่าว่า ตนเองอยากมาสักการะบรมศพพระองค์ท่านทันทีที่ทราบข่าว แต่เนื่องจากอยู่ต่างจังหวัดมีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบ เมื่อเคลียร์งานและมีเวลาจึงรีบเดินทางมา
“ก่อนเดินทางมาได้ทราบข้อมูลว่าต้องรอคิวนานกว่าจะได้เข้าไปภายใน จึงเตรียมตัวทั้งการแต่งกายให้ถูกต้องตามที่สำนักพระราชวังประกาศ พอเดินทางมาถึงสนามหลวงตั้งแต่ตี 4 ก็ตรงไปยังบอลลูนสีขาวที่เขียนว่า “ จุดเข้าคิว” เพื่อต่อแถว แม้จะเป็นเวลาเช้าตรู่ แต่ก็มีประชาชนมาต่อคิวแล้วหลายพันคน เวลาผ่านมาถึงตี 5 สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนได้เข้าสักการะพระบรมศพ ขบวนแถวเริ่มขยับเดินตามกันไป ไม่มีการหยุด เนื่องจากตอนนั้นประชาชนที่มายังไม่เยอะมาก สภาพอากาศไม่ร้อนอบอ้าว ตลอดข้างทางมีอาหาร ขนมปัง กาแฟ น้ำดื่มแจก ระหว่างที่เดินผ่านเต็นท์ต่างๆ อาจจะมีของแจกไม่มาก เนื่องจากเป็นช่วงเช้า แต่ก็มีของให้ได้กินรองท้องระหว่างแถวที่เดิน”
กระทั่งเวลา 6 โมงเช้าสองสามีภรรยาจากสุรินทร์ก็ได้เข้ามานั่งรอในเต็นท์สีขาวก่อนเข้าไปภายในพระบรมมหาราชวัง และได้เข้าสักการะพระบรมศพและออกมาด้านนอกในเวลา 7 โมงเช้า ซึ่งตอนแรกภิรมย์คิดว่าวันนั้นจะเป็นวันอาทิตย์คงจะต้องมีประชาชนเดินทางมาเป็นจำนวนมาก แต่เขาและภรรยาโชคดีเหลือเกินที่ใช้เวลาในการรอคิวเพียงแค่ 3 ชั่วโมงก็ได้เข้าสักการะ
** 11 ชั่วโมง กับอากาศแปรปรวน
อีกหนึ่งประชาชนที่เลือกมาสักการะพระบรมในวันจันทร์ซึ่งคิดว่าเป็นวันธรรมดาคนน่าจะไม่เยอะมาก แต่ผิดคาด เพราะเมื่อ ณัฏฐาภรณ์ เพิ่มศรีสุข อายุ 30 ปี ที่เลือกเวลามาถึงสนามหลวงในตอน 9 โมงเช้า และพบว่าแม้จะเป็นวันธรรมดาแต่บริเวณท้องสนามหลวงกลับเต็มไปด้วยผู้คนที่สวมชุดสีดำยืนต่อคิวอย่างหนาแน่นเต็มท้องสนามหลวง
ณัฏฐาภรณ์ มีคำแนะนำแก่ผู้ที่คิดจะมาถวายสักการะพระบรมศพว่าร “ทันทีที่ตรวจกระเป๋าสัมภาระ ตรวจบัตรประชาชน เรียบร้อยให้รีบเดินไปต่อคิวยังท้ายแถวโดยสังเกตบอลลูนสีขาวกลมๆ ใหญ่ๆ ที่เขียนว่า “ จุดเข้าคิว” ตรงไปค่ะ มุ่งตรงไปตรงนั้นอย่ามัวแต่เดินงงๆ เลยทางเข้าไปจะมีจุดบริการให้ยืมร่มฟรี ยืมไปอย่ากลัวหนักเพราะจำเป็นมากจริงๆ บางช่วงต้องยืนกลางแจ้งยาวเลย วันนั้นเจอทั้งแดดทั้งฝน เสื้อผ้าเปียกจนแห้ง และเปียก สลับกันไป ที่สำคัญควรสร้างความสนิทสนมกับคนที่ยืนข้างหน้าและข้างหลังเราไว้ เพราะต้องร่วมชะตากรรมระหว่างต่อแถวอีกหลายชั่วโมง เวลาไปเข้าห้องน้ำ ไปเอาของกิน ไปเดินยืดเส้นยืดสาย สามารถฝากคิวกับคนที่อยู่ข้างหน้าหรือข้างหลังเราได้ จะได้ยืนจองที่ให้เรากลับมายืนที่เดิมได้ไม่มีปัญหา”
ส่วนเรื่องอาหารการกินนั้น ณัฏฐาภรณ์ แนะนำว่า “ ไม่ต้องพกไปให้หนักเพราะตลอดเส้นทางที่ยืนต่อแถว มีของคาว ของหวาน ขนม ผลไม้ น้ำดื่ม มีอาสาเดินเก็บขยะให้ตลอดทาง รถห้องน้ำมีเยอะ สะอาดเกินคาด เพราะมีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด ก่อนเข้าไปจุดรอคอยในเต็นท์จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจเครื่องแต่งกายก่อนเข้าพระบรมมหาราชวังอีกที”
จาก 9 โมงเช้าที่ ณัฏฐาภรณ์ มาถึงท้องสนามหลวง กว่าจะได้เข้าไปในพระบรมมหาราชวังก็เป็นเวลา 6 โมงเย็นแล้ว แต่เธอกลับไม่รู้สึกเหนื่อยแม้แต่น้อย แถมยังเล่าว่าเธอโชคดีที่ได้รับเสด็จสมเด็จพระเทพฯ และได้เข้าไปนั่งฟังพระสวดตั้งแต่ต้นจนจบ และรอส่งเสด็จสมเด็จพระเทพฯ และได้เข้าไปสักการะพระบรมศพตอน 2 ทุ่ม รวมเวลาทั้งหมด 11ชั่วโมงพอดิบพอดี
“ช่วงเวลาที่ได้อยู่เบื้องหน้าพระบรมศพ เป็นช่วงเวลาที่บีบหัวใจมาก เหมือนหลุดเข้าไปในอีกโลก ความเหนื่อยล้าที่มีตลอดนับ 11 ชั่วโมงหายไปปลิดทิ้ง”
** 6 ชั่วโมง ตั้งแต่พระอาทิตย์ส่องแสงจนตะวันมืดมิด
ขณะที่ ชฎาณิศ เสนสอน อายุ 37 ปี พร้อมด้วยลูกชาย “น้องเต” ด.ช.ปัณณทัต เสนสอน อายุ 9 ปี เล่าว่าเธอและลูกชายได้เดินทางไปสักการะพระบรมศพเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2559 ซึ่งใช้เวลาในการต่อคิวกว่า 6 ชั่วโมง (16.30 น. - 22.30 น.) ทว่าลูกชายวัย 9 ขวบของเธอที่มาด้วยนั้นกลับไม่ปริปากบ่นถึงความเมื่อยล้าของการต้องยืนต่อแถวเป็นเวลานาน และตลอดทางที่ยืนต่อแถวน้องเตได้ถือภาพวาดในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่วาดเองและใส่กรอบถือแนบอกเอาไว้ตลอดการเข้าแถวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพ
“ตลอด 6 ชั่วโมงของการต่อแถวรอเข้าสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศนั้น ทุกวินาทีมีค่ามากๆ ยิ่งเข้าไปใกล้ๆ ทุกอย่างช่างสวยงาม แต่เต็มไปด้วยความเศร้า เสียงสวด เสียงปี่ เสียงกลองประโคม ได้ฟังยิ่งใจสั่น และเป็นบุญยิ่งนักที่มีโอกาสได้เข้าถวายสักการะพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ช่างคุ้มค่ากับการรอคอย โดยขณะที่ก้มกราบสักการะเป็นช่วงเวลาที่ไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ เราสองแม่ลูกจะจดจำความรู้สึกในวันนี้ไปตลอดชีวิต มีความภาคภูมิใจที่ได้เกิดในรัชการที่ 9 ที่มีพระมหากษัตริย์ที่เราสามารถเรียกพระองค์ท่านได้เต็มปากว่า "พ่อ" ”
และจากนี้ ชฎาณิศ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “จะสอนลูกให้รู้จักใช้ชีวิตตามพระราชดำรัสของในหลวง คือ ความพอเพียง เพราะแม้ลูกจะโตมาและอาจจะไม่เคยได้เห็นว่าในหลวงท่านทรงงานเพื่อพวกเราหนักขนาดไหน รวมถึงจะสอนลูกเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของในหลวงให้ลูกได้เข้าใจด้วย”