xs
xsm
sm
md
lg

“กินอยู่ หรูหรา” กับลิฟวิ่ง สไตลิสต์ “ณรงค์ชัย จิราพาณิชกุล”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จิว-ณรงค์ชัย จิราพาณิชกุล เจ้าของ บริษัท วิน็อตโต้ จำกัด
 
“ผมเชื่อของทุกชิ้นมีเจ้าของ และเจ้าของจะต้องมาเอาของๆ เขา” นั่นคือสิ่งที่ จิว-ณรงค์ชัย จิราพาณิชกุล เจ้าของ บริษัท วิน็อตโต้ จำกัด เชื่อมั่น และทำให้เขาตามค้นหางานศิลปะ ของสะสม และของแต่งบ้าน ที่ชื่นชอบจากทั่วทุกมุมโลก มาเก็บไว้รอเจ้าของตัวจริงมารับไปโดยมีเขาเป็นคนกลาง

โชว์รูมวิลล่า วิน็อตโต้ ที่ได้รับการตกแต่งให้เป็นบ้านไอเดียล้ำ ในซอยสุขุมวิท 26 เป็นที่ๆ เรานัดพบ จิว-ณรงค์ชัย ซึ่งเมื่อก้าวเข้ามาภายในแล้ว ก็อดตื่นตากับข้าวของที่ถูกนำมาตกแต่งภายในโชว์รูมไม่ได้ เพราะแต่ละชิ้นงดงามและแปลกตายิ่งนัก เจ้าตัวจึงอธิบายว่า ของที่ใช้ตกแต่งทั้งหมด เป็นของสะสมที่เก็บเกี่ยวได้จากการเดินทางทั่วโลกเพื่อค้นหาแรงบันดาลใจนั่นเอง

ชีวิตของ “จิว” คลุกคลีกับเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก และเมื่อถูกส่งตัวไปเรียนต่อที่บอสตัน เขาจึงเลือกเรียนด้านการตลาด โดยหวังจะกลับมาช่วยงานครอบครัว “เรียนจบผมทำงานด้านโลจิติกส์ที่บอสตันก่อนครับ ทำได้ระยะหนึ่ง แม่เรียกกลับมาช่วยที่บ้าน ด้วยความที่ชอบทำอะไรไม่เหมือนใคร ก็คิดว่าขายเฟอร์นิเจอร์อย่างเดียวไม่พอ เลยจ้างอินทีเรียมาช่วยเรื่องการตกแต่งเป็นไอเดียให้ลูกค้า ส่วนผมก็ขายและวิ่งหาของตกแต่งที่แตกต่างจากตลาดมาเพิ่มเติม จนวันหนึ่งเมื่อลูกน้องข้างกายไม่อยู่ เลยต้องทำเองทั้งหมด ปรากฏมันดีกว่าเดิมครับ”

แม้จะไม่ได้เรียนจบด้านอินทีเรียดีไซน์มาโดยตรง แต่ประสบการณ์ที่ซึมซับมาโดยตลอด ทำให้ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งของเขา ได้รับการยอมรับจากผู้คน ซึ่งส่วนหนึ่งเขามั่นใจว่า มาจากมุมมองที่แตกต่างไปจากกรอบการออกแบบเดิมๆ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่ได้มานั้น มีรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร

การเที่ยวตะเวนไปทั่วทุกมุมโลกเพื่อค้นหาแรงบันดาลใจของ “จิว” นับเป็นความสุขที่เขาบอกว่า สนุกและท้าทายมาก แต่ละปีเขาจะใช้เงินไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท เพื่อแลกกับการกินดี อยู่ดี และความหรูหราทั้งหมด “ผมเป็นคนที่ถ้าอยากได้อะไรต้องได้ การเลือกสิ่งดีๆ ก็เพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิตของคนระดับนั้นว่าเป็นอย่างไร และนำกลับมาตอบโจทย์ลูกค้าที่อยากมีชีวิตแบบนั้นให้ได้”

 
นอกจากเงินที่หมดไปกับการหาแรงบันดาลใจในการทำงานแล้ว มนต์เสน่ห์ของงานศิลปะอันโดดเด่นที่พบเจอมา ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ “จิว” ต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินก่อนที่จะลำเลียงข้ามน้ำข้ามทะเล นำกลับมาเก็บไว้ในไทย “อย่างที่บอกผมเชื่อว่าของทุกชิ้นมีเจ้าของอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะมาเจอกันเมื่อไหร่ ทุกชิ้นแปลกและแตกต่าง ส่วนใหญ่จะมีเพียงชิ้นเดียว หรือถ้าซ้ำก็ไม่เกิน 2-3 ชิ้น แต่ละชิ้นมีที่มาที่ไปและมีเรื่องราวในตัวเอง ทั้งหมดนี้คือ เสน่ห์และเหตุผลในการที่อยากจะครอบครอง”

จิว ยังบอกอีกว่า ของทุกชิ้นของเขาไม่ใช่จะได้มาง่ายๆ หากเป็นสิ่งของที่พบเจอในห้างสรรพสินค้าเขาจะไม่ซื้อเลย แต่จะดั้นด้นไปถึงแหล่งผลิตเพื่อดูกรรมวิธีการสร้างสรรค์งานชิ้นนั้นๆ ขณะที่ ของบางอย่างอาจจะได้มาด้วยความบังเอิญ หรือของบางอย่างก็ได้มาจากการพบเจอในแมกกาซีน ซึ่งแทบจะไม่มีเบาะแสให้สืบค้นเลย แต่ของสิ่งไหนที่เขาอยากได้แล้วก็ไม่พ้นความพยายามของจิวไปได้
จิว-ณรงค์ชัย กับวอลเปเปอร์ สีทองจากปารีส
โดยของ 3 ชิ้นที่เขาบอกว่า รักและภูมิใจ เพราะกว่าจะได้มาค่อนข้างลำบากนั้น ชิ้นแรกเป็น “วอลเปเปอร์” สีทองที่ได้มาจากปารีส ซึ่งนอกจากราคาสุดแพงถึงตารางเมตรละ 39,000 บาท เขาบอกลักษณะพิเศษว่า เป็นวอลเปเปอร์ทำมือและต้องสั่งทำพิเศษตามขนาดของผนัง ดังนั้น ลายของจึงไม่ซ้ำกัน ขณะเดียวกัน การติดตั้งและกาวที่ใช้จะเป็นแบบพิเศษ ที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศเมืองไทยมีความชื้นสูง

จิวเล่าถึงที่มาว่า เขาไปเจอวอลเปเปอร์สุดหรูนี้ในห้างหลุยส์ วิตตองที่ปารีส จึงพยายามสอบถามพนักงานของร้าน แต่ก็ได้เบาะแสมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่เหลือจากนั้นเขาก็ไปเสาะหาในอินเตอร์เน็ตจนในที่สุดก็เจอโรงงานผลิต
โมเดลจำลอง “แรงโน้มถ่วงของโลก” ฝีมือนักประดิษฐ์ชาวฝรั่งเศส
 
ขณะที่ ของสะสมชิ้นไม่ใหญ่นัก อย่าง โมเดลจำลอง “แรงโน้มถ่วงของโลก” ชิ้นเก๋ที่ตั้งอยู่ในห้องทำงาน ก็ได้มาจากชาวฝรั่งเศสที่รู้จักกัน “เพื่อนคนนี้เป็นคนที่ชอบดัดแปลงสิ่งของ เขาเป็นคนที่คิดค้นเอาหนูมาใส่ปีกนก เอานกมาใส่หู ซึ่งคนชอบมาก คือก่อนที่จะได้โมเดลจำลองนี้มา ผมบอกเขาว่ากำลังแต่งห้องทำงาน ผมอยากให้ห้องมีมนต์ขลัง มีอดีตที่น่าสนใจ เขาหายไป 2-3 วันก็นำมาให้ ทุกวันนี้ยังตั้งอยู่ในห้องทำงานราคาประมาณ 3 แสนกว่าบาท แต่ไม่คิดจะขายใครครับ”

ส่วนชิ้นสุดท้ายเป็น “ขวดทับหนังสือ” ดีไซน์อันโดดเด่นที่ตั้งอยู่มุมห้อง ซึ่งได้มาจากไมอามี่ เจ้าของเป็นวิศวกรที่ชื่อ “นิโคลัส” ซึ่งลาออกจากงานประจำ มาทำงานร่วมกับภรรยาที่เป็นดีไซเนอร์ งานทุกชิ้นของสามี-ภรรยาคู่นี้ จะเป็นการทำงานร่วมกัน โดยภรรยาออกแบบ สามีตอบโจทย์เรื่องฟังก์ชันแล้วออกมาเป็นงานที่ไม่เหมือนใคร “ขวดอันนี้ความจริงคือนาฬิกา ผมไม่รู้ว่าเขาผลิตกี่ชิ้น แต่เชื่อได้ว่าหากขายชิ้นนี้ไปแล้วจะกลับไปซื้อใหม่ไม่ได้แน่นอน เพราะปัจจุบันคู่นี้เลิกกันแล้ว (หัวเราะ)”
กับขวดทับหนังสือ ภายในเป็นนาฬิกา จากสามี-ภรรยาชาวไมอามี่
 
การบอกเล่าเรื่องราวของแต่ละชิ้น ดูเหมือนว่า ลิฟวิ่ง สไตลิสต์ อย่าง จิว-ณรงค์ชัย ในวัย 35 ปีคนนี้ จะมีความสุขมากๆ ก่อนจากกัน “จิว” ยังบอกกับเราว่า ความสุขที่เขาค้นพบจริงๆ นั้น แม้จะเพิ่งเริ่มเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา มันทำให้เขารู้สึกรักและหวงแหนอาชีพนี้มาก ทุกเช้าเขาสามารถขับรถมาทำงานพร้อมรอยยิ้มที่สดใส ได้อย่างไม่รู้เบื่อ และวันใดที่ไม่ได้ทำงาน วันนั้นเป็นวันที่เขารู้สึกหงุดหงิดและแย่มากจริง
เรื่อง : วรกัญญา
ภาพ : พลภัทร วรรณดี
 
กำลังโหลดความคิดเห็น