xs
xsm
sm
md
lg

กอล์ฟ-ณชนก รัตนทารส คุณพ่อนักธุรกิจในมาดโจรสลัดสุดเฟี้ยว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>เป็นเจ้าพ่อโปรเจกต์ที่ขยันสร้างความแปลกใหม่ในวงการอาหารบ้านเราอยู่แล้ว สำหรับ “กอล์ฟ-ณชนก รัตนทารส” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จี เอ็นเตอร์ไพร์ส แอนด์ โค จำกัด ผู้คร่ำหวอดในธุรกิจร้านอาหารนับสิบปี ล่าสุด หนุ่มสุดเฟี้ยวคนนี้กำลังสนุกกับธุรกิจใหม่ อย่างร้านอาหารสุดแนวแถมชื่อฟังแล้วสะดุดหูชวนค้นหาอย่าง “Pirate Chambre” หรือที่คุณกอล์ฟตั้งชื่อภาษาไทยให้ว่า “ห้องลับโจรสลัด”

คุณกอล์ฟ บอกว่า ร้านแห่งนี้เกิดจากความตั้งใจที่อยากรวบรวมสูตรอาหารเลิศรสจากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ในห้องลับของโจรสลัดแห่งนี้ รวมทั้งต้องการฉีกรูปแบบเดิมๆ ของร้านอาหารด้วยการออกแบบบรรยากาศภายในร้านให้ผู้มาใช้บริการได้สัมผัสถึงความแตกต่างระหว่างกลางวันและกลางคืนในร้านเดียว แถมยังสร้างความแตกต่างของสไตล์อาหารที่เสิร์ฟ โดยในช่วงกลางวัน (เวลา 11.00-15.00 น.) บริการลูกค้าด้วยอาหารไทย-อีสานรสจัดจ้าน ขณะที่ช่วงค่ำ (เวลา 17.00-24.00 น.) จะแปลงโฉมจากอาหารอีสานเป็นดินเนอร์สุดหรูสไตล์เวสเทิร์น

“ในฐานะคนทำธุรกิจอาหาร เรามีความต้องการหลายอย่าง ที่ผ่านมาการทำร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าทำให้เรามีข้อจำกัดที่ยังไม่สามารถทำให้ร้านเรามอบความบันเทิงให้ลูกค้า พร้อมทั้งโชว์ศิลปะการทำอาหารของเราได้อย่างเต็มที่ โปรเจกต์นี้จึงถือกำเนิดขึ้น ผมมองหาสถานที่ที่สามารถตอบโจทย์ทั้งสองอย่างนี้ได้ ก็พอดีมาได้ที่ตรงชั้น 3 อาคารมณียา เพลินจิต ซึ่งเราเองมีออฟฟิศอยู่ด้านบนมานาน หลังจากร้านเก่าหมดสัญญา เรามองว่าตรงนี้โลเกชั่นค่อนข้างดี ทั้งกับลูกค้าที่จะเดินทางมา และตัวเราเองที่สามารถมาดูแลได้ง่าย ผมจึงตั้งใจทำร้านนี้พร้อมตั้งใจให้ที่นี่เป็นครัวกลางของร้านอาหารอีกหลายแห่งของเรา และเป็นสถานที่เทรนพนักงานด้วย”

ถามว่าทำไมต้องเป็นห้องลับของโจรสลัด คุณกอล์ฟยิ้มอย่างมีเสน่ห์ก่อนพาไปไขความลับในห้องลับของโจรสลัดว่า จากการปรึกษากับกูรูด้านการตลาด ได้คำแนะนำมาว่า การที่เราทำร้านอาหารในนามหลายแบรนด์มาตลอด ทั้งฟาลาเบลล่า, ชิงช้าชาลี ฯลฯ ทำให้ตัวตนของเราไม่ชัดเจนในใจลูกค้าเท่าที่ควร ดังนั้น เราจึงเปลี่ยนกลยุทธ์มาสู่การใช้ตัวผมเป็นตัวนำ

