>>เพราะชีวิตไม่ได้มีแค่ห้องตรวจและเตียงผ่าตัด ฉะนั้นในอีกด้านของคุณหมอหนุ่มหน้าใส “คุณหมอเติล-นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์” เจ้าของเดอะคลินิกค์ (The Klinique) คุณหมอเติลยังเป็นนักชอปตัวพ่อถึงขั้นติดอันดับ “Top Spender” ของห้างดังอย่างสยามพารากอนถึง 2 ปีซ้อน!!
เห็นเป็นหนุ่มหน้าใสอย่างนี้ แต่ความจริงแล้ว “หมอเติล-นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์” เป็นถึงเจ้าของและผู้บริหาร เดอะคลินิกค์ (The Klinique) คลินิกเสริมความงามแถวหน้าของประเทศไทย และยังเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการร้อยไหมเพื่อยกกระชับผิวและด้านเลเซอร์ที่มีใบปริญญารับรองจากมหาวิทยาลัยระดับโลกอย่าง มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด รวมถึงมหาวิทยาลัยอื่นๆ อีกมากมาย
หลังจบการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกียรตินิยมอันดับ 2 ผ่านประสบการณ์ด้านเลเซอร์และร้อยไหมมาจาก Harvard University และสถาบันชั้นนำจากเกาหลี ด้วยความเชี่ยวชาญด้านศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging), เลเซอร์, โบท็อกซ์, ฟิลเลอร์ และการร้อยไหม (Thread lift และ Silhouette Thread Lift) บวกกับความเอาใจใส่ที่มีต่อคนไข้ทุกคน ทำให้ได้รับการเรียกร้องจากคนไข้มากที่สุดคนหนึ่ง ที่ผ่านมาเดินทางไปอบรมความรู้เพิ่มเติมทั้งในประเทศและต่างประเทศจนได้รับการรับรองจากสถาบันที่มีชื่อเสียง
“ตอนนี้ส่วนใหญ่เน้นการบริหารและเป็นผู้อำนวยการฝ่ายแพทย์ อาจจะมีดูแลคนไข้เก่าๆ ที่เคยดูแลกันมานานอยู่บ้าง แล้วก็จะดูเรื่องอบรมแพทย์ การเลือกนวัตกรรมเครื่องมือ เพราะจุดเด่นของเดอะคลินิกจะเน้นเรื่องนวัตกรรมของการแพทย์ นอกจากนี้ เราก็ต้องศึกษาเรื่องเทรนด์ความสวยความงาม ซึ่งอาจจะต้องไปดูงานต่างประเทศบ่อย ทุกครั้งที่มีการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ในประเทศสหรัฐอเมริกาหรือแม้แต่ในประเทศญี่ปุ่นก็จะต้องบินไปดูทุกครั้งเพื่อเป็นการอัปเดตข้อมูลเป็นที่แรกๆ”
และผลพลอยได้จากการเดินทางที่คุณหมอเติลได้รับก็คือการได้เสพความงามของสถาปัตยกรรมรวมไปถึงการตกแต่งภายใน จนนำไปสู่ความชอบและนำกลับมาใช้กับการตกแต่งบ้านและคอนโดของตัวเอง
“ผมชอบดูเรื่องอินทีเรีย เป็นความชอบอีกพาร์ตหนึ่งที่ไม่ใช่เรื่องการแพทย์ แม้จะไม่ได้รู้ลึกแต่ชอบเป็นการส่วนตัว เวลาไปพักโรงแรมที่ต่างประเทศก็จะชอบสังเกตการณ์ตกแต่ง กิมมิกที่เขานำมาใช้แล้วก็ลองเอามาใช้กับบ้านเรา โดยส่วนใหญ่เสียเงินไปกับการซื้อเฟอร์นิเจอร์ ยิ่งช่วงนี้เพิ่งซื้อคอนโดมิเนียมก็จะชอบซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าไปตกแต่ง
ส่วนใหญ่เป็นเฟอร์นิเจอร์แบรนด์เนม เช่น Versace, Ralph Lauren ชอบตรงสไตล์ของเขาที่ดูคลาสสิก แนวลักชูรีผสมคอนเทมโพรารีหน่อยๆ ด้วยความที่ไปตรวจงานที่เดอะคลินิกค์ สาขาสยามสแควร์วัน อยู่บ่อยๆ ก็เลยเลือกที่จะไปชอปปิ้งที่สยามพารากอน ยิ่งไปเห็นว่ามีร้านเฟอร์นิเจอร์สวยๆ ก็เดินเข้าไปดู คุยๆ แป๊บนึงแล้วก็เดินไปซื้อ เสียตังค์เลย (หัวเราะ) ตอนแรกไม่คิดว่าตัวเองจะซื้อเฟอร์นิเจอร์ได้แพงขนาดนี้เหมือนกัน แต่เราเป็นคนชอบอยู่บ้าน ฉะนั้นก็ยอมลงทุนเพื่อความสุขเวลาที่เราอยู่ในบ้าน”
ตอนแรกเราอาจจะคิดว่าชายหนุ่มบุคลิกทันสมัยที่เป็น Top Spender ของห้างหรูใจกลางกรุง น่าจะเป็นเพราะซื้อสินค้าแฟชั่น ของแบรนด์เนม ซึ่งผิดไปจากที่คิด เพราะคุณหมอเป็นคนที่ชอบอยู่บ้าน อ่านหนังสือ ฉะนั้นจึงลงทุนกับการแต่งบ้านให้สวย แต่ก็ไม่ใช่แค่ช่วงนี้เท่านั้นที่ชอปปิ้งเฟอร์นิเจอร์หนักมาก เพราะก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้ว คุณหมอเติลก็เพิ่งซื้อของขวัญชิ้นใหญ่ให้ตัวเองเป็นรถสปอร์ตคันโก้ “Maserati” ที่อยู่ในพารากอนเช่นเดียวกัน ทำให้ติดอันดับเป็น Top Spender ถึง 2 ปีซ้อน!!
ส่วนในเรื่องของการบริหารการเงินนั้นคุณหมอก็ไม่เหลวไหล เพราะได้เตรียมการเพื่ออนาคตและสำหรับพัฒนาธุรกิจไว้เรียบร้อยแล้ว
“การใช้เงินส่วนใหญ่ ไม่ค่อยแบ่งชัดเจนนะ (หัวเราะ) แต่ว่าก็มีบางอารมณ์ที่ต้องประหยัดพอสมควร อย่างเราซื้อเฟอร์นิเจอร์จะว่าไปก็แอบฟุ่มเฟือยเหมือนกัน แต่เราก็ต้องมีการวางแผนเพื่ออนาคตอย่างการซื้อประกันชีวิตตอนนี้มี 100 ล้าน ถ้าเสียชีวิตคนรุ่นหลังก็สบายใจ ถึงเราจะใช้ฟุ่มเฟือยแต่เราก็มีเซฟไว้ข้างหลัง
อีกส่วนหนึ่งก็นำมาบริหารเพิ่มเติมขยายธุรกิจ มีการลงทุนเพิ่มด้วย แต่ตอนนี้การลงทุนในส่วนธุรกิจมันก็ดำเนินได้ด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว จะมีอีกนิดหนึ่งก็ตรงที่เป็นคนที่ต้องดูเรื่องของความคุ้มค่าของเงินที่ใช้ไป อย่างการใช้บัตรเครดิตก็จะดูที่มีโปรโมชันและสิทธิพิเศษดีๆ ให้ได้กำไรกลับคืนมาบ้าง เช่นการแลกตั๋วเครื่องบินหรือสะสมคะแนนต่างๆ”
แม้จะออกตัวว่าไม่ได้เป็นนักชอปตัวพ่อและไม่เคยแพลนว่าจะชอปอะไร แต่คุณหมอหน้าใสคนนี้กล่าวทิ้งท้ายแบบติดตลกว่า “บางทีการชอปปิ้งอะไรสักชิ้นมันก็มาจาก “อินเนอร์” และมักจะแพ้ความเป็น “ลิมิเต็ด อิดิชัน” ที่ทำเสียเงินทุกที!!” ตอนนี้โปรเจกต์แต่งบ้านและคอนโดของคุณหมอยังไม่จบ เผลอๆ อาจจะเป็น Top Spender 3 ปีซ้อนอีกก็ได้ใครจะรู้!? :: Text by FLASH