การปรากฏตัวบนพรมแดงของสาวