>>ไปพบกับเซเลบริตี้หลากหลายวงการที่ใช้ชีวิตสวนกระแสแบบที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน เพราะพวกเขาเหล่านั้นต่างมีวิถีการดำเนินชีวิต และมุมมองความคิดพร้อมด้วยเหตุผล ที่อ่านแล้วนับว่าได้ประโยชน์ไม่น้อยสำหรับผู้คนมากมายที่กำลังวิ่งตามความไฮเทคของเทคโนโลยีที่มากำหนด และ/หรือเข้ามาบั่นทอน ทำลายระบบ และกระบวนการต่างๆ จนแทบหมดสิ้น
ป๊อป-วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ หนุ่มมาดชิกแต่ความจริงเขา “โลว์เทค!!”
เพราะยังไม่เห็นความจำเป็นในการนำพาตัวเองเข้าไปอยู่ในโลกออนไลน์ บวกกับเวลาใช้สอยที่เหลือจากการทำงานก็มีจำกัด ทำให้ “ป๊อป-วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ” ผู้ประกาศข่าวบันเทิงและพิธีกรคนเก่ง จึงเลือกที่จะไม่ก้าวเข้าไปสัมผัสกับโลกออนไลน์ อย่าง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือ อินสตาแกรม (ไอจี) จนเป็นที่รู้กันว่าถ้าจะอยากรู้ความเคลื่อนไหวของเขาต้องต่อสายตรงเท่านั้น!
“ผมไม่ได้ปฏิเสธหรือแอนตี้เครือข่ายสังคมออนไลน์นะครับ แต่ผมมองว่า ผมพอใจกับชีวิตตัวเองที่เติบโตมาในโลกออฟไลน์อย่างนี้แล้ว เลยไม่คิดว่าจะต้องขวนขวายอะไรมาเพิ่มเติมความสุขให้กับชีวิตอีก นอกจากนี้ ด้วยภารกิจที่มีมากมายในแต่ละวัน ทำให้ผมอยากใช้เวลาว่างที่จำกัดอยู่กับตัวเอง แต่ถ้าถามว่า แล้วผมติดตามข่าวสารยังไง ผมยังเลือกเสพข่าวจากสื่อกระแสหลักแบบเดิมๆ เพราะเชื่อว่า เป็นข่าวที่กลั่นกรองมาแล้ว บางครั้ง การรู้ช้า แต่รู้ชัวร์แบบถูกต้อง ก็น่าจะดีกว่านะครับ”
ป๊อบยอมรับว่า ตัวเขาเองเป็นพวกอนุรักษนิยม ชอบใช้ชีวิตในรูปแบบเดิมๆ และมีปฏิสัมพันธ์กันจริงๆ มากกว่า ทำให้เวลานึกถึงเพื่อนที่อยากเจอ ก็จะนัดทานข้าวเพื่อพูดคุยกันแบบหน้าต่อหน้ามากกว่า
“ถ้าถามว่าเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และไอจี ดีมั้ย ตอบเลยว่าดีแน่ๆ ไม่อย่างนั้น คงไม่ได้รับความนิยมจากคนทั่วโลกมากมาย เพียงแต่ผมก็ยังไม่เคยลองใช้ (หัวเราะ) เพราะผมยังไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่จะต้องใช้สื่อสังคมออนไลน์เหล่านี้ ซึ่งถ้าผมอยากทราบเรื่องราวของเพื่อน หรือเพื่อนอยากทราบเรื่องราวของผม เราก็จะคุยโทรศัพท์ หรือนัดทานข้าวกันมากกว่าครับ”
อีกเหตุผลที่ทำให้ป๊อปยังไม่ก้าวมาสู่โลกออนไลน์คือ เขาเชื่อว่า เหรียญยังมีสองด้าน โซเชียลเน็ตเวิร์กก็เช่นกัน สำหรับด้านดีคงไม่ต้องพูดถึง แต่ในด้านไม่ดีคือสิ่งที่เขาเป็นห่วง
“ผมเคยได้ยินข่าวบ่อยๆ ว่า มีหลายคนผิดใจกัน น้อยใจกัน หรือแม้กระทั่งเลิกคบกันไปเลย เพราะรูปภาพ ข้อความ หรือแม้กระทั่งการกด Like และ Follow ในไอจีหรือเฟซบุ๊ก ซึ่งผมเองก็กลัวจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว บวกกับยังอยากให้ทุกคนมีความรู้สึกดีๆ กับผม เลยคิดว่าตัดไฟแต่ต้นลมน่าจะดีกว่า อีกอย่างคือ ผมถ่ายรูปไม่ค่อยสวย เทคโนโลยีก็ยังไม่ค่อยคล่อง ก็เลยคิดว่า ถ้าผมต้องฝึกฝนและเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อการเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กขนาดนั้น ผมขออยู่ของผมอย่างนี้ไปก่อน น่าจะดีกว่า” (อมยิ้ม)
อย่างไรก็ตาม ป๊อปไม่ปิดกั้นตัวเอง แถมออกปากว่าในอนาคตอาจจะหันมาเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กก็ได้
ม.ล. ขวัญกมล ทองใหญ่ เลือกเก็บความประทับใจบันทึกลง Photobook
ในโลกที่เทคโนโลยีเป็นใหญ่ ใครๆ ก็เก็บภาพถ่ายไว้ในรูปแบบของไฟล์ดิจิตอล ไม่ว่าจะในคอมพิวเตอร์ โพสต์ลงอัลบัมในเฟซบุ๊ก แต่สำหรับหม่อมหลวงขวัญกมล ทองใหญ่ ยังคงรักในการเปิดอัลบัมภาพเป็นเล่มๆ แบบจับต้องได้ ทุกครั้งที่เธอกลับมาจากการท่องเที่ยว เธอจึงเลือกภาพถ่ายที่ประทับใจมาพรินต์เป็นเล่ม Photobook สำหรับตัวเองและแจกจ่ายให้กับเพื่อนร่วมทริปเพื่อเอาไว้เปิดดูถึงเหตุการณ์ที่ประทับใจระหว่างทาง
“ถ้าเราถ่ายรูปมาแล้ว ไม่นำมาพรินต์รวบรวมแบบนี้ มันก็จะเป็นไฟล์ของในคอมพิวเตอร์ คงไม่ได้ไปเปิดดูกันสักเท่าไร แถมผู้ใหญ่บางคนที่ไม่ได้ถนัดใช้อุปกรณ์ไอที ทำให้เขาแทบจะไม่มีโอกาสได้เปิดดูรูปได้เองเลย ที่สำคัญพอผ่านไปนานๆ เราก็อาจจะหลงลืม หรือไฟล์หายไปที่ไหนไม่รู้ แต่พอทำเป็นเล่มแบบนี้เราได้เห็น มันจับต้องได้ วางเอาไว้แบบนี้ วันไหนว่างๆ ก็หยิบมาเปิดดูได้สะดวก พอดูแล้วมันก็เป็นการทบทวนถึงความทรงจำต่างๆ ที่มีความสุขและเก็บเป็นบันทึกความประทับใจที่เก็บไว้ดูได้ในอนาคตยามแก่เฒ่า รวมไปถึงเอามาเปิดย้อนอดีต เล่าเรื่องความหลังให้ลูกให้หลานฟังในอนาคตได้อีกด้วย
แถมยังเป็นของขวัญสุดพิเศษ ที่ใครได้รับก็ประทับใจ เพราะขวัญจะคัดเลือกภาพแบบ Personalize แต่ละเล่มเลย คือ ทำเล่มไหนให้ใคร เล่มนั้นรูปเขาจะสวยสุด เราคิดและเลือกสรรเพื่อเขาโดยเฉพาะ เพราะใครๆ ก็อยากเห็นรูปที่ตัวเองดูดีที่สุด และแต่ละคนความประทับใจในการเดินทางมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน จึงตั้งใจทำเพื่อให้มันเป็นอัลบัมที่เก็บเอาความทรงจำที่งดงามที่สุดของแต่ละคนเอาไว้”
ม.ล.อภิชิต วุฒิชัย หลงใหลสิ่งของสไตล์วินเทจ เสน่ห์ที่เงินหาซื้อไม่ได้
แม้ว่าผลงานออกแบบทั้งสิ่งของหรือแคมเปญโฆษณาที่ “หม่อมหลวงอภิชิต วุฒิชัย” สร้างสรรค์ล้วนแล้วแต่ดูล้ำสมัย แบบโมเดิร์นเรียบง่าย หรือของใช้ติดตัวจะเป็นสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ แต่ในส่วนของรสนิยมการใช้ชีวิตกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะเขาหลงใหลในเรื่องราวของประวัติศาสตร์และชื่นชอบของเก่าเป็นอย่างมาก ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต รวมไปถึงของสะสมอย่าง “หนังสืองานศพ”
“ของในบ้านล้วนแต่เป็นของวินเทจที่ส่งต่อกันมาจากบรรพบุรุษ ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ ข้างของเครื่องใช้ อย่างบางชิ้นเป็นลายพระหัตถ์รัชกาลที่ 5 ก็มี ซึ่งเสน่ห์ความคลาสสิกของของวินเทจพวกนี้ มันคือมูลค่าอันประเมินไม่ได้ มีเงินก็ซื้อไม่ได้ ต่างกับของโมเดิร์นที่แม้จะราคาแพงมาก แต่ขอแค่เงินถึงก็ซื้อหาได้ แต่ของเก่าเหล่านี้บางชิ้นมีอันเดียวหาไม่ได้อีกแล้ว แถมยังเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์มากมาย”
ขณะที่ผู้คนมองค่าสิ่งของเป็นเงินทอง แต่สำหรับ ม.ล.อภิชิต สนใจที่ “คุณค่า” มากกว่า อย่างบางสิ่งที่คนมองข้ามจึงไม่น่าแปลกใจที่หนึ่งในสิ่งที่เขาสนใจที่สุด กลับกลายเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามอย่าง “หนังสืองานศพ”
“ความน่าสนใจของหนังสืองานศพ คือ มันทำให้เราได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์ผ่านชีวิตคนในสมัยนั้นจริงๆ ซึ่งพอได้อ่านมันเหมือนพาเราย้อนอดีต แถมยังได้ความรู้ในด้านต่างๆ อีกมากมาย เพราะหนังสืองานศพนี้ นอกจากจะเก็บรวบรวมประวัติของแต่ละท่านอย่างละเอียดแล้ว ยังมักจะรวบรวมเอาไลฟ์สไตล์ความชอบ หรือผลงานสำคัญๆ ของแต่ละท่านมาผนวกไว้ด้วยเช่นกัน”
