วันที่ 30 กันยายนของทุกปี ถือเป็นการทำงานวันสุดท้ายของเหล่าข้าราชการที่มีอายุครบ 60 ปี ซึ่งทำงานรับใช้ประเทศชาติมาอย่างยาวนาน ถึงคราวได้หยุดพักภารกิจเพื่อชาติบ้านเมืองและกลับไปใช้ชีวิตในวัยเกษียณอย่างสงบสุข
สำหรับปีนี้ ในแวดวงข้าราชการทหารนั้น กระทรวงกลาโหมได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2558 ให้นายทหารชั้นนายพล ซึ่งรับราชการมาครบกำหนดเกษียณอายุราชการ และหนึ่งในข้าราชการที่เกษียณในปีนี้คือ พลเอกหญิงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในรายชื่อเกษียณอายุจากราชการลำดับที่ 157 โดยทรงมีฐานะล่าสุดเป็น "ผู้บัญชาการพิเศษ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า" และองค์อำนวยการกองวิชาประวัติศาสตร์ โรงเรียนายร้อนพระจุลจอมเกล้าฯ
เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เจริญพระชันษาเข้าสู่ "วัยทำงาน" ทรงตัดสินพระทัยเข้ารับราชการเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ในตำแหน่ง ร้อยตรีหญิงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และทรงใช้วิชาความรู้ด้านประวัติศาสตร์ที่ทรงร่ำเรียนมาประสิทธิ์ประสาทความรู้แก่นักเรียนนายร้อยทุกนาย อย่างเต็มกำลังพระราชหฤทัย ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2523 จวบจนปัจจุบันนี้ เป็นเวลากว่า 35 ปี โดย “ทูลกระหม่อมอาจารย์” ของเหล่าลูกศิษย์นายร้อยทรงเป็น “อาจารย์” ตัวอย่างที่ดีเสมือนเป็นเรือจ้างส่งลูกศิษย์นายร้อย จปร.ทุกนายถึงฝั่งอย่าสง่างาม นับตั้งแต่ศิษย์รุ่นแรกคือ นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 18 ซึ่งปัจจุบันคือ พล.ท. เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ว่าที่แม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งจะเข้าดำรงตำแหน่งแม่ทัพในวันที่ 1 ต.ค.นี้
** “ทูลกระหม่อมอาจารย์” ผู้สง่างามในหัวใจชาว จปร.
“ทหารนอกจากจะเป็นผู้มีเกียรติ มีวินัย มีความกล้าหาญแล้วยังเป็นผู้รักวิชาการ รักการค้นคว้าหาความรู้ ที่สำคัญที่สุดคือ ความโอบอ้อมอารี เข้าใจเพื่อนร่วมงาน สอดส่องดูแลความเป็นอยู่ของผู้ใต้บังคับบัญชา”
พระราชปณิธานของสมเด็จพระเทพฯ ที่พระราชทานแก่ลูกศิษย์นายร้อยห้อยกระบี่ทุกนายทุกรุ่น ซึ่งทุกคนต่างจดจำฝังใจและสานต่อพระราชปณิธานอันแน่วแน่ ของทูลกระหม่อมอาจารย์อย่างแข็งขัน
“ผู้พันเบิร์ด”-พ.ท.วันชนะ สวัสดี ผู้บังคับกองพันที่ 1 กรมนักเรียนนายร้อยรักษาพระองค์ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เป็นอดีตลูกศิษย์ของทูลกระหม่อมอาจารย์รุ่นที่ 17 ยังคงจดจำภาพอันสง่างามของทูลกระหม่อมอาจารย์ ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อนักเรียนนายร้อย และโรงเรียนนายร้อยได้อย่างไม่มีวันลืม พร้อมถ่ายทอดพระราชจริยวัตรอันงดงามของทูลกระหม่อมอาจารย์ให้ฟังว่า
นับตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2523สมเด็จพระเทพฯ ทรงเป็นทูลกระหม่อมอาจารย์ของโรงเรียนนายร้อยนั้น จะเสด็จมาทรงสอนนักเรียนเป็นประจำทุกปีมิได้ขาด โดยทรงสอนวิชาประประวัติศาสตร์ร่วมสมัย และวิชาประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออก ให้แก่นักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 2 และวิชาประวัติศาสตร์เลือกเสรีให้แก่นักเรียนนายร้อยชั้นปี 3
