xs
xsm
sm
md
lg

สิตมน ผลดี It’s my style เพราะแฟชั่นไม่มีคำว่า In หรือ Out

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เสื้อผ้าชีฟองกับกางเกงเอวสูงและเสื้อกั๊ก ของแบรนด์ Sretsis
>>เพราะแฟชั่นไม่มีคำว่า “In” หรือ “Out” แต่กว่าจะมาเป็นสไตล์ที่บอกว่า “ใช่” สำหรับ “พีซ-สิตมน ผลดี” ภรรยาคนสวยของ “พี่ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี” แล้วนั้นเธอเองก็ผ่านการลองผิดลองถูกมาเยอะ ซึ่งคราวนี้นอกจากเราจะได้นั่งคุยอัปเดตในเรื่องธุรกิจใหม่ที่เธอกำลังลุยอย่างเต็มตัวแล้ว เรายังได้เจาะลึกเรื่องสไตล์ ความชอบของสวยๆ งามๆ ของเธออีกด้วย แล้วคุณจะหลงเสน่ห์ในสไตล์ของเธอคนนี้

สำหรับการพูดคุยกับเธอในครั้งนี้ดูจะเป็นเรื่องใหม่ที่เธอยินดีนำเสนอและดูมีความสุขตลอดเวลาที่พูดถึงการทำแบรนด์เสื้อผ้าเด็ก “ลิตเติ้ลฟ็อคซ์” (LittleFox) แม้ว่าดูจะเป็นงานใหม่ที่ท้าทายสำหรับเธอ แต่ด้วยความชอบส่วนตัวที่มีอยู่เป็นทุนเดิมกับประสบการณ์การทำร้าน Q Concept ร้านมัลติแบรนด์ที่มีสินค้าดีไซน์แปลก การทำแบรนด์เสื้อผ้าเด็กก็ดูจะไม่ใช่เรื่องยากเกินไปนัก
จัมป์สูทและเสื้อคลุมสีเหลืองมัสตาร์ด แบรนด์ Sretsis รองเท้าส้นสูงของ Saint Laurant
“โดยความชอบส่วนตัวเป็นคนชอบเรื่องแฟชั่น แล้วก็ผูกพันมาตลอด แต่มารู้ตัวจริงๆ คือตอนที่จบปริญญาตรี สาขานิติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยไปเทกคอร์สเกี่ยวกับศิลปะที่ต่างประเทศ พอกลับมาเรียนปริญญาโทด้านบริหารที่มหาวิทยาลัยมหิดล ก็เริ่มเห็นช่องทาง ทำให้เราได้มาเปิดร้านของตัวเองชื่อว่า Q Concept เป็นร้านมัลติแบรนด์นำเข้าสินค้าดีไซน์จากหลายๆ ที่ ซึ่งตอนนั้นเมืองไทยยังไม่มีก็เป็นที่สนใจจากลูกค้ามากมาย แต่พอแต่งงานและท้องก็เลยหยุดทำเพราะเตรียมตัวเป็นคุณแม่อย่างจริงจังค่ะ”

ซึ่งวันนี้ลูกชาย “น้องเต้นท์-เจษฎ์บดินทร์ ผลดี” ก็โตเป็นหนุ่มน้อยน่ารักวัย 2 ขวบแล้ว เริ่มช่วยเหลือตัวเองได้ ทำให้คุณแม่พีซได้เวลารื้อฟื้นความชอบส่วนตัวเรื่องแฟชั่นและงานดีไซน์ขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการทำแบรนด์เสื้อผ้าเด็กลิตเติ้ลฟ็อคซ์ แบรนด์เสื้อผ้าและแอกเซสซอรีสำหรับเด็ก ที่เกิดขึ้นจากความชอบของคุณแม่พีซและแรงเชียร์ของคุณพ่อติ๊ก

“สิ่งที่จุดประกายให้อยากทำแบรนด์เสื้อผ้าเด็กเพราะชอบแต่งตัวให้ลูก แต่บางทีหาแบบที่ถูกใจไม่ได้ สุดท้ายจึงคิดว่าทำเองดีกว่า แล้วถ้าทำให้ลูกคนเดียวก็คงไม่คุ้ม พี่ติ๊กก็เลยเชียร์ว่าถ้าอย่างนั้นลองทำแบรนด์เสื้อผ้าเลย และนั่นคือที่มาของแบรนด์ลิตเติ้ลฟ็อคซ์ค่ะ”
แจ็กเกตหนังแบรนด์ Acne Studios จัมป์สูทตัวสั้นของ Sretsis และเพิ่มความคอนทราสต์ด้วยรองเท้าบูตหุ้มข้อของ Chloe
โดยชื่อภาษาอังกฤษคำว่า LittleFox มาจากสัตว์ตัวโปรดของคุณติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี นั่นก็คือ “สุนัขจิ้งจอก” แต่เมื่อมาผสมผสานกับความเป็นเด็กน้อยน่ารักจึงกลายมาเป็นลิตเติ้ลฟ็อคซ์ แบรนด์เสื้อผ้าและแอกเซสซอรีสำหรับเด็ก สไตล์แฟชั่นเนเบิล ด้วยสไตล์ที่โดดเด่นจากการนำสีสันและความสนุกของแฟชั่นมาสร้างสรรค์เป็นเสื้อผ้าเด็กดีไซน์สดใส ใส่สบาย สำหรับเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย อายุระหว่าง 2-8 ปี