คลาสสิกไอเท็มที่แสนภูมิใจของ “แพร-ดวงกมล เวปุลละ วาเกนเซ่น”
ในวันที่รูปแบบของเครื่องให้เสียงดนตรีเปลี่ยนไปเพราะเทคโนโลยีก้าวหน้าไปทุกวัน จากแผ่นเสียง สู่เทปคาสเส็ต จากเทปคาสเส็ตสู่แผ่นซีดี และวันนี้แผ่นซีดีก็กำลังลดน้อยลง เพราะเพลงไปอยู่ในรูปแบบของไฟล์เสียง รวมถึงอุปกรณ์เครื่องเล่นที่สามารถเล่นแผ่นซีดีได้ เดี๋ยวนี้หลายๆ ผู้ผลิตเริ่มเปลี่ยนรูปแบบไปแล้ว และความภูมิใจเล็กๆ ของ “แพร-ดวงกมล เวปุลละ วาเกนเซ่น” ก็คือการได้เก็บเครื่องเล่นซีดีรุ่นคลาสสิก รุ่น BO Sound 9000 ที่เราเคยเห็นจากภาพยนตร์หลายๆ เรื่องซึ่งปัจจุบันนี้เลิกผลิตไปแล้ว โดยเธอหลงเสน่ห์กับความคลาสสิกของเจ้าเครื่องเสียงนี้อย่างจัง
“เสน่ห์ของมันก็คือ ขณะซีดีกำลังหมุนเราจะเห็นว่ามันทำงานแล้วก็เดี๋ยวพอหมดแผ่นนี้มันจะเปลี่ยนไปอีกแผ่นนึง โดยตัวแกนที่จับซีดีมันก็จะเลื่อนอัตโนมัติ ดูเป็นเสน่ห์ที่ไม่มีให้เห็นในปัจจุบันนี้และรู้สึกว่าฉันมีของที่คนอื่นไม่มีและเป็นของที่อยากได้มานาน (หัวเราะ) เหมือนเป็นคลาสสิกไอเท็ม ต้องบอกว่าสมัยนี้ซีดีแทบจะไม่มีในตลาดแล้ว เครื่องเล่นก็เช่นกัน แต่ว่าสมัยก่อนเรามีแผ่นซีดีที่เราซื้อสะสมไว้เต็มหมด การที่ได้เครื่องนี้มาก็ทำให้เราได้หยิบซีดีเพลงที่เรามีมาฟังได้อีกครั้ง”
และวันนี้เจ้าเครื่องเสียงรุ่น BO Sound 9000 ก็กลายเป็นไอเท็มโมเดิร์นคลาสสิก ที่ผสมกลมกลืนอยู่ในชีวิตของคุณแพร เพราะทั้งช่วยส่งเสียงเพลงเพราะๆ และทั้งยังมีดีไซน์ที่ดูคลาสสิก ขนาดเจ้าตัวเดินผ่านเครื่องนี้ทีไร เมื่อเห็นแล้วก็อดชื่นใจกับไอเท็มคลาสสิกนี้ไม่ได้ :: Text by FLASH
ป๊อป-วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ หนุ่มมาดชิกแต่ความจริงเขา “โลว์เทค!!”
เพราะยังไม่เห็นความจำเป็นในการนำพาตัวเองเข้าไปอยู่ในโลกออนไลน์ บวกกับเวลาใช้สอยที่เหลือจากการทำงานก็มีจำกัด ทำให้ “ป๊อป-วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ” ผู้ประกาศข่าวบันเทิงและพิธีกรคนเก่ง จึงเลือกที่จะไม่ก้าวเข้าไปสัมผัสกับโลกออนไลน์ อย่าง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือ อินสตาแกรม (ไอจี) จนเป็นที่รู้กันว่าถ้าจะอยากรู้ความเคลื่อนไหวของเขาต้องต่อสายตรงเท่านั้น!
“ผมไม่ได้ปฏิเสธหรือแอนตี้เครือข่ายสังคมออนไลน์นะครับ แต่ผมมองว่า ผมพอใจกับชีวิตตัวเองที่เติบโตมาในโลกออฟไลน์อย่างนี้แล้ว เลยไม่คิดว่าจะต้องขวนขวายอะไรมาเพิ่มเติมความสุขให้กับชีวิตอีก นอกจากนี้ ด้วยภารกิจที่มีมากมายในแต่ละวัน ทำให้ผมอยากใช้เวลาว่างที่จำกัดอยู่กับตัวเอง แต่ถ้าถามว่า แล้วผมติดตามข่าวสารยังไง ผมยังเลือกเสพข่าวจากสื่อกระแสหลักแบบเดิมๆ เพราะเชื่อว่า เป็นข่าวที่กลั่นกรองมาแล้ว บางครั้ง การรู้ช้า แต่รู้ชัวร์แบบถูกต้อง ก็น่าจะดีกว่านะครับ”
ป๊อบยอมรับว่า ตัวเขาเองเป็นพวกอนุรักษนิยม ชอบใช้ชีวิตในรูปแบบเดิมๆ และมีปฏิสัมพันธ์กันจริงๆ มากกว่า ทำให้เวลานึกถึงเพื่อนที่อยากเจอ ก็จะนัดทานข้าวเพื่อพูดคุยกันแบบหน้าต่อหน้ามากกว่า
“ถ้าถามว่าเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และไอจี ดีมั้ย ตอบเลยว่าดีแน่ๆ ไม่อย่างนั้น คงไม่ได้รับความนิยมจากคนทั่วโลกมากมาย เพียงแต่ผมก็ยังไม่เคยลองใช้ (หัวเราะ) เพราะผมยังไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่จะต้องใช้สื่อสังคมออนไลน์เหล่านี้ ซึ่งถ้าผมอยากทราบเรื่องราวของเพื่อน หรือเพื่อนอยากทราบเรื่องราวของผม เราก็จะคุยโทรศัพท์ หรือนัดทานข้าวกันมากกว่าครับ”
อีกเหตุผลที่ทำให้ป๊อปยังไม่ก้าวมาสู่โลกออนไลน์คือ เขาเชื่อว่า เหรียญยังมีสองด้าน โซเชียลเน็ตเวิร์กก็เช่นกัน สำหรับด้านดีคงไม่ต้องพูดถึง แต่ในด้านไม่ดีคือสิ่งที่เขาเป็นห่วง
“ผมเคยได้ยินข่าวบ่อยๆ ว่า มีหลายคนผิดใจกัน น้อยใจกัน หรือแม้กระทั่งเลิกคบกันไปเลย เพราะรูปภาพ ข้อความ หรือแม้กระทั่งการกด Like และ Follow ในไอจีหรือเฟซบุ๊ก ซึ่งผมเองก็กลัวจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว บวกกับยังอยากให้ทุกคนมีความรู้สึกดีๆ กับผม เลยคิดว่าตัดไฟแต่ต้นลมน่าจะดีกว่า อีกอย่างคือ ผมถ่ายรูปไม่ค่อยสวย เทคโนโลยีก็ยังไม่ค่อยคล่อง ก็เลยคิดว่า ถ้าผมต้องฝึกฝนและเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อการเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กขนาดนั้น ผมขออยู่ของผมอย่างนี้ไปก่อน น่าจะดีกว่า” (อมยิ้ม)
อย่างไรก็ตาม ป๊อปไม่ปิดกั้นตัวเอง แถมออกปากว่าในอนาคตอาจจะหันมาเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กก็ได้
ม.ล. ขวัญกมล ทองใหญ่ เลือกเก็บความประทับใจบันทึกลง Photobook
ในโลกที่เทคโนโลยีเป็นใหญ่ ใครๆ ก็เก็บภาพถ่ายไว้ในรูปแบบของไฟล์ดิจิตอล ไม่ว่าจะในคอมพิวเตอร์ โพสต์ลงอัลบัมในเฟซบุ๊ก แต่สำหรับหม่อมหลวงขวัญกมล ทองใหญ่ ยังคงรักในการเปิดอัลบัมภาพเป็นเล่มๆ แบบจับต้องได้ ทุกครั้งที่เธอกลับมาจากการท่องเที่ยว เธอจึงเลือกภาพถ่ายที่ประทับใจมาพรินต์เป็นเล่ม Photobook สำหรับตัวเองและแจกจ่ายให้กับเพื่อนร่วมทริปเพื่อเอาไว้เปิดดูถึงเหตุการณ์ที่ประทับใจระหว่างทาง
“ถ้าเราถ่ายรูปมาแล้ว ไม่นำมาพรินต์รวบรวมแบบนี้ มันก็จะเป็นไฟล์ของในคอมพิวเตอร์ คงไม่ได้ไปเปิดดูกันสักเท่าไร แถมผู้ใหญ่บางคนที่ไม่ได้ถนัดใช้อุปกรณ์ไอที ทำให้เขาแทบจะไม่มีโอกาสได้เปิดดูรูปได้เองเลย ที่สำคัญพอผ่านไปนานๆ เราก็อาจจะหลงลืม หรือไฟล์หายไปที่ไหนไม่รู้ แต่พอทำเป็นเล่มแบบนี้เราได้เห็น มันจับต้องได้ วางเอาไว้แบบนี้ วันไหนว่างๆ ก็หยิบมาเปิดดูได้สะดวก พอดูแล้วมันก็เป็นการทบทวนถึงความทรงจำต่างๆ ที่มีความสุขและเก็บเป็นบันทึกความประทับใจที่เก็บไว้ดูได้ในอนาคตยามแก่เฒ่า รวมไปถึงเอามาเปิดย้อนอดีต เล่าเรื่องความหลังให้ลูกให้หลานฟังในอนาคตได้อีกด้วย
แถมยังเป็นของขวัญสุดพิเศษ ที่ใครได้รับก็ประทับใจ เพราะขวัญจะคัดเลือกภาพแบบ Personalize แต่ละเล่มเลย คือ ทำเล่มไหนให้ใคร เล่มนั้นรูปเขาจะสวยสุด เราคิดและเลือกสรรเพื่อเขาโดยเฉพาะ เพราะใครๆ ก็อยากเห็นรูปที่ตัวเองดูดีที่สุด และแต่ละคนความประทับใจในการเดินทางมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน จึงตั้งใจทำเพื่อให้มันเป็นอัลบัมที่เก็บเอาความทรงจำที่งดงามที่สุดของแต่ละคนเอาไว้”
ม.ล.อภิชิต วุฒิชัย หลงใหลสิ่งของสไตล์วินเทจ เสน่ห์ที่เงินหาซื้อไม่ได้
แม้ว่าผลงานออกแบบทั้งสิ่งของหรือแคมเปญโฆษณาที่ “หม่อมหลวงอภิชิต วุฒิชัย” สร้างสรรค์ล้วนแล้วแต่ดูล้ำสมัย แบบโมเดิร์นเรียบง่าย หรือของใช้ติดตัวจะเป็นสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ แต่ในส่วนของรสนิยมการใช้ชีวิตกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะเขาหลงใหลในเรื่องราวของประวัติศาสตร์และชื่นชอบของเก่าเป็นอย่างมาก ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต รวมไปถึงของสะสมอย่าง “หนังสืองานศพ”
“ของในบ้านล้วนแต่เป็นของวินเทจที่ส่งต่อกันมาจากบรรพบุรุษ ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ ข้างของเครื่องใช้ อย่างบางชิ้นเป็นลายพระหัตถ์รัชกาลที่ 5 ก็มี ซึ่งเสน่ห์ความคลาสสิกของของวินเทจพวกนี้ มันคือมูลค่าอันประเมินไม่ได้ มีเงินก็ซื้อไม่ได้ ต่างกับของโมเดิร์นที่แม้จะราคาแพงมาก แต่ขอแค่เงินถึงก็ซื้อหาได้ แต่ของเก่าเหล่านี้บางชิ้นมีอันเดียวหาไม่ได้อีกแล้ว แถมยังเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์มากมาย”
