xs
xsm
sm
md
lg

นางฟ้าของน้องหมา “ชลลดา เมฆราตรี”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชลลดา เมฆราตรี
 
เส้นทางจิตอาสา ไม่ได้มีไว้สำหรับผู้ทรงศีลเท่านั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นางแบบสาวสวย เจ้าของไลฟ์สไตล์สุดเปรี้ยว อย่าง เก๋-ชลลดา เมฆราตรี จะหันมาเดินเส้นทางสายนี้ ด้วยการออกช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตที่ด้อยโอกาส ให้มีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม อย่างจริงจัง ถึงขนาดตั้ง มูลนิธิ “เดอะวอยซ์ เสียงจากเรา” ตามความฝัน สุดท้ายชักเนื้อจนต้องขายของแบรนด์เนมสุดรัก เพื่อระดมทุนต่อชีวิตมูลนิธิ

 
เสียงใสๆ รับกับใบหน้าสวยๆ ของ เก๋-ชลลดา นางแบบ ดาราและพิธีกร ทักทายอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะเข้าสู่บทสนทนาเรื่องการก้าวเข้าสู่เส้นทางบุญของเธอว่า เพราะพ่อ-แม่ สอนมาตั้งแต่เด็กให้เป็นคนมีเมตตา รู้จักเผื่อแผ่ช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาส แต่มาเริ่มจริงจังมากขึ้นในช่วงน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ครั้งนั้นเธอร่วมกับกลุ่มอาสาสมัครเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ได้เห็นชีวิตที่ยากลำบากว่าเป็นอย่างไร ขณะเดียวกัน ก็ยังได้เห็นสัตว์เลี้ยงอย่าง สุนัข แมว ได้รับผลกระทบ ทั้งจมน้ำ ถูกทอดทิ้ง ทำให้รู้สึกสงสารและรู้ว่า สถานะการเป็นสัตว์จรจัด เกิดขึ้นได้เพราะเจ้าของยัดเยียดให้ โดยที่ตัวมันเองไม่มีสิทธิ์เลือก

“ไม่เคยคิดมาก่อนว่า บ้านเรามีสัตว์เลี้ยงที่เจ้าของทอดทิ้งและทำร้ายมากขนาดนี้ ช่วงน้ำท่วมมีคนมาฝากไว้เยอะ แต่พอน้ำลดเจ้าของบางคนก็มารับกลับคืน บางคนก็ไม่มารับ เก๋ก็ทิ้งไม่ได้ เลยต้องเลี้ยงไว้”

 
ความจริงแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เธอจะต้องโดดเข้ามาทำงานเพื่อสังคม เพียงเพื่อหวังชื่อเสียง เพราะลำพังงานในวงการบันเทิง ทั้งงานแสดง พรีเซนเตอร์ รวมถึงงานพิธีกร ก็มีล้นมืออยู่แล้ว แต่เพราะสัตว์ทุกชนิดพูดไม่ได้ และเธอไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการอะไร คิดอะไร มีเพียงสิ่งเดียวที่รู้ได้คือ สัตว์พวกนี้มีหัวใจ มีความซื่อสัตย์ต่อผู้เป็นนายของเขา ทำให้เธอไม่อาจละเลยชีวิตน้อยๆ เหล่านั้น จึงอาสานำมาเลี้ยง

จาก 1 เป็น 2 เป็น 10 และ 20 จนเต็มบ้านไปหมด แล้วต่อมาก็เริ่มมีจิตอาสาคนอื่นๆ ยื่นมือเข้ามาช่วย แต่ก็มีปัญหาทั้งในเรื่องสถานที่เลี้ยง และเงินทุนที่เธอควักเงินส่วนตัวออกมาเป็นค่าใช้จ่าย จนสุดท้าย เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน สาวสวยคนนี้จึงตั้งมูลนิธิขึ้น จับสุนัขบาดเจ็บตามข้างทางเพื่อให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น พาส่งโรงพยาบาล ไปเยี่ยมไข้ จดบันทึก จ่ายค่ารักษา ไปจนถึงหาผู้อุปการะ เพื่อให้สัตว์เหล่านั้นมีชีวิตที่ดีขึ้น

หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “เก๋ไม่เคยคิดว่าการจัดตั้งมูลนิธิมันจะเป็นเรื่องยากมาก (ลากเสียง) ต้องรอต้องใช้เวลา กว่าจะผ่านมาได้แม้จะเหนื่อยแต่ก็คุ้มค่า ทำให้ได้เรียนรู้เรื่องความอดทน เราไม่ใช่มูลนิธิอาชีพ แรกๆ ก็ติดขัดบ้าง นานไปก็ชิน โชคดีมีน้องๆ ซึ่งแต่ละคนก็มีงานประจำของตัวเอง แต่เขามีใจอยากทำ ก็มาช่วยงานเป็นลักษณะจิตอาสา ตัวเก๋เองเป็นประธานแต่ก็ทำทุกอย่างค่ะ อย่างมีอยู่ครั้งหนึ่ง มีคนโทร.มาแจ้งว่า มีสุนัขโดนฟันที่คอ แผลเหวอะหวะมีหนองเต็มตัว เพราะไม่มีใครไปช่วยมา 10 วันแล้ว อยู่แถวๆ เมืองทอง ตอนนั้นจัดเต็มค่ะ เพราะกำลังจะไปเป็นพิธีกร ก็เลยไปช่วยในชุดนั้นเลย ชาวบ้านตกใจว่ามาถ่ายรายการทีวีหรือเปล่า”
เก๋-ชลลดา กับ ลุงปอนด์ วัย 17 ปี สุนัขตัวแรกที่เลี้ยงไว้
 