“การทำแบรนด์เสื้อผ้าลิตเติ้ลฟ็อคซ์ ใช้เวลาลงมือทำประมาณ 7-8 เดือน แต่เราคิดมาก่อนหน้านั้นแล้ว เรามีทีมดีไซน์ ระดมสมองกันหนักมาก เราพยายามจะให้คนจำภาพและคาแรกเตอร์ของแบรนด์เรามากที่สุด ตอนนี้ช่องทางการขายของเราคือขายออนไลน์ แล้วก็มีป็อปอัพสโตร์ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำด้วย

ลิตเติ้ลฟ็อคซ์มีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ที่เสื้อผ้าเด็กส่วนใหญ่จะมีความเป็นเด็กสูง คือมีความแบ๊ว น่ารักแบบเด็กๆ แต่สไตล์ของเราจะมีความเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็ยังมีความน่ารักอยู่ แอบเก๋ๆ เท่ๆ ซึ่งเราเองก็เป็นคนชอบสีสันอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงเป็นอะไรที่สนุกมากกับการครีเอต และการนำสีต่างๆ มามิกซ์กัน”

และไม่ใช่แค่การสนุกสนานกับงานออกแบบเสื้อผ้าสำหรับเด็กเท่านั้น หากแต่ในเรื่องการแต่งตัวของเธอเองเธอก็มีความสุขและสนุกทุกครั้งที่หยิบเสื้อผ้าออกมาจากตู้แล้วมิกซ์แอนด์แมตช์จนเป็นสไตล์ของเธอเอง

“สไตล์การแต่งตัวของพีซส่วนใหญ่เราจะมีความทะมัดทะแมง แต่จะมีอย่างหนึ่งซึ่งเป็นความชอบของเราก็คือความคอนทราสต์ เวลาแต่งตัวมักจะต้องมีชิ้นที่คอนทราสต์ แต่อย่างไรก็ดีเราต้องดูกาลเทศะและงานที่จะไปด้วย”

ซึ่งกว่าจะหลอมรวมจนเป็นสไตล์ของตัวเอง เชื่อว่าทุกคนต้องเคยลองผิดลองถูกมาแล้วทั้งนั้น แต่เมื่อวันหนึ่งได้พบกับสไตล์ที่เข้ากับรูปร่างและบุคลิกของตัวเองแล้ว นั่นจะกลายเป็นแรงเติมความมั่นใจให้เราสนุกกับแฟชั่นต่อไป

“ส่วนตัวคิดว่าแฟชั่นในช่วงที่ผ่านมาเป็นแฟชั่นที่มีความเป็นแฟชั่นสูงมาก เช่น ใส่ขาบานก็จะใส่ขาบานกันทั้งประเทศ แต่มาเดี๋ยวนี้มันเป็นยุคที่แฟชั่นทุกอย่างไม่มีผิดไม่มีถูก ซึ่งมันคือใจความสำคัญของแฟชั่นเลยนะ พีซว่าทุกคนแต่งได้ในแบบที่ตัวเองเป็น ที่สำคัญคือ อย่างแรกต้องถูกกาลเทศะ และมีความเหมาะสมกับรูปร่าง

พีซเป็นคนไม่เชื่อว่าอันนี้อิน อันนี้เอาต์ เพราะสุดท้ายแล้วมันก็วนกลับมา ฉะนั้นยิ่งค้นพบตัวเองเร็วเท่าไหร่ก็จะรู้สึกอินตลอด เคยลองเปลี่ยน ลองหยิบเสื้อผ้าชิ้นนั่นนี่มาลองใส่เยอะ แต่เมื่อถึงจุดจุดหนึ่งที่สามารถหยิบของในตู้มาใส่โดยไม่ต้องคิดมาก นั่นคือจุดที่เราค้นพบสไตล์ของตัวเองแล้ว ทุกคนต้องลองผิดลองถูก สำหรับตัวเองรู้สึกว่าเราลงตัวกับสไตล์ตอนนี้แล้ว เราเป็นคนชอบสีสัน ชอบดีเทลของเสื้อผ้าเป็นหลัก และต้องไม่โป๊ เพราะเราไม่ค่อยระวังตัว ฉะนั้นก็เลยพยายามใส่เสื้อผ้าที่มิดชิดทะมัดทะแมง”

ส่วนถ้าถามว่าเสียเงินกับอะไรเยอะที่สุด เธอตอบกับเราแบบยิ้มเขินๆ ว่า “ก็ทุกอย่างแหละค่ะ ตามประสาผู้หญิง ชอบซื้อไปหมด เพราะความที่เราชอบศิลปะและชื่นชมความงามการออกแบบของดีไซเนอร์ รู้สึกเป็นความสวยงามที่เราเสพได้ แล้วเราเป็นคนแต่งตัวต้องครบ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้ากระเป๋า เครื่องประดับ โดยนิสัยการชอปปิ้งเราเป็นคนชอบชอปปิ้งออนไลน์มานานมากแล้ว เพราะว่าชอบหาของเก่า ของคลาสสิก ส่วนแบรนด์ที่ซื้อบ่อยๆ ก็จะเป็น Miu Miu, Saint Laurant และ Prada เพราะรู้สึกว่าเข้ากับบุคลิกเรา สามารถเอามาแมตช์กันได้”

เพราะแฟชั่นไม่มีผิดไม่มีถูก เพียงแต่เราต้องค้นหาแฟชั่นที่เหมาะกับตัวเราให้เจอ แล้วนั่นแหละจะเป็นแฟชั่นของตัวคุณ :: Text by FLASH




กำลังโหลดความคิดเห็น