ขณะที่ผู้คนมองค่าสิ่งของเป็นเงินทอง แต่สำหรับ ม.ล.อภิชิต สนใจที่ “คุณค่า” มากกว่า อย่างบางสิ่งที่คนมองข้ามจึงไม่น่าแปลกใจที่หนึ่งในสิ่งที่เขาสนใจที่สุด กลับกลายเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามอย่าง “หนังสืองานศพ”
“ความน่าสนใจของหนังสืองานศพ คือ มันทำให้เราได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์ผ่านชีวิตคนในสมัยนั้นจริงๆ ซึ่งพอได้อ่านมันเหมือนพาเราย้อนอดีต แถมยังได้ความรู้ในด้านต่างๆ อีกมากมาย เพราะหนังสืองานศพนี้ นอกจากจะเก็บรวบรวมประวัติของแต่ละท่านอย่างละเอียดแล้ว ยังมักจะรวบรวมเอาไลฟ์สไตล์ความชอบ หรือผลงานสำคัญๆ ของแต่ละท่านมาผนวกไว้ด้วยเช่นกัน”
คลาสสิกไอเท็มที่แสนภูมิใจของ “แพร-ดวงกมล เวปุลละ วาเกนเซ่น”
ในวันที่รูปแบบของเครื่องให้เสียงดนตรีเปลี่ยนไปเพราะเทคโนโลยีก้าวหน้าไปทุกวัน จากแผ่นเสียง สู่เทปคาสเส็ต จากเทปคาสเส็ตสู่แผ่นซีดี และวันนี้แผ่นซีดีก็กำลังลดน้อยลง เพราะเพลงไปอยู่ในรูปแบบของไฟล์เสียง รวมถึงอุปกรณ์เครื่องเล่นที่สามารถเล่นแผ่นซีดีได้ เดี๋ยวนี้หลายๆ ผู้ผลิตเริ่มเปลี่ยนรูปแบบไปแล้ว และความภูมิใจเล็กๆ ของ “แพร-ดวงกมล เวปุลละ วาเกนเซ่น” ก็คือการได้เก็บเครื่องเล่นซีดีรุ่นคลาสสิก รุ่น BO Sound 9000 ที่เราเคยเห็นจากภาพยนตร์หลายๆ เรื่องซึ่งปัจจุบันนี้เลิกผลิตไปแล้ว โดยเธอหลงเสน่ห์กับความคลาสสิกของเจ้าเครื่องเสียงนี้อย่างจัง
“เสน่ห์ของมันก็คือ ขณะซีดีกำลังหมุนเราจะเห็นว่ามันทำงานแล้วก็เดี๋ยวพอหมดแผ่นนี้มันจะเปลี่ยนไปอีกแผ่นนึง โดยตัวแกนที่จับซีดีมันก็จะเลื่อนอัตโนมัติ ดูเป็นเสน่ห์ที่ไม่มีให้เห็นในปัจจุบันนี้และรู้สึกว่าฉันมีของที่คนอื่นไม่มีและเป็นของที่อยากได้มานาน (หัวเราะ) เหมือนเป็นคลาสสิกไอเท็ม ต้องบอกว่าสมัยนี้ซีดีแทบจะไม่มีในตลาดแล้ว เครื่องเล่นก็เช่นกัน แต่ว่าสมัยก่อนเรามีแผ่นซีดีที่เราซื้อสะสมไว้เต็มหมด การที่ได้เครื่องนี้มาก็ทำให้เราได้หยิบซีดีเพลงที่เรามีมาฟังได้อีกครั้ง”
และวันนี้เจ้าเครื่องเสียงรุ่น BO Sound 9000 ก็กลายเป็นไอเท็มโมเดิร์นคลาสสิก ที่ผสมกลมกลืนอยู่ในชีวิตของคุณแพร เพราะทั้งช่วยส่งเสียงเพลงเพราะๆ และทั้งยังมีดีไซน์ที่ดูคลาสสิก ขนาดเจ้าตัวเดินผ่านเครื่องนี้ทีไร เมื่อเห็นแล้วก็อดชื่นใจกับไอเท็มคลาสสิกนี้ไม่ได้ :: Text by FLASH