xs
xsm
sm
md
lg

เปิดรับสมัคร “นักเรียนนายร้อยหญิง” เพื่อจัดตั้งกองพันสุรนารี กรมทหารสุริโยทัย รบเคียงบ่าเคียงไหล่ชาย!

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค

นักเรียนนายร้อยหญิงที่จบการศึกษาถ่ายร่วมกับพันโทหญิง ท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม
ทุกวันนี้ เรามีนายทหารหญิงอยู่ในกองทัพถึงระดับชั้น “นายพล” กันแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในฝ่ายบริหารหรือหน่วยช่วยรบ ไม่ใช่เป็นหน่วยรบอันเป็นกำลังหลักของกองทัพ

สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ ซึ่งไทยทำสัญญาร่วมรบอยู่กับญี่ปุ่น “ท่านผู้นำ”ได้ดำริที่จะตั้งกองทหารหญิงขึ้น ให้มีหน้าที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกองทหารชาย โดยปรารภว่า

“กำลังอันเข้มแข็งแกร่งกล้าในการป้องกันประเทศชาตินั้น คือทหาร ไม่เลือกว่าชาย หญิง...เหมือนกับบรรพบุรุษของเรา”
การฝึกอาวุธประจำหน่วยของนักเรียนนายร้อยหญิง
การจะมีทหารหญิง ก็ต้องมีนายทหารหญิงขึ้นก่อนเพื่อบังคับบัญชา ด้วยเหตุนี้ กระทรวงกลาโหมจึงมีคำสั่งด่วนเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๔๘๕ เรื่องเปิดรับสมัครเข้าศึกษาวิชาในโรงเรียนทหาร โดยให้ ผบ.ทบ. ดำเนินการร่วมกับกรมยุทธศึกษาทหารบก จัดหลักสูตรนักเรียนนายร้อยหญิงขึ้น มีหลักการทำนองเดียวกับหลักสูตรนายร้อยสำรองทุกประการ เว้นแต่บางสิ่งที่ไม่สะดวกแก่การปฏิบัติของหญิงก็ผ่อนผันให้เท่าที่จำเป็น

การเปิดรับสมัครได้เริ่มขึ้นในวันที่ ๑๐-๑๘ กันยายน ๒๔๘๕ โดยกำหนดคุณสมบัติของผู้จะเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยหญิงรุ่นแรก คือ

๑.สำเร็จชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ของกระทรวงศึกษาธิการ หรือที่กระทรวงศึกษาธิการเทียบเท่า
๒.มีอายุตั้งแต่ ๑๘ ปี ถึง ๒๔ ปีบริบูรณ์ การนับอายุถือตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร
๓.มีนามตัว นามสกุล และสัญชาติเป็นไทย ทั้งบิดามารดาต้องเป็นคนไทยโดยกำเนิด
๔.มีอัธยาศัยและความประพฤติเรียบร้อย
๕.ไม่ถูกปลดจากยุวนารี
๖.มีอวัยวะสมบูรณ์ปราศจากโรค ลักษณะรูปร่างท่าทางและขนาดร่างกายเหมาะเป็นทหาร
๗.มีเสียงดังแจ่มใส
๘.เป็นหญิงโสด
๙.บิดามารดาผู้ให้กำเนิดต้องเป็นผู้มีหลักฐานหรืออาชีพอันชอบธรรม
๑๐.ต้องได้รับอนุญาตจากบิดามารดาหรือผู้ปกครอง

เป็นที่น่าสังเกตคุณสมบัติในข้อ ๓ ที่ว่า ต้องมีนามตัวและนามสกุลเป็นไทย เพราะยุคนั้นเป็นยุคปลุกกระแสชาตินิยม ดาราในยุคนี้คงขาดคุณสมบัติกันเป็นแถว เพราะทั้งชื่อและนามสกุลดูไม่ออกว่าเป็นดาราไทยหรือดาราเทศกันแน่

นักเรียนนายร้อยหญิงได้รับความสนใจจากสาวไทยหัวใจนักรบกันล้นหลาม มีผู้สมัครถึง ๕๐๐ คนเศษ แต่คัดเลือกไว้เพียง ๒๘ คนเท่านั้น โดยมี นางสาวจีรวัสส์ พิบูลสงคราม บุตรสาวของจอมพล ป.กับท่านผู้หญิงละเอียดสมัครเป็นหมายเลข ๑

ในวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๔๘๖ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ผู้บัญชาการทหารบกได้เป็นประธานเปิดการศึกษาของนักเรียนนายร้อยหญิง ณ โรงเรียนเทคนิคทหารบก ซึ่งตั้งอยู่ในกรมยุทธศึกษาทหารบก ถนนราชดำเนินนอก ด้านหลังทำเนียบรัฐบาล

หลักสูตรเร่งรัด ๖ เดือนแรก จะต้องเรียนภาควิชาการ ๑๓ วิชา ได้แก่ วิชาทหารราบ ทหารม้า ทหารปืนใหญ่ ทหารช่าง ทหารอากาศ ยุทธวิธี แผนที่ จิตวิทยา กฎหมาย ศีลธรรม สุขวิทยาอนามัย และไอพิษ โดยเช้าไปเย็นกลับ

