อีกหนึ่งสาวต่างจังหวัดที่เดินทางมาร่ำเรียนในเมืองหลวงหวังนำความรู้กลับไปทำงานสร้างฐานะให้ครอบครัว แต่เมื่อรัฐบาลประกาศเปลี่ยนแปลงค่าเงินบาท ธุรกิจที่มีก็ได้รับผลกระทบขาดทุนจนมีหนี้สินหลายสิบล้าน แต่ด้วยความอดทน จึงได้มาเปิดธุรกิจค้าขายเกี่ยวกับอุปกรณ์ตกแต่งเสื้อผ้า เช่น ลูกปัด, เลื่อม, ลูกไม้ และกระดุม ในสำเพ็ง เพียงไม่นานก็ปลดหนี้ได้ กลายเป็นเศรษฐีเจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ WEE และร้านอุปกรณ์ตกแต่งเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ รวมมูลค่านับหลายร้อยล้าน..นี่ก็ไมใช่นวนิยายน้ำเน่า หากแต่คือเรื่องจริงของ วี- สุภาวดี ศิริรัตนพล
ช้อบ WEE เล็กๆ ในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิร์ด เป็นสถานที่ที่เรานัดพบ “สุภาวดี” เจ้าของเรือนร่างเล็ก ใบหน้าสวยเข้ม เธอฉีกยิ้มหวานให้เราทันทีที่พบกัน พร้อมตอบคำถามเรื่องราวชีวิตในอดีตที่ผ่านมาว่า เป็นคนจังหวัดหนองคายโดยกำเนิด พ่อกับแม่ทำธุรกิจร้านขายอาหาร ซึ่งก็มีเงินเพียงพอที่จะส่งลูกทั้ง 5 เรียนหนังสือได้อย่างสบายๆ โดยเธอเองเมื่อจบมัธยมปลาย ก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯมาศึกษาต่อปริญญาตรี บริหารธุรกิจ
"อยากเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็นำเงินเก็บที่มีอยู่ไปซื้อที่ดินแปลงใหญ่ในหนองคายมาจัดสรรทำหมู่บ้าน แต่พอเจอวิกฤติเศรษฐกิจ จากวันวานที่มีเงินเก็บในธนาคาร มีที่ดินจำนวนมากอยู่ในมือ ทั้งหมดต้องสูญสลายหายไปกลายเป็นลูกหนี้ธนาคาร 40-50 ล้านบาทพี่ช็อคนะคะ เวลาเข้าบ้านพ่อ-แม่ถาม พี่ต้องยิ้มแล้วบอกว่าธุรกิจไปได้ด้วยดี เพราะไม่อยากให้ท่านต้องเสียใจ เราพูดไปแต่ในใจมันทุกข์มากนะคะ”
เมื่อความหวังจะเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีอันต้องพังทลายไป..“สุภาวดี” ต้องใช้เวลานานนับเดือนกว่าจะตั้งสติใหม่ได้อีกครั้ง เธอนำเงินที่เหลืออยู่ไม่มากนัก พร้อมขับรถบีเอ็มดับบลิวคู่ใจเข้ากรุงเทพฯอีกครั้ง เพื่อหาลู่ทางทำกิน โดยการไปซื้อตึกเพื่อทำร้านเล็กๆ กว้าง 3 เมตร ลึก 8 เมตร มี 3 ชั้น ขายลูกปัด, เลื่อม, มุก และลูกไม้ ซึ่งเพียงไม่นานโชคชะตาก็เล่นตลกกับเธออีกครั้ง
สุภาวดี เล่าถึงชีวิตในช่วงนั้นว่า “หลายอย่างที่ไม่เคยทำก็ต้องทำ แบกของหนักเป็น 10 กิโล ต้องยืนขายของเอง ก็อายนะคะแต่ต้องทำ เคยเขียนเช็คเงินสด นับเงินหลักแสนหลักล้านกลายเป็นต้องมานั่งเก็บเงินทอนหลักร้อยหลักพัน แต่ทำไปทำมาก็สนุก พี่โชคดีที่ดีไซเนอร์ดังๆ เจ้าของการ์เม้นท์ใหญ่มาเห็นสินค้าแล้วชอบก็มาซื้อที่เยอะๆ สั่งเป็นล็อตใหญ่ เชื่อมั๊ยตอนนั้นพี่ทำงานทุกวัน ช่วงเทศกาลปีใหม่-สงกรานต์เพื่อนชวนไปเที่ยวพี่ก็ไม่ไป แทบไม่เคยเห็นแสงแดดร่วม 3 ปี ต้องออกจากบ้าน 6 โมงเช้า ถึงบ้าน 3-4 ทุ่มทุกวัน ไม่เคยปิดร้านเพราะอยากได้เงินไปใช้หนี้เร็วๆ”