“โปรเจกต์นี้เราคิดกันมาเป็นปีแล้ว โดยเลือกผมเป็นตัวนำ แต่คงไม่ได้ใช้ชื่อผมมาเป็นชื่อร้าน ผมเลือกเอาคำว่า “Pirate” ที่แปลว่าโจรสลัดมาใช้ ถามว่าทำไม? ผมว่าผมคล้ายกับโจรสลัดตรงที่ชอบอิสระเหมือนกัน ผมใช้ชีวิตแบบคุ้มค่า เต็มที่กับชีวิต ส่วนที่เลือกเป็น “Chambre” เพราะผมตั้งใจสะท้อนว่านี่เป็นห้องที่เล็กที่สุด เป็นส่วนตัวที่สุด ในอนาคตโปรเจกต์นี้ของเราจะต่อยอดไปอีกมากมาย อาจจะเป็น “PirateCamp” หรืออะไรต่อไป แต่จะขยายสเกลขึ้นไป”

สำหรับจุดเด่นของ “Pirate Chambre” คือคอนเซ็ปต์สองอารมณ์ในร้านเดียว ซึ่งคุณกอล์ฟบอกว่า เกิดจากตัวเขาเองที่คิดว่าคนเรากลางวันก็มีอารมณ์แบบนึง กลางคืนมีอารมณ์อีกแบบ กลางวันพนักงานออฟฟิศอาจไม่อยากกินอาหารฝรั่งเศส แต่อยากนั่งกินข้าวเหนียวส้มตำ แต่ตกกลางคืนถ้าอยากจะเอนเตอร์เทนลูกค้า จะเลือกร้านส้มตำคงไม่เหมาะ เราเลยจัดเป็นดินเนอร์มาตอบโจทย์ ซึ่งในอนาคตอาจจะนำอาหารญี่ปุ่นมาใส่เป็นเมนูพิเศษเฉพาะบางเดือนบ้าง

“สูตรอาหารของร้านนี้ ผมยังใช้จากประสบการณ์ที่ได้เก็บเกี่ยวจากการเดินทางของผม ด้วยความที่เราเดินทางมาเยอะ กินมาเยอะ พอกินไป ก็พอจะรู้ว่าต้องใช้วัตถุดิบอะไรบ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรามาลอกเลียนแบบเขานะ เรานำมาดัดแปลงเป็นสไตล์ของเรา ซึ่งเมนูของร้านนี้ หวานใจอย่างคุณปอ (ศีกัญญา ศักดิเดช ภาณุพันธ์) ก็เข้ามามีส่วนร่วม ช่วยชิม อย่างเมนูส้มตำถาดเป็นสูตรเด็ดของคุณปอที่พิถีพิถันในการคัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพ และรสชาติที่เน้นความกลมกล่อมแบบอีสานขนานแท้ ขอย้ำว่ารสจัดมาก เพราะคุณปอเป็นคนทานรสเผ็ดมาก”

ในส่วนของสไตล์การตกแต่งร้าน กอล์ฟบอกว่าสะท้อนตัวตนของเขาอย่างชัดเจน นั่นคือ เรียบๆ มินิมัล ตรงกับตัวตนของเค้าที่เป็นคนตรงๆ เรียบๆ ไม่จำเป็นต้องลักชูรีมาก แต่พอได้กลิ่นอายของความหรูหรา กอล์ฟเปรียบเทียบว่าเหมือนการเลือกรถคู่ใจ เขาอาจจะไม่ขับรถเบนซ์ แต่เลือกเป็นแลนด์โรเวอร์แทนเพราะดูลุยๆ สนุกๆ แต่แฝงไปด้วยความลักชูรีนิดๆ

อย่างที่เกริ่นไว้แต่ต้นว่า คุณกอล์ฟคือ หนึ่งในนักธุรกิจผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารบ้านเรา ถามว่าอะไรคือเสน่ห์ที่หอมหวานของธุรกิจนี้ จนมัดใจให้หนุ่มรักอิสระผู้นี้ยังคงติดใจธุรกิจนี้ได้ยาวนาน กอล์ฟ ตอบอย่างอารมณ์ดีว่า