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เป็นเวลาเกือบ 3 ปี ที่เธอได้ช่วยเหลือสัตว์จำนวนมากในนามมูลนิธิ เก๋ยอมรับว่าค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนสำหรับสัตว์นานาชนิดที่ดูแล ตั้งแต่สุนัข แมว ช้าง ม้า ลิง หมี วัว ควาย ฯลฯ ต้องใช้ไม่ต่ำกว่า 2-3 แสนบาท ซึ่งโดยปกติแล้ว “เก๋” จะนำรายได้ส่วนหนึ่งของตัวเองมาเป็นค่าใช้จ่ายของมูลนิธิ อีกทั้งยังมีเงินบริจาคจากคนใจบุญ แต่เนื่องจากสัตว์ทั้งที่ถูกทอดทิ้ง ที่บาดเจ็บ มีเยอะมากขึ้น เงินที่มีอยู่จึงไม่เพียงพอกับความต้องการ จนในที่สุด เก๋ก็ตัดใจขายของแบรนด์เนม ของรักของหวง เพื่อนำมาใช้หนี้ในการรักษาและดูแลสัตว์ต่อไป

“การที่เราเข้ามาทำงานนี้ ได้เห็นเหล่าสัตว์สี่ขาที่บาดเจ็บ ถูกทอดทิ้งแล้วรู้สึกสงสารมาก พอหันมาดูตัวเราแล้วรู้สึกเลยว่า ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยเกินไป อยากซื้ออะไรก็ซื้อแล้วต้องซื้อมากกว่า 1 ชิ้นด้วย แต่ไม่เกิดประโยชน์เลยกับตัวเรา สู้เอาเงินมายังสามารถช่วยชีวิตสัตว์ได้อีก จึงตัดสินใจนำของที่มีเกินความจำเป็น ออกมาขายในIG ซึ่งตรงนี้ก็ทำมานานแล้ว และก็ไม่ได้มีของเก๋คนเดียว มีเพื่อนดารานักแสดงที่รักสัตว์ เห็นคุณค่าตรงนี้ ก็นำของออกมาขายช่วยกันหลายคนค่ะ”
เก๋-ชลลดา กับ ลัคกี้ สุนัขพัธุ์คอกเกอร์ที่เก็บมาเลี้ยง และเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา
 
แน่นอนว่า การให้ความช่วยเหลือสัตว์ ต้องใช้ทั้งกำลังกายและกำลังใจ หากแต่ผลลัพท์ที่ได้มา เก๋บอกว่ามีคุณค่ามหาศาลมากมาย เพราะทำให้เธอค้นพบตัวเอง ได้รู้จักการเสียสละที่แท้จริง รู้จักการรอคอย และยังได้รู้ว่า เวลาแต่ละนาทีมีคุณค่ามากมายนัก

“ตรงนี้สอนอะไรเก๋มากมาย สัตว์บาดเจ็บแต่ละตัวที่เห็น เรารู้ว่าเขาทรมานมาก อยากให้หายภายในวันสองวัน แต่มันทำไม่ได้ ต้องค่อยๆ ป้อนยา ทำความสะอาดแผลให้เขาทุกวัน ได้เห็นอาการค่อยๆ ดีขึ้น ทำให้รู้จักการรอคอย ได้เข้มแข็งมากขึ้น เก๋ไม่ใช่คนดีเต็มร้อย ที่ผ่านมาก็เต็มที่กับชีวิตแล้ว พอทำตรงนี้เก๋รู้สึกภูมิใจว่า ได้ทำอะไรตอบแทนสังคม ได้ใช้เวลาว่างให้มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ คุณพ่อคุณแม่ก็ดีใจกับเก๋เหมือนกันค่ะ” ฟังแล้วก็อดดีใจกับสิ่งที่เธอได้รับด้วยไม่ได้

 
ก่อนจากกัน เก๋ยังฝากถึงคนที่ได้ผ่านมาเจอคอลัมน์ในสัปดาห์นี้ว่า หากคิดจะเลี้ยงสุนัข แมว หรืออะไรก็ตาม ขอเพียงมีความพร้อม มีเมตตาให้เขาเหล่านั้นก็พอแล้ว หากไม่รักก็ไม่ควรนำมาเลี้ยง

“สัตว์ทุกชนิดมีหัวใจ มีความรู้สึก เมื่อเขาเลือกจะรักแล้ว เขาจะรักคุณหมดหัวใจ และจะซื่อสัตย์กับคุณเพียงคนเดียวจริงๆ ส่วนคนที่ไม่ได้เลี้ยง ก็สามารถช่วยเป็นหูเป็นตา ช่วยคุ้มครองเขาได้ คือหากพบเห็นการทารุณสัตว์ ก็สามารถแจ้งตำรวจได้ เพราะเดี๋ยวนี้มี พรบ.คุ้มครองสัตว์แล้ว”

กำลังโหลดความคิดเห็น