ดวงตาคมเข้มที่จ้องมองมาที่เรา บอกถึงความมุ่งมั่นและพลังในกายที่มีอย่างเต็มเปี่ยมทำให้เรารู้สึกสนุกกับเรื่องราวการค้าขายในสำเพ็งของเธอจนต้องขอให้เธอรีบเล่าต่อ ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อว่า ธุรกิจขายเครื่องประดับร้านเล็กๆ ที่หลายคนตีราคาว่าน้อยนิดนั้น จะสามารถปลดหนี้สินกว่า 50 ล้านบาทได้หมดภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี ทั้งยังสร้างฐานะใหม่ให้เธอกลายเป็นเศรษฐีนำเงินกลับไปเลี้ยงดูพ่อ-แม่ พี่-น้องให้มีความสุขสบายมากอีกด้วย
นานกว่า 18 ปี กับการขายลูกปัด, เลื่อม, มุก และลูกไม้ ที่สำเพ็ง ภายใต้ชื่อร้านเจริญ จนปัจจุบันกลายเป็นแหล่งขายส่งและปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ “สุภาวดี” มีเงินเก็บมากพอที่จะหยุดทำงานตลอดชาติเลยก็ได้ แต่เธอยังไม่หยุด โดยสาวร่างเล็กคนนี้ยอมรับว่า มีเงิน มีความสุข สามารถซื้อที่ดิน เครื่องเพชร-ทองที่ชื่นชอบมาสะสมแล้ว ซึ่งตอนนี้เธอเริ่มมีความฝันอันใหม่คือทำเสื้อผ้าสวยๆให้คนได้ใส่
ดังนั้นเมื่อต้นปี 2558 เธอจึงทำเสื้อผ้าภายใต้ชื่อแบรนด์ WEE ออกมาเจาะลูกค้าสตรีที่ชอบแต่งตัวเรียบหรู มีความหวานซ่อนเปรี้ยว “เป็นสไตล์ที่พี่ชอบ โดยใช้แรงบันดาลใจจากเสื้อผ้าตัวโปรดสมัยเด็กๆที่ชอบมาผสมผสานในทุกคอลเลคชั่นของ WEE ซึ่งลูกค้าชอบนะคะ พี่คิดว่าเสน่ห์เสื้อผ้าของพี่จะอยู่ตรงที่พี่เลือกใช้ผ้า และวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ ทั้งแบบและคุณภาพสามารถใช้งานได้นาน ลูกค้าของพี่มีทั้งคนไทย คนจีน และพวกอาหรับ เลยขยายสาขาเพิ่มเป็น 4 สาขา ที่ ห้างสรรพสินค้าเซน เซ็นทรัลเวิลด์, สยาม พารากอน, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ และศูนย์การค้า คริสตัล วีรันด้า ส่วนปีหน้าพี่มีแผนขยายสาขาไปต่างประเทศ เน้นที่จีน และตะวันออกกลางค่ะ”
จากชีวิตที่เป็นหนี้จนสามารถฟันผ่าอุปสรรคกลับมาสร้างฐานะได้อีกครั้ง สุภาวดีได้ให้ข้อคิดไว้ว่า “งานทุกชิ้นมีคุณค่าในตัวเองเสมอ ขอให้ศรัทธาในงานตรงหน้า ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มุ่งมั่นตั้งใจให้ถึงที่สุด ถ้ามีปัญหาอย่าจมอยู่ปลักอยู่ปัญหานาน พยายามลุกขึ้นสลัดความเศร้าและจงกล้าที่ก้าวต่อไป”
บทเรียนชีวิตของผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่สู้ชีวิตคนนี้ หวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ คนที่กำลังท้อค่ะ
เรื่อง วรกัญญา สมพลวัฒนา
ภาพ ศิวกร เสนสอน