“อาจเป็นเพราะเราอยากทำอะไรที่พอทำออกมาแล้วดูได้ว่าคนชอบไม่ชอบ ถ้าไม่ชอบเราก็เก็บไป (หัวเราะ) บวกกับความที่ผมและคุณปอเองก็เป็นคนชอบกินชอบชิมทั้งคู่ เวลาไปต่างประเทศเราจะไปตระเวนกินของอร่อยไม่จำเป็นต้องเป็นมิชลินสตาร์ อาหารท้องถิ่นของแต่ละที่นั่นแหละที่เราตามหา ในหนึ่งทริป สมมติไป 10 วัน จะมีวันที่ไปกินอาหารมิชลินสตาร์แค่ 1 วัน ปัญหาไม่ใช่เรื่องเงินแต่อาหารมิชลินสตาร์ไม่ใช่สไตล์ที่เราชอบ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่แตะเลย เพราะถ้าร้านเค้าน่าสนใจจริงๆ ผมก็ไปชิม ส่วนคุณปอเอง แรกๆ เขาก็ยังไม่แน่ใจสไตล์ตัวเองนะว่าจะชอบอาหารท้องถิ่นมั้ย แต่พอไปบ่อยๆ เค้าก็เริ่มมั่นใจว่าอาหารท้องถิ่นอร่อยกว่าจริงๆ”

ส่วนเรื่องการดูแลตัวเองให้ดูดีเสมอต้นเสมอปลายควบคู่ไปกับการทำงาน และดูแลครอบครัวนั้น ผู้บริหารหนุ่มตรงหน้า ซึ่งกาลเวลาไม่อาจพรากความหล่อเหลา สมาร์ทของเขาไปได้นั้น ตอบแบบตรงประเด็นว่าแค่เบลนด์ทุกอย่างในชีวิตเขาด้วยกันเท่านั้น

“ผมเป็นคนทำอะไรตรงๆ อย่างเรื่องงาน ผมก็จะทำให้เสร็จเป็นอย่างๆ ไป ที่ออฟฟิศผมประชุมกันไม่เกิน 15 นาทีเสร็จเนื้อหาสาระหมดแล้ว ที่เหลือคือ ไปทำงานมาตามที่คุย แล้วอีก 3 วันค่อยมาดูผล นอกเวลางานพยายามไปออกกำลังกาย ทั้งต่อยมวย เทนนิส เวกบอร์ด ปีนเขา เข้ายิมบ้าง พยายามให้ได้สัปดาห์ละ 2-3 หน เพราะเวลาไม่ออกกำลังกายผมรู้สึกอึดอัด อีกหนึ่งกิจกรรมที่ขาดไม่ได้คือ การท่องเที่ยวทุกปีต้องจัดทริปเดินทางไปต่างประเทศอย่างน้อย 5-6 ครั้ง ในประเทศอีกประมาณ 5-6 ครั้ง”

อย่างไรก็ตาม นอกจากบทบาทการเป็นนักธุรกิจหนุ่มอนาคตไกลที่บาลานซ์ทั้งงานและชีวิตส่วนตัวได้ไม่มีตกหล่นแล้ว หลายคนอาจลืมเลือนไปแล้วว่า ผู้ชายคนนี้ยังเป็นคุณพ่อขาลุยของลูกๆ ทั้งสามของภรรยาเก่าด้วย แน่นอนว่า กอล์ฟยังทำหน้าที่นี้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

“ทุกปีผมต้องมีทริปไปเที่ยวกับลูกอยู่แล้วครับ แต่ถึงเขาจะอยู่ต่างประเทศ เราก็ไม่เคยห่างกัน โลกสมัยนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน สมัยเด็กผมไปต่างประเทศปีหนึ่งกลับมาแค่ 2 เดือน แต่สมัยนี้บางทีลูกบินไป หลับตากลับมาอีกแล้ว (หัวเราะ) หรือเวลามีอะไรก็ไลน์หากันได้ตลอด สมัยก่อนกว่าจะเขียนจดหมายแล้วส่งมา รอจดหมายตอบกลับ ใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะได้คำตอบ”

หลายคนอาจนึกภาพหนุ่มสังคมคนนี้ในบทบาทคุณพ่อไม่ออก ดังนั้น จึงเปิดโอกาสให้คุณกอล์ฟนิยามตัวเองว่าเป็นคุณพ่อแบบไหน คุณกอล์ฟบอกว่า เขาไม่ใช่คุณพ่อสายดุ แต่จะเน้นเลี้ยงลูกแบบปล่อย และให้คำแนะนำมากกว่า

“ผมจะไม่มานั่งดุลูกตลอด แต่ถ้าดุขึ้นมาวันไหน เพราะเตือนแล้วไม่ฟัง ลูกก็กลัวเหมือนกัน ถามว่าเคยลงโทษลูกแรงที่สุดด้วยวิธีไหน ขอไม่บอก (ยิ้ม) แต่ผมไม่ค่อยตีลูกนะ อาจจะเคยบ้าง แต่ผมกล้าพูดว่าเลี้ยงลูก 3 คน มา 18 ปี เคยตีน่าจะ 2 หน ส่วนใหญ่ผมจะเป็นจ่าฝูง เป็นหัวหน้าทีมของลูกๆ ผมเป็นคุณพ่อที่หวงลูกไหม ผมจะหวงถ้าเขาไปคบกับคนไม่ดีมากกว่า แต่เราต้องเข้าใจเด็กด้วย อย่างลูกผมเวลามีอะไรเขาคงไม่มาเอ่ยปากปรึกษา บางทีเราต้องกระแซะเขาถึงจะคุย แต่ผมก็ไม่ใช่คนที่จะมาจุกจิกคุยทุกเม็ด เก็บทุกรายละเอียด แค่ให้คำแนะนำกว้างๆ เป็นกรอบ หรือทำเป็นตัวอย่างให้เขาดูมากกว่า สำคัญคือเลี้ยงลูกให้เขาสนุก ไม่กลัว ไม่เครียด”

ในฐานะที่เป็นคุณพ่อรุ่นใหม่เขามองการเลี้ยงลูกของคนในสังคมสมัยนี้ว่าเลี้ยงลูกแบบเนิร์ดดี้กว่าแต่ก่อน ดูแลลูกแบบทุกก้าว ไม่ยอมให้ทำอะไรเองเลย ไม่เปิดโอกาสให้ลูกได้โตในแบบที่เขาควรจะเป็น เพราะพ่อแม่จะคอยกำกับว่าให้ทำโน่นสิทำนี่สิ ซึ่งก็เข้าใจได้ว่า ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากความเป็นห่วงของพ่อแม่ ยิ่งสมัยนี้มีลูกน้อย

“ผมว่าพ่อแม่สมัยก่อนไม่ทำแบบนี้นะ อย่างตอนผมเด็กๆ ที่บ้านก็ปล่อยให้ขึ้นเครื่องบินไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่ 10 ขวบ สำหรับผม ผมชอบนะ ทำให้เราเติบโตมาเป็นแบบนี้ แต่พ่อแม่สมัยนี้บางคนถึงกับบินไปส่งถึงที่เลย ซึ่งก็ต้องยอมรับครับว่า โลกปัจจุบันอาจจะสื่อสารกันง่ายขึ้น มีเทคโนโลยีแต่ก็อันตรายขึ้นกว่าแต่ก่อนมากเหมือนกัน”

ระหว่างที่คุยกันอย่างออกรส คุณปอหวานใจคนสวย ก็แวะเวียนมาเติมความหวานให้สามีตลอด จนอดกระซิบถามคุณกอล์ฟเป็นคำถามสุดท้ายไม่ได้ว่าเมื่อไหร่จะมีเจ้าตัวเล็กมาวิ่งเติมเต็มชีวิตคู่ให้สมบูรณ์ขึ้น งานนี้คุณกอล์ฟตอบแบบเขินๆ ว่า “อีกไม่นานหรอกครับ” ส่วนตัวเขานั้น จะได้ลูกชายลูกสาวก็ไม่เกี่ยง แต่ฟากภรรยาคนสวยดูเหมือนว่าใจจะเอนเอียงไปทางลูกชายมากกว่า :: Text by FLASH
กำลังโหลดความคิดเห็น