หนึ่งเทอมจะทรงสอนเป็นเวลา 3 เดือน และในหนึ่งสัปดาห์จะเสด็จมาสอนนักเรียนนายร้อยเป็นเวลา 2 วัน โดยปีนี้สมเด็จพระเทพฯ ได้เสด็จมาทรงสอนนักเรียนในวันพฤหัสฯ และวันศุกร์ ของทุกสัปดาห์จนปิดภาคเรียน
เมื่อวันศุกร์ที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา ถือเป็นการสอนครั้งสุดท้ายในอายุราชการของทูลกระหม่อมอาจารย์ โดยเสด็จไปสอนวิชาประวัติศาสตร์ หัวข้อภูมิศาสตร์กับโอลิมปิกวิชาการ ยังความปลื้มปีติแก่นักเรียนนายร้อย และ ชาว จปร.ทุกนาย
“พระองค์ท่านตรัสกับอาจารย์ท่านอื่นในโรงเรียนนายร้อยเสมอว่า “นักเรียนนายร้อยก็คือเยาวชน ฉะนั้น งานที่สร้างเยาวชนให้เป็นคนดีคนเก่งของประเทศชาติ คืองานของพระองค์ และการได้มาสอนนักเรียนนายร้อย ก็ถือว่าเป็นการสร้างเยาวชนของชาติได้เหมือนกัน”
** ทรงผูกพันกับนักเรียนนายร้อย
แม้สมเด็จพระเทพฯ จะทรงมีพระราชกรณียกิจมากมายในแต่ละวัน แต่ในฐานะ “ทูลกระหม่อมอาจารย์” นั้น พระองค์ไม่เคยทรงหยุดสอนเลย แม้ต้องเสด็จไปต่างประเทศก็ตาม พระองค์ก็ยังทรงกลับมาสอนชดเชยเสมอ และทรงให้ความสนพระทัยในการสอนมาก เพื่อให้ลูกศิษย์ได้รับรู้เรื่องราวที่ทันสมัยอยู่เสมอ
ทุกครั้งที่เสด็จมาสอนนักเรียน พระองค์จะทรงเตรียมการสอนใหม่ๆ มาทุกสัปดาห์ เพราะว่าประวัติศาสตร์ในช่วง35 ปีที่ผ่านมา บางส่วนอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่เพื่อให้ลูกศิษย์มีความรู้เท่าทันสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดนิ่ง บ่อยครั้งที่พระองค์จะทรงเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา มาบรรยายพิเศษแก่คณะลูกศิษย์
ผู้พันเบิร์ด เล่าด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาว่า “บางครั้งในยามที่เสด็จไปทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจยังต่างประเทศ เมื่อพระองค์ทรงทราบว่าประเทศที่เสด็จไปนั้น เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน ท่านก็จะคิดถึงลูกศิษย์และทรงพาคณะนักเรียนไปศึกษาดูงานที่ประเทศนั้นอีกครั้ง โดยมีทูลกระหม่อมอาจารย์เสด็จไปด้วยทุกครั้ง แม้พระองค์จะเพิ่งเสด็จกลับจากประเทศนั้นก็ตาม”
ขณะเดียวกัน หลังจากที่ทรงพานักเรียนกลับมาจากศึกษาดูงานที่ต่างประเทศแล้ว ผู้พันเบิร์ด เล่าว่า ทูลกระหม่อมอาจารย์จะโปรดให้นักเรียนทำรายงานส่งในรูปแบบของหนังสือทำมือทุกครั้งด้วย และทรงสนพระทัยตรวจงานของลูกศิษย์ทุกคนด้วยพระองค์เองอีกด้วย
อีกภาพที่นักเรียนายร้อยทุกนายจำจนชินตาคือ ทุกครั้งที่ทูลกระหม่อมอาจารย์เสด็จไปต่างประเทศนั้น เมื่อเสด็จกลับมาสอนที่โรงเรียนนายร้อย พระหัตถ์ทั้ง 2 ข้างจะทรงถือถุงผ้า ซึ่งภายในนั้นบรรจุของฝากจากหลากหลายประเทศที่ได้เสด็จไปเยือนมาแล้ว ทรงนำมาพระราชทานเป็นของฝากแก่นักเรียนนายร้อยทุกนาย
พระมหากรุณาธิคุณของทูลกระหม่อมอาจารย์นี้ มิได้มีแค่เพียงนักเรียนนายร้อยเท่านั้น หากแต่น้ำพระราชหฤทัยยังแผ่ไพศาลถึงโรงเรียนนายร้อยฯ อีกด้วย เพราะทูลกระหม่อมอาจารย์เป็นดั่งศูนย์รวมจิตใจของชาวนายร้อยห้อยกระบี่ทุกนาย
