ART EYE VIEW---กลุ่ม PhotoJourn ซึ่งเป็นกลุ่มคนทำงานภาพถ่ายสารคดี กำลังจะจัดกิจกรรม 1st EDITION STORIES THROUGH THE VIEWFINDER งานนำเสนอผลงานภาพถ่ายสารคดีคุณภาพจากทั่วโลก กว่า 20 ผลงาน โดยมี Francoise Callier จาก Angkor Photo Festival และ สุเทพ กฤษณาวารินทร์ ช่างภาพสารคดีและผู้ก่อตั้ง กลุ่ม PhotoJourn ทำหน้าที่ภัณฑารักษ์ คัดสรรผลงาน
งานจะมีขึ้นในวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2558 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โดยมีกิจกรรมแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 ส่วนด้วยกันคือ
1.Portfolio Review กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ช่างภาพได้นำเสนอผลงานของตนเอง ต่อช่างภาพและบรรณาธิการอาวุโสซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลพร้อมกับคำเสนอแนะ และแลกเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อผลงานของตนเอง
2.Photobook Show กิจกรรมจัดแสดงหนังสือภาพถ่ายที่บอกเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจ ซึ่งถูกคัดเลือกมาจากทั่วโลก ตัวอย่างเช่นหนังสือ Those of the North ที่หาดูได้ค่อนข้างยาก ซึ่งเป็นงานของช่างภาพเวียดนามสมัยสงครามเวียดนาม
“หนังสือจะทำให้เราได้พบกับเรื่องราว และมุมมองที่แตกต่างไปจากที่เราเคยเห็น อยากเห็นหนังสือดีๆมีคุณค่ามากกว่านี้ อย่าลืมมาร่วมงาน” สุเทพ กล่าวเชิญชวน
3.Panel Discussion ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเสวนาหัวข้อ “ทำไมต้องเล่าเรื่องด้วยภาพชุด” ไปกับ มานิตย์ ศรีวานิชภูมิ,ยุทธนา อัจฉริยวิญญู(อดีตช่างภาพนิตยสาร National Geographic ฉบับภาษาไทย) และสุเทพ กฤษณาวารินทร์
แต่ระหว่างนี้ทางกลุ่มฯ กำลังเปิดรับผลงานของช่างภาพชาวไทยที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม โดยผู้สนใจสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.photojourn.net หรือ www.facebook.com/www.photojourn หรือสอบถามไปได้ที่ photojourn@outlook.com
สุเทพ กล่าวถึงที่มาของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ว่า เพราะต้องการให้มีผลงานภาพถ่ายสารคดีมาให้ทั้งช่างภาพ และคนไทยโดยทั่วไปได้ดู เพื่อที่เราจะได้ทราบว่ายังมีเรื่องราวต่างๆอีกหลายเรื่องราวที่เราไม่รู้ซ่อนอยู่ในมุมอื่นๆทั่วโลก และยังเป็นการช่วยพัฒนาช่างภาพชาวไทย ให้ก้าวไปสู่ระดับสากล
“กิจกรรมอย่าง Portfolio Review น่าจะเป็นความแปลกใหม่ในบ้านเรา ที่หลายคนยังไม่แนใจว่าได้ประโยชน์แก่ตนเองอย่างไร ขณะที่บางคนอาจเกรงว่าจะคุยกับฝรั่งไม่รู้เรื่อง อันนี้เราจะมีล่ามไว้ให้จึงเบาใจไปได้ส่วนหนึ่ง
หรือบางคนอาจเกรงว่าจะเป็นการเอางานไปให้คนอื่นวิพากษ์วิจารณ์เสียๆหายๆ พาลหมดกำลังใจกันเปล่าๆ ที่ผมไปเห็นมาในต่างประเทศ กลับเป็นตรงกันข้าม หลายคนอาจถูกวิจารณ์จนรู้สึกว่าผลงานตนเองช่างแย่เสียจริง แต่ก็มักจะได้ข้อคิดดีๆ และมุมมองใหม่ๆกลับไปปรับปรุงงานของตนเองต่อไป บางคนได้แนวทางที่จะดำเนินต่อไปสำหรับโครงการถ่ายภาพที่ตนเองดำเนินอยู่”
ส่วนบรรยากาศในการรีวิว ก็มักเป็นบรรยากาศที่ทั้งจริงจัง และสนุกสนานไปในเวลาเดียวกัน หลายคนได้เพื่อนใหม่ในแนวทางแบบเดียวกัน ได้รู้ว่ายังมีโปรเจคงานดีๆที่ยังไม่เคยเห็น การเข้าแถวรอเพื่อรอรีวิวเป็นคนต่อไปคล้ายกับอาการรอคุณครูตรวจการบ้าน ได้ลุ้นว่าคนรีวิวอีกคนจะเห็นต่างจากคนก่อนอย่างไร หรือบางคนโชคดีได้ลู่ทางในการตีพิมพ์งานเลยก็เคยมี”
เป็นเวลาหลายปีที่สุทพได้แวะเวียนไปตามประเทศต่างๆที่มีงานเทศกาลภาพถ่ายต่างๆ ทั้งไปแสดงงานของตนเอง หรือไปเป็นสอนตามเวิร์คชอปถ่ายภาพ หรือไปเป็นกรรมการในบางครั้ง
เขารู้สึกดื่มด่ำไปกับงานต่างๆ และได้เปิดโลกทรรศน์กับงานที่น่าสนใจและหลากหลาย ได้เห็นเทรนด์ใหม่ๆในการถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเนื้อหาและความงามทางศิลปะ
แต่ทุกครั้งที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปก็มักจะมีคำถามกับตัวเอง หรือถูกเพื่อนๆต่างชาติถามว่า ทำไมเมืองไทยไม่อะไรแบบนี้บ้าง ทั้งที่ก็เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคสำหรับสำนักข่าวต่างๆ หรือแม้แต่ช่างภาพที่มีชื่อเสียงหลายท่านก็อาศัยอยู่ในเมืองไทย
“พอมีโอกาสก่อตั้ง PhotoJourn ขึ้นมาการจัดงานแบบเฟสติวัลก็อยู่ในใจตลอดมา แต่เนื่องจากหลายๆปัจจัยก็ทำให้ได้อยู่แค่ในใจ
แต่ตลอดสองปีที่ผ่านมาการถ่ายภาพเชิงสารคดีก็เริ่มได้รับความสนใจในบ้านเราอย่างมาก มีคนรุ่นใหม่หลายคนที่ได้ออกไปเห็นงานเทศกาลมากขึ้น โดยเฉพาะที่อังกอร์ ทำให้หลายคนหลายกลุ่มเริ่มเข้าใจเกี่ยวกับเทศกาลถ่ายภาพมากขึ้น และก็มีเทศกาลแบบนี้เกิดขึ้นในเชียงใหม่ถึงสองงาน
ในทีมของ PhotoJourn จึงได้ข้อสรุปแล้วว่าอาจถึงเวลาแล้วที่เราจะทำกิจกรรมแบบนี้ขึ้น โดยเป็นการย่อส่วนลงมาทั้งขนาด เวลา และเน้นเฉพาะเจาะจง เพื่อเป็นการเน้นที่คุณภาพ และสร้างความคุ้ยเคยให้แก่คนไทยก่อน เรียกได้ว่าค่อยเป็นค่อยไป
โชคดีที่เกือบสิบปีของประสบการณ์ที่อังกอร์ ได้สร้างพื้นฐานหลายอย่างให้ผมและกลุ่ม ทั้งเพื่อนฝูงที่เราสามารถขอความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา ทั้งน้องๆที่เริ่มแก่กล้าวิชาและเห็นทิศทางการถ่ายภาพในแนวทางเดียวกัน หรือเครดิตที่ผมพอจะมีเพื่อไปของานดีๆมาได้จากช่างภาพหรือเอเจนซี่ใหญ่ทั่วโลก หรือทั้งจากอังกอร์ ปาปิญอง เองก็ดี หนึ่งปีของกลุ่มเราซึ่งตั้งใจให้เป็นสถาบัน จึงเป็นหนึ่งปีที่เต็มไปด้วยความหมาย แม้ว่าจะตะกุกตะกักไปบ้าง
เรามาถึงจุดที่ว่าหากเราไม่ทำ ก็จะไม่มีโอกาสอีก ทั้งเวลาและสถานะการณ์ที่สุกงอม ทั้งนี้เราทุกคนทำเพื่อให้งานคุณภาพนี้เกิดขึ้นให้ได้ ให้คนสารคดีภาพในเมืองไทยมีเวทีที่ปักฐานอย่างมั่นคง ให้มีโอกาสเมื่อโตแล้วออกไปโลดแล่นนอกบ้านได้อย่างไม่เคอะเขิน
ในเมื่อถึงเวลาจะได้คืนกลับไปสู่สังคมบ้าง เราหวังว่าจุดเริ่มต้นเล็กๆนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้อีกหลายๆคน และกลายเป็นย่างก้าวที่ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต อยากให้มาร่วมเดินทางกลับเรา ในหมู่ช่างภาพสารคดีร่วมกัน”
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews