“ข้าวต้มกุ๊ย” เป็นวัฒนธรรมการกินอาหารที่ชาวจีนโพ้นทะเลนำติดตัวมาจากเมืองจีน จะสังเกตุว่าในสมัยก่อนคนขายข้าวต้มกุ๊ยผูกขาดโดยคนจีนแต้จิ๋วที่จะต้องมีฝีมือในการทำอาหารทั้งต้ม นึ่ง ผัดไฟแดง เพราะอาหารที่จะทานกับข้าวต้มกุ๊ย นั้นจะต้องมีความหลากหลายให้เลือก อย่างเช่น “จับเกี๊ยม” หรือของเค็มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไข่เค็ม เกี๊ยมฉ่าย ก๊งฉ่าย กุนเชียง จับฉ่าย ถั่วทอด เป็นต้น และที่ขาดไม่ได้คือ เป็ดพะโล้ ขาหมู ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของคนแต้จิ๋ว ที่นิยมนำมาทานคู่กับข้าวต้ม
ตามปกติร้านข้าวต้มกุ๊ยจะเริ่มขายตั้งแต่หัวค่ำไปเรื่อย ๆ จนถึงดึกดื่น จึงจัดเป็นอาหารสำหรับคนทำงานดึกหรือคนที่ชอบเที่ยวตอนดึก จนหลายคนเรียก”ข้าวต้มรอบดึก"
ต้นตำรับข้าวต้มรอบดึกที่ดังในยุคเมื่อ20 กว่าปีก่อนต้องยกให้ ห้องดิ เอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ ของโรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ย่านรัชดา ซึ่งในยุคที่เพิ่งสร้างถนนรัชดาใหม่ ๆ ตลอดสองฟากนี้จะเรียกว่าถนนโลกีย์เพราะมีทั้งผับบาร์ และอาบ อบ นวด เต็มไปหมด หลังจากผับบาร์เลิกแล้ว นักเที่ยวก็จะต้องหาอาหารร้อน ๆ ใส่กระเพาะก่อนจะกลับบ้านไปนอน ดังนั้น”ข้าวต้ม” จึงเป็นมื้อพิเศษของคนนอนดึกที่ขาดไม่ได้
แต่ที่พิเศษกว่าร้านอื่น ๆเพราะที่นี่เป็น “บุฟเฟ่ต์ข้าวต้ม” ที่ลูกค้าสามารถเลือกทานข้าวต้มกับอาหารได้สารพัดกว่า 30 อย่าง จะตักกี่ครั้งก็ได้จนอิ่ม ในราคา 299 บาท ( ในยุคนั้น) กลายเป็นที่ถูกอกถูกใจของนักเที่ยวยุคนั้น จึงมีลูกค้ามาอุดหนุนแน่นทุกคืน
โดยเชฟปู-สมศักดิ์ พิมลนอก เป็นเชฟที่คลุกคลีกับห้องดิ เอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ มาตั้งแต่เริ่มเปิดเล่าให้ฟังถึงบรรยากาศในยุคนั้นว่าคึกคักสุด ๆ ขนาดต้องใช้ข้าวหอมมะลิต้มข้าวต้มถึงวัละ 5- 6 กิโลกรัม เปิดรับลูกค้าจนถึงตี 3 ทุกวัน โดยต้องทำอาหารออกมาถึง 30 - 40 อย่างแทบไม่หยุดมือ
แม้ปัจจุบันถนนรัชดาจะเซบเซาไปบ้าง แต่ห้องดิ เอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ ก็ยังยืนหยัดบริการ “ข้าวต้มบุฟเฟ่ต์รอบดึก” ให้กับลูกค้าขาประจำอย่างเหนียวแน่น ทุก ๆ วันจะมีเมนูกว่า 30 อย่างสลับกันมาบริการ ทั้งจับเกี๊ยม ผัดผักไฟแดง อาทิ ผักบุ้งไฟแดง ยอดฟักแม้วผัดไฟแดง คะน้าหมูกรอบ คะน้าปลาเค็ม ไช้โป๊วผัดไข่ ผัดหนำเลี๊ยบ ต้มจับฉ่าย กระเพาะปลา ขาหมูพะโล้ เป็ดพะโล้ ปลาตะเพียนตุ๋นจนก้างนิ่ม ปลาช่อนแดดเดียว ปลาสลิดทอด ปลาดุกแดดเดียว หมูแดดเดียว เอ็นหมูตุ๋น ฯลฯ.
เมนูเด็ดที่ลูกค้าพลาดไม่ได้ คือหมูเค็ม ซึ่งใช้หมูสามชั้นที่แล่หนังออก หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ หมักซอสแล้วตบแป้งก่อนนำไปทอดให้กรอบทั้งชิ้น เคี้ยวแล้วหอมอร่อยมาก อร่อยจนลูกค้าติดใจต้องสั่งซื้อกลับบ้าน ซึ่งจะขายกิโลกรัมละ 1,500 บาท แต่ถ้ากินในบุฟเฟ่ต์ไลน์จะตักกี่ครั้งก็ได้
อีกเมนูหนึ่งที่ลูกค้าชอบมากคือ “ข้าวต้มปลากะพง” ซึ่งจะทำทีละชามเสิร์ฟร้อน ๆ เวลาลูกค้าสั่งก็จะลวกเนื้อปลากะพงสด ๆ ที่แล่ชิ้นใหญ่ ๆ นำไปลวกให้สุก ตักข้าวสวยที่หุงจนนุ่มใส่ชามเล็กน้อย ราดน้ำซุปไก่ร้อน ๆ ลงไป เติมกระเทียมเจียว คึ่นฉ่าย ที่ชอบคือจะมีเต้าหู้ทอดและหนังปลาทอดกรอบ ซึ่งหาทานยากมาเป็นเครื่องเคียงข้าวต้มปลาด้วย
สำหรับข้าวต้มที่ถือเป็นพระเอกนั้น ที่นี่ต้มได้อร่อยเหลือหลาย ปกติถ้าไปกินข้าวต้มกุ๊ยริมทางจะมีแต่น้ำมากกว่าเนื้อ แต่ที่นี่เชฟจะใช้ข้าวหอมมะลิใหม่มาเคี่ยวนานถึง 2 ชั่วโมงจะข้าวพองบานเนื้อใสเหนียวน่าทานมาก จะมีให้เลือกทานทั้งข้าวต้มขาว ข้ามต้มข้าวซ้อมมือ ข้าวต้มเผือก ข้าวต้มมัน เป็นต้น
ส่วนใครที่คิดว่ากินข้าวต้มแล้วยังไม่อิ่ม ในบุฟเฟ่ต์ไลน์ก็ยังมีบุฟเฟ่ต์นานาชาติให้เลือกทานได้ อาทิ สลัดบาร์ มุมซีฟู้ดมี กุ้งแม่น้ำ หอยนางรม สด ๆ หอยแมงภู่ จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ด อาหารฝรั่งอีก 6 เมนู อาหารที่ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ อาทิ ลิ้นหมูน้ำแดง เครื่องในเป็ดผัดพริกสด ผัดกระเพาะหมู มะเขือยาวผัดหมูสับ หอยแมงภู่ผัดพริก ปลากหมึกผัดกระเทียมโทน ไก่ผัดขิง ฯลฯ. และแทบไม่น่าเชื่อว่ายังมุมเล็ก ๆ ที่มีชีส 4-5 อย่างให้ลิ้มลอง
ยังไม่หมดเท่านี้ ถ้าไม่อิ่มแวะไปมุมก๋วยเตี๋ยวที่จะมี สุกี้ ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ก๋วยเตี๋ยวเป็ด ก๋วยจั๊บน้ำข้น เอ็นหมูตุ๋น ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตก และบะหมี่ลูกชิ้นปลา มาปรุงกันชามต่อชามสลับกันวันละ 1 อย่าง หรือจะกินอาหารเส้นอย่างพาสต้าก็มีให้เลือก 3 ซอสคือซอสมะเขือเทศ ซอสเนื้อ ซอสครีม
ส่วนขนมหวานก็มี สาคูไส้หมู ข้าวเกรียบปากหม้อ กาลอจี้ ขนมครก กล้วยแขก สาคูแปะก๊วย ข้าวเหนียวถั่วดำ มันต้มขิง เต้าทึง ไอศกรีม เป็นต้น
ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ราคา 648 บาท/คน และตอนนี้ยังมีโปรโมชั่น “บุฟเฟ่ต์มา 4 จ่าย 3 “ ทุกวัน(ยกเว้นวันนักขัตฤกษ์ มื้อค่ำเปิดตั้งแต่ 18.00-24.00 น. สอบถามรายละเอียด02-276-4567ต่อ8413-4
ชิมโดย : ปาณี ชีวาภาคย์
ภาพโดย : พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร