>>กว่า 8 ปีที่สาวเก่งอย่าง “ดิ๋น-ดลิน (โสภณพนิช) ยังพิชิต” สนุกกับการบริหารงานในฐานะผู้บริหารบริษัท สวัสดีโสภณพิชิต จำกัด ผู้นำเข้าแบรนด์กางเกงยีนส์ชื่อดังจากทั่วโลก รวมถึงเสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้าคุณภาพดีมารวมไว้ใน “ดิ แอดเจกทีฟ” (The Adjective) มัลติแบรนด์สโตร์แนวสตรีตแวร์แห่งแรกๆ ในเมืองไทย ที่เจอกับปัญหามาแล้วทุกรูปแบบ แต่ด้วยใจรักและไม่ย่อท้อต่อทุกอุปสรรคของผู้หญิงคนนี้ ทำให้การเติบโตในปีต่อๆ ไปของดิ แอดเจกทีฟ มีแต่จะสนุกขึ้นเรื่อยๆ สมกับความตั้งใจแรกเริ่มของเธอ
บทสนทนาของเรากับดลินเกิดขึ้นใน “ร้านคำคุณศัพท์” สาขาแรกบริเวณชั้น G ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ท่ามกลางบรรยากาศรอบตัวที่รายล้อมไปด้วยกางเกงยีนส์หลากเฉดสีหลายเนื้อผ้าเป็นหลัก สมทบด้วยราวแขวนเสื้อผ้าทั้งหญิงและชายเป็นทางเลือกเพิ่มเติม เช่นเดียวกับกระเป๋าและรองเท้าแบรนด์ดังที่หาซื้อได้ยากในเมืองไทย ที่ดลินคัดมาแล้วว่าคุณภาพดีจริงจนอยากให้คนไทยมีโอกาสได้ใช้ของดีที่เธอคัดสรรมาเป็นทางเลือก รวมๆ แล้วเท่ากับว่าการเดินเข้ามาที่ชอปมัลติ-แบรนด์แห่งนี้สามารถแปลงโฉมคุณให้อยู่ในลุคใหม่ได้ในพริบตา
ซึ่งนั่นคือความหมายที่แท้จริงที่ดลินตั้งใจให้ ดิ แอดเจกทีฟ เป็น “ดิ๋นตั้งใจตั้งชื่อร้านให้มีความหมายว่าคำคุณศัพท์ เพื่อที่ลูกค้าจะได้เลือกคำให้เข้ากับตัวเอง เช่น Smart หรือ Cool เพราะเราขายของตั้งแต่หัวจดเท้า คุณจึงสามารถเข้ามาเลือกเสื้อผ้า ยีนส์ รองเท้า ให้เข้ากับคำคุณศัพท์ที่ตรงตามคาแรกเตอร์ตัวเอง แล้วแปลงโฉมออกไปจากร้านได้ในแบบที่ต้องการ” หญิงสาวเจ้าของคำคุณศัพท์ (ที่เราขอมอบให้เธอเอง) ว่า Smart เอ่ยถึงคำจำกัดความของร้าน ที่ไม่เคยจำกัดกรอบความคิดของเจ้าตัว
“ร้านนี้เกิดจากการที่ดิ๋นเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ บวกกับความที่ตัวเองเป็นคนชอบใส่กางเกงยีนส์อยู่แล้ว จึงมีโอกาสได้สัมผัสกางเกงยีนส์แบรนด์สวยๆ เยอะ เลยคิดว่าทำไมเมืองไทยยังไม่ค่อยมีตลาดนี้ เพราะไม่ใช่ว่าคนทุกคนที่มีรูปร่างต่างกัน จะใส่กางเกงยีนส์ยี่ห้อเดียวกันแล้วสวย ดิ๋นจึงอยากเพิ่มช่องทางให้ลูกค้ามีตัวเลือกในการใส่กางเกงยีนส์ให้เหมาะกับรูปร่างของตัวเอง บวกกับได้เจอพาร์ตเนอร์ที่ถูกคอ จึงเริ่มลองทำธุรกิจด้วยกัน” ดลินเล่าถึงจุดเริ่มต้นเมื่อ 8 ปีก่อน ในช่วงเวลาที่วงการแฟชั่นยังไม่ได้มีตัวเลือกมากมายขนาดนี้ รวมถึงมัลติ-แบรนด์สโตร์ที่มีเพียงไม่กี่เจ้าในท้องตลาด และเมื่อธุรกิจนั้นเริ่มต้นจากความชอบส่วนตัว ย่อมดำเนินไปด้วยรสนิยมการคัดสรรพิเศษเฉพาะตัวเป็นหลัก
“ด้วยความที่ดิ๋นชอบใส่ยีนส์มาแต่ไหนแต่ไร และด้วยรูปร่างของตัวเองที่ไม่ได้ใส่ยีนส์สวยทุกยี่ห้อหรือทุกทรง ดังนั้น ดิ๋นจึงต้องเลือกเยอะเหมือนกัน พอเราหายีนส์ใส่เองยาก ทำให้ได้ลองเยอะเลยรู้ว่าแบบไหนยี่ห้อไหนถึงจะดี” นี่จึงเห็นเหตุผลที่ดิ แอดเจกทีฟ เต็มไปด้วยกางเกงยีนส์หลากหลาย ที่นอกจากจะไม่ซ้ำกันเองแล้ว ยังไม่ซ้ำกับชอปอื่นๆ ในเมืองไทยอีกด้วย ซึ่งในฐานะคนที่บินไปเลือกยีนส์ด้วยตัวเองทุกตัวถึงประเทศต้นสังกัด จึงไม่มีใครรู้จักแต่ละแบรนด์ดีเท่าดลินอีกแล้ว
“ยีนส์ของที่นี่นำเข้ามาจากหลากหลายประเทศอย่างอเมริกา สวีเดน ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น” ดิ๋นเกริ่นให้เราเห็นภาพใหญ่คร่าวๆ ก่อนลงลึกในรายละเอียด “Nudie เป็นแบรนด์จากสวีเดน แรกเริ่มเดิมทีแบรนด์นี้ใช้ส่วนผสมในการทำยีนส์ที่เป็นออแกนิกแบบยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ จนกระทั่งปัจจุบันเขาสามารถพัฒนาให้ยีนส์ของตัวเองมีความเป็นออแกนิก 100% ได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวกระดุม หรือป้ายยี่ห้อ เขาก็ใช้กรรมวิธีธรรมชาติล้วนๆ
นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นอีกประการคือ Nudie เป็นยีนส์สีเข้มที่จะค่อยๆ เฟดไปตามบุคลิกและการใช้งานของแต่ละคน เช่น คนไหนชอบพกกระเป๋าสตางค์ ก็จะเป็นรอยกระเป๋าสตางค์ ใครชอบออกกำลังกาย เดินหรือวิ่งเยอะๆ กางเกงก็จะเกิดเป็นริ้วที่มากกว่าคนอื่น ฉะนั้น Nudie จึงเป็นกางเกงยีนส์ที่สื่อถึงบุคลิกของเแต่ละคนได้ดีที่สุด ทำให้ยีนส์แต่ละตัวไม่มีทางซ้ำกัน”
“New เป็นแบรนด์จากออสเตรเลีย มีจุดเริ่มต้นจากผลิตกางเกงชิโนของผู้ชายเป็นหลัก ส่วนจุดเด่นของกางเกงยีนส์สำหรับผู้หญิงคือ มีความยืดหยุ่นและกระชับ มีทั้งทรงเอวสูงและสกินนี่ ใส่แล้วทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น มีให้เลือกทั้งสีขาว ดำ และเทาแบบเรียบง่าย ใส่ได้ทุกโอกาส
...ส่วน Black Orchid เป็นแบรนด์อเมริกันที่เน้นเฉพาะยีนส์สำหรับผู้หญิงอย่างเดียว โดยเป็นทรงที่ไม่ได้เอวต่ำมาก ใส่ได้กับทุกรูปร่าง มีความเดฟนิดๆ และด้วยความที่เนื้อผ้าไม่หนาไม่บางเกินไป จึงช่วยพรางหุ่นได้สวย เหมาะกับผู้หญิงทุกรูปร่างเป็นอย่างดี”
นอกจากนี้ ในวาระที่ทางร้านก้าวสู่ปีที่ 8 ดลินจึงอยากเพิ่มตัวเลือกพิเศษให้กับลูกค้าที่ต้องการเป็นเจ้าของยีนส์ตัวเก่งที่เท่ไม่ซ้ำแบบใคร ด้วยการจับมือกับแบรนด์โปรดอย่าง Nudie ผลิตยีนส์รุ่นพิเศษที่มีขายเพียง 400 ตัวที่ดิ แอดเจกทีฟ เท่านั้น
“Nudie Tight Long John Dry Orange Selvage Comfort เป็นยีนส์รุ่นลิมิเต็ด อิดิชัน ที่ผลิตจาก Selvage Denim ซึ่งเป็นผ้าริมส้มที่ใช้วิธีย้อมด้วยการสกัดจากธรรมชาติ โดยเป็นกรรมวิธีโบราณของญี่ปุ่น จึงเป็นยีนส์ที่ปั้นเฟดได้สวยมาก และด้วยความที่เป็นทรง Tight Long John ที่เข้ารูปทุกสัดส่วน จึงสวมใส่ได้สวยทั้งผู้หญิงและผู้ชาย” ดลินเล่าถึงการทดลองครั้งสำคัญด้วยแววตาเป็นประกาย ที่ต้องเรียกว่าการทดลองเพราะนี่เป็นครั้งแรกของ Nudie ที่นำยีนส์ผ้าดิบมาผลิตกางเกงทรงเดฟ ที่ถือว่าท้าทายพอสมควร
“ตั้งแต่ Nudie ทำกางเกงยีนส์มา เขาไม่เคยนำผ้าริมแดงมาตัดกางเกงทรงเดฟมาก่อน เพราะกางเกงทรงนี้ควรใช้ผ้าที่มีความยืดหยุ่นเพื่อให้สวมใส่สบาย ดิ๋นจึงสนใจลองทำดู มันอาจไม่ได้เรื่องความยืดหยุ่น แต่จะได้อีกอารมณ์นึงในการใส่ เลยขอทาง Nudie ให้ผลิตยีนส์รุ่นนี้ในจำนวนจำกัดให้เราที่เดียว” และคงไม่มีใครพิสูจน์ผลการทดลองว่า Nudie Tight Long John Dry Orange Selvage Comfort สวมใส่สบายแค่ไหน ได้ดีเท่าเจ้าของยีนส์รุ่นลิมิเต็ด อิดิชันจำนวน 400 ตัวนี้อีกแล้ว
ความท้าทายชิ้นใหม่ล่าสุดสำหรับดลิน คือ การเป็นตัวแทนจำหน่ายรองเท้าและกระเป๋าที่แตกไลน์ออกมาเพิ่มเติม “ดิ๋นเลือกนำเข้ากระเป๋า Fjallraven รุ่น Kanken เพราะมีเอกลักษณ์ของความเป็นสตรีตแวร์ที่เข้ากับข้าวของชิ้นอื่นๆ ในร้าน ที่นอกจากจะคลาสสิกแล้วยังมีคาแรกเตอร์ของตัวเอง มีสีสันที่น่ารักและหลากหลาย พร้อมจุดเด่นคือ ความคงทนและมีน้ำหนักที่เบามาก
“ส่วนรองเท้าเป็นแบรนด์ Telic จากอเมริกา ด้วยความที่ทำจากยางจึงมีน้ำหนักเบา ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับสรีระอุ้งเท้าของคนเรา เพื่อให้มีบุคลิกในการเดินที่ดี นอกจากนี้ยังทำความสะอาดง่าย จึงใส่ลุยไปได้ทุกที่ในราคาที่ไม่ได้สูงจนเกินไป”
การไม่หยุดนิ่งและหมั่นเสาะแสวงหาของใหม่ๆ มาเติม ดิ แอดเจกทีฟ ให้เต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวคือปัจจัยสำคัญที่ดลินให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ในการบริหารมัลติแบรนด์สโตร์แห่งนี้
“ดิ๋นคิดว่าคุณสมบัติสำคัญของคนทำงานด้านแฟชั่นคือ การหาอะไรใหม่ๆ มาเติมตลอดเวลา เหมือนเป็นหนึ่งในหน้าที่ของอาชีพที่เราต้องศึกษาเรียนรู้ข้อมูลใหม่ๆ เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ที่เขากำลังฮิตเสื้อผ้าแนวไหน กางเกงทรงอะไร ยิ่งตอนนี้ ดิ แอดเจกทีฟ กำลังก้าวสู่ปีที่ 8 เรายิ่งเข้าใจตลาดและกลุ่มลูกค้ามากขึ้น จึงพยายามเลือกแบรนด์ให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า จึงคัดแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น จากปีแรกที่มีประมาณ 6-7 แบรนด์ และแต่ละแบรนด์ไม่ได้ผลิตคอลเลกชันที่เยอะมาก ด้วยความที่เรายังใหม่มากกับธุรกิจนี้ พอเริ่มไปสักพักถึงเริ่มรู้ว่าลูกค้ามีความต้องการที่หลากหลาย ขณะเดียวกันก็ต้องยึดตามเทรนด์ด้วย เช่น สมัยก่อนเน้นกางเกงทรงเดฟ ส่วนตอนนี้เริ่มเน้นทรงขาม้าขึ้นมานิดนึง”
ด้านการเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวในแวดวงแฟชั่น คงไม่ยากเท่าปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้อย่างสภาวะเศรษฐกิจหรือความผันผวนทางการเมืองที่บังเอิญว่า ดิ แอดเจกทีฟ มักต้องเผชิญอยู่เสมอ ค่าที่ทำเลที่ตั้งปักหมุดอยู่ ณ ใจกลางความเจ็บปวดอย่างแยกราชประสงค์นั่นเอง
“เราต้องแข่งกับทั้งสิ่งแวดล้อมภายนอก เศรษฐกิจ การเมือง สภาพดินฟ้าอากาศ น้ำท่วม ตั้งแต่เปิดปีแรกจนถึงปัจจุบันเราเจอแต่วิกฤต ปีแรกเปิดมาก็เจอไฟไหม้ห้างจนต้องปิดไป 6-7 เดือน ปีต่อมาก็เจอน้ำท่วมอีก ปีนี้ก็มีระเบิด ซึ่งทุกสถานการณ์มักเกิดขึ้นหน้าเซ็นทรัลเวิลด์เสมอ จึงเป็นเหมือนประสบการณ์ที่ทำให้เราเกิดการเรียนรู้มากขึ้น ถึงจะท้อบ้าง แต่ก็ให้เวลาท้อแค่ไม่นาน เพราะเราต้องสู้ต่อไป แทนที่จะท้อแท้ สู้หาวิธีทำให้เราผ่านวิกฤตไปได้ดีกว่า” ดลินตอบด้วยแววตามุ่งมั่น
ถามถึงการต้องปรับตัวในยุคนี้ ที่การมีหน้าร้านเพียงอย่างเดียว ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าคนจะรู้จักร้านของคุณ ในเมื่อมีพ่อค้าแม่ค้าเกิดใหม่ขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน โดยอาศัยช่องทางโซเชียลมีเดียในการเปิดร้าน (และฝากร้าน) อย่างง่ายดาย ในฐานะผู้นำเข้าสินค้าแฟชั่นอย่างเป็นทางการ จึงน่าสนใจว่าดลินมีวิธีเรียกแขกให้เดินเข้าร้านของตัวเองได้อย่างไร
“ตอนนี้เราต้องเปิดช่องทางอื่นให้กับตัวเองด้วย ไม่ใช่ขายเฉพาะหน้าร้านอย่างเดียว ดิ แอดเจกทีฟ จึงต้องเปิดตลาดออนไลน์ด้วยไม่ว่าจะเป็นไอจีหรือเฟซบุ๊ก มีการโปรโมตทำมาร์เกตติ้งด้านโซเชียลเป็นหลัก ส่วนการจะทำให้คนเดินมาที่ร้านได้นั้น โดยส่วนตัวเชื่อว่าถึงอย่างไรเสียการดูภาพสินค้าผ่านทางหน้าจอ ย่อมเห็นสีไม่ตรงกับของจริง หรือไม่ได้สัมผัสเนื้อผ้าด้วยมือตัวเองอยู่ดี ดิ๋นจึงเชื่อว่าลูกค้าหลายคนยังอยากที่จะเข้ามาเลือกสินค้าที่เขาอยากซื้อด้วยสองมือและสองตาของตัวเอง การได้มาพูดคุยหรือขอความเห็นจากพนักงาน และได้รับบริการที่ดีกลับไปน่าจะเป็นจุดสำคัญที่ทำให้คนมาที่ร้านของเราอยู่เสมอ”
การต่อยอดทางธุรกิจของดลินไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่นอน ในเมื่อเจ้าตัวเป็นคนบอกเองว่าการมองหาช่องทางใหม่ๆ คือความสุขในการทำงานของเธอ
“ตอนนี้นอกจากทำร้านนี้ ดิ๋นก็เริ่มมองหาแบรนด์ใหม่ๆ เพื่อเจรจาให้เราเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย รวมถึงการมองหาช่องทางการตลาดใหม่ๆ และกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่ไม่ใช่แค่ในร้านนี้ร้านเดียว อย่างกระเป๋ากับรองเท้า ตอนนี้เราก็เริ่มไปวางตามเคาน์เตอร์ต่างๆ ในห้างสรรพสินค้า หรือในงานมาร์เกตเอาต์ดอร์ต่างๆ เพื่อกระจายสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ทั้งยังเป็นอีกช่องทางสำคัญในการโปรโมตร้านให้คนรู้จัก และอยากที่จะเข้ามาเลือกซื้อของเพิ่มเติมในร้านดิ แอดเจกทีฟ”
สุดท้ายเราอยากรู้ว่าอะไรคือความสุขของอาชีพนี้ในมุมมองของดลิน “คงเพราะดิ๋นเป็นคนชอบชอปปิ้งอยู่แล้ว จึงมีความสุขที่ได้เลือกสินค้าใหม่ๆ ตลอดเวลา และชอบความรู้สึกเวลาเห็นลูกค้ามาลอง แล้วชอบสินค้าที่เราเลือก เป็นอย่างหนึ่งที่ทำให้เราดีใจที่เขาชอบสิ่งที่เราคัดมาให้ ยิ่งเราได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เขาก็อยากได้คำแนะนำจากเรา เราก็มีความสุขที่ได้แชร์ในมุมมองของเรา เท่านี้ก็มีความสุขแล้ว”
ยีนส์แบรนด์ไหนถูกใจคุณที่สุด
:: Nudie กางเกงยีนส์สีไหน ทรงไหนที่ชอบที่สุด ใส่แล้วสบายใจที่สุด?
ชอบยีนส์เอวสูง เพราะช่วยกระชับสะโพกและหน้าท้องได้ดี ส่วนมากเน้นใส่สีเข้มเพื่อช่วยพรางหุ่น
มียีนส์ในครอบครองกี่ตัว เลือกใส่อย่างไร มียีนส์หลายสิบตัว ถ้ารูปร่างไม่ได้เปลี่ยนแปลง และยังใส่ยีนส์ตัวนั้นๆ ได้อยู่ก็จะหยิบมาใส่เรื่อยๆ
:: อะไรคือกิจกรรมยามว่างที่ชอบทำ?
ท่องเที่ยว ทุกปีดิ๋นจะมีมิชชันที่ต้องทำให้สำเร็จ อย่างปีที่แล้วคือ การไปดูแสงออโรร่าที่ประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งโชคดีมากที่ไปแล้วมีโอกาสได้เห็นสีรุ้งแม้จะแค่คืนเดียวก็ตาม
:: จุดหมายถัดไปเป็นที่ไหน?
อยากไปเยือนเกาะโบราโบร่า :: Text by FLASH