ช่วง ๖ เดือนหลัง เป็นภาคปฏิบัติ ซึ่งต้องฝึกเช่นเดียวกับนักเรียนนายร้อยสำรองชาย จึงต้องอยู่ประจำ ในภาคนี้นอกจากมีการฝึกยิงปืน ขุดสนามเพลาะ การใช้อาวุธประจำกายและประจำหน่วย ยังมีการฝึกเดินทางไกล รวมทั้งพลศึกษา ซึ่งมีท่ากายบริหารต่างๆ ราวเดี่ยว ราวคู่ ห่วง ยูโด ดาบฝรั่ง ดาบไทย มวยไทย ว่ายน้ำ และไต่เชือก
ส่วนหนึ่งของการฝึกภาคสนามของนักเรียนนายร้อยหญิง
เมื่อศึกษาจนครบหลักสูตร ผ่านการสอบเรียบร้อยแล้ว นักเรียนนายร้อยหญิงทั้ง ๒๘ คน ก็ได้รับการบรรจุเข้ารับราชการในวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๔๘๗ ตำแหน่งผู้บังคับหมวด โดยสำรองราชการมณฑลทหารบกที่ ๑ รับยศเป็น “ว่าที่ร้อยตรีหญิง” รับเงินเดือนขั้น ๒๖ คือ ๘๐ บาท

นอกจากจะเปิดหลักสูตรนักเรียนนายร้อยหญิงนี้แล้ว กองทัพบกยังได้จัดตั้งโรงเรียนนายสิบหญิงขึ้นอีกที่ลพบุรี และตั้งกองทหารหญิงขึ้นเป็นกองพันสุรนารี กรมทหารสุริโยทัย ที่จังหวัดลพบุรี

ในการเข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นนักรบหญิงนี้ นายทหารหญิงมีคำปฏิญาณตนว่า

“ฉันจะพลีชีพให้สมกับเกียรติของทหาร คือ ตายในสนามรบ
ฉันจะเทิดไว้ซึ่งเกียรติของชาติ คือสงวนความเป็นดอกไม้งามของไทย
ฉันจะเทิดทูนเหนือหัวซึ่งเกียรติของทหารหญิง คือ แม่พิมพ์ที่ดี
คุณงามความดีที่จะต้องยึดมั่นไว้ ให้หนักแน่นกว่าขุนเขา
ส่วนความเสียสละเพื่อชาติจะให้เบากว่าปุยนุ่น”

จอมพล ป.กับพันโทหญิง ท่านผู้หญิงละเอียด และว่าที่ร้อยตรีหญิง จีรวัสส์ พิบูลสงคราม
ต่อมาในกลางปี ๒๔๘๗ นั้น เหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ ๒ ทำท่าว่าใกล้ยุติ โดยฝ่ายอักษะ คือเยอรมันและญี่ปุ่น กำลังถูกฝ่ายสัมพันธมิตร มี อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน ตีถอยร่นทุกสมรภูมิ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งเป็นหัวหน้าลับขบวนการเสรีไทย จึงวางแผนที่จะโค่นล้มจอมพล ป.พิบูลสงคราม ให้ได้ก่อนสงครามจะยุติ เพื่อไม่ให้ประเทศไทยตกเป็นฝ่ายผู้แพ้สงครามด้วย และได้จังหวะที่จอมพล ป. เสนอร่าง พ.ร.บ.จัดสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ที่เพชรบูรณ์ กับร่าง พ.ร.บ.จัดสร้างพุทธมณฑลบุรี ต่อสภา ชักชวนสมาชิกสภาคว่ำ พ.ร.บ.ทั้ง ๒ ฉบับได้สำเร็จ จอมพล ป. ลาออกแทนการยุบสภา เพราะคิดว่าไม่มีใครกล้าเข้ามาชิงตำแหน่งนายกฯ แน่ ยังไงก็ต้องได้รับการลงมติให้กลับเข้ามาใหม่ แต่ผิดคาด ดร.ปรีดีหว่านล้อมสมาชิกสภาผู้แทนได้สำเร็จ และส่งนายควง อภัยวงศ์ ลงสู้ นายควงได้ขึ้นเป็นนายกฯ แทนจอมพล ป.ในวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๔๘๗

ในวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๔๘๘ หลังสงครามโลกสงบลง กระทรวงกลาโหมในรัฐบาลนายควง อภัยวงศ์ ก็ได้ประชุมพิจารณาเรื่องนายร้อยหญิงและนายสิบหญิง ในที่สุดได้มีคำสั่งพิเศษของกองทัพบก ลงวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๔๘๘ ให้มีการปรับปรุงจัดหน่วยในกองทัพบกเสียใหม่

ในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๔๘๘ นายร้อยตรีหญิงสดๆ ร้อนๆ ก็สิ้นสภาพพร้อมกับทหารหญิงในกองทัพทั้งหมด โดยกระทรวงกลาโหมได้มีคำสั่งพิเศษให้เปลี่ยนภาวะนายร้อยหญิงและนายสิบหญิงทั้งหมด เป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือนประเภทสามัญ ผู้ใดจะลาออกเพราะไม่สมัครใจจะรับราชการต่อไป ก็ให้ออกได้โดยไม่มีบำเหน็จบำนาญ

การดำริของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ที่จะให้มีกองทหารหญิงกองพันสุรนารี กรมทหารสุริโยทัย ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกองทหารชาย เลยต้องยุติปิดฉากลง และยังไม่เปิดฉากใหม่จนทุกวันนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น