“สมเด็จพระเทพฯ จะเสด็จมาในวันสำคัญของโรงเรียนนายร้อยเป็นประจำทุกปี อาทิ เสด็จมาเป็นองค์ประธานวันไหว้ครู เสด็จมารับแถวนักเรียนนายร้อยทุกเทอม และทุกๆ วันที่ 31 มีนาคมของทุกปี อันเป็นวันที่นักเรียนนายร้อยฝึกภาคเสร็จแล้ว ประกอบกับวันที่ 2 เม.ย.เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์ ฉะนั้นในวันนั้นท่านจะเสด็จมาเป่าเค้กวันเกิด พร้อมพระราชทานเค้กวันเกิดให้แก่คณะผู้บริหารของโรงเรียน และนักเรียนนายร้อยทุกนาย”
** “ผู้พันเบิร์ด” ลูกศิษย์รุ่น17
ถึงแม้ว่าวันเวลาจะล่วงมาถึง 20 ปี หากแต่ ผู้พันเบิร์ด ในฐานะลูกศิษย์ของทูลกระหม่อมอาจารย์รุ่นที่ 17 ยังคงจดจำภาพบรรยากาศในห้องเรียนได้อย่างไม่ลืมเลือน ซึ่งเจ้าตัวเล่าบรรยากาศภายในห้องเรียนสมัยนั้นให้ฟังว่า บรรยากาศแรกๆ ของการเรียนนักเรียนทุกคนจะเกร็ง เพราะเราไม่เคยเรียนกับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน พอเกร็งมากๆ ก็จะง่วง ยอมรับเลยว่าชั่วโมงแรกเรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ด้วยความเป็นกันเองของทูลกระหม่อมอาจารย์ ผ่านไปสักพักหนึ่งนักเรียนนายร้อยก็เริ่มปรับตัวได้ไม่เกร็งอีกต่อไป
“ตอนเรียนรวม 200 คนเราก็หายเกร็งแล้ว ทีนี้มาเรียนแยกกลุ่มเล็กๆ ทูลกระหม่อมอาจารย์จะพระดำเนินสอนทีละกลุ่ม เราเริ่มกลับมาเกร็งอีกรอบ แต่พอเรียนแยกกลุ่มบ่อยขึ้น บรรยกาศจึงผ่อนคลายลง นักเรียนทุกนายกล้าที่จะมีคำถามกับมากขึ้น เริ่มมีเสียงหัวเราะในห้องเรียนมากขึ้น หรือแม้แต่ในระหว่างเรียนนักเรียนบางนายที่แสดงอาการง่วง แต่พระองค์ท่านก็ทรงน่ารักมาก เข้าใจว่าที่นักเรียนง่วงนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะต้องฝึกหนักและต้องเข้าเวรอีกด้วย”
นายทหารหนุ่มแห่งโรงเรียยนายร้อยยังเล่าต่อว่า เมื่อสมัย 20 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่ทูลกระหม่อมอาจารย์ทรงเน้นย้ำกับลูกศิษย์อยู่เสมอนั่นก็คือ ต้องการให้ลูกศิษย์ทุกคนรับหน้าที่ถ่ายทอดประวัติศาสตร์ไปสู่คนรุ่นหลัง ทรงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์หายไปพร้อมกับอดีต
วันนี้ถึงแม้ทูลกระหม่อมอาจารย์จะเกษียณอายุราชการแล้วก็ตาม แต่บทบาทของการเป็นเรือจ้างของ พล.อ.หญิงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หาได้สิ้นสุดลงไปแต่อย่างใด ด้วยเพราะทรงตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นอาจารย์ผู้เป็นเสมือนเรือจ้าง เพื่อนำพาลูกศิษย์ทุกนายไปถึงยังฝั่งฝัน ดังนั้น สมเด็จพระเทพฯ จึงรับสั่งกับคณะอาจารย์ที่โรงเรียนนายร้อยฯ เสมอว่า พระองค์ไม่เคยรู้สึกว่าเป็นวันสุดท้ายของการสอน ถึงเม้ว่าเกษียณอายุราชการไปแล้ว ก็จะทรงกลับมาเป็นพระอาจารย์พิเศษให้กับนักเรียนนายร้อยทุกรุ่นเสมอ
ในวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ได้จัดพิธีสวนสนามเฉลิมพระเกียรติยศสูงสุด ถวายทูลกระหม่อมอาจารย์ พลเอกหญิงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการ เพื่อตอบแทนในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่ทูลกระหม่อมอาจารย์ ทรงทำหน้าที่ “อาจารย์” อันเป็นศูนย์รวมดวงใจของเหล่านักเรียนนายร้อยทุกรุ่น ทรงถ่ายทอดประสิทธิ์ประสาทวิชาให้แก่เหล่าลูกศิษย์ ด้วยพระราชหฤทัยเปี่ยมพลังอย่างไม่มีวันสิ้นสุดอย่างแท้จริง
เรื่อง: ศศิวิมล แถวเพชร
ภาพ: ศิวกร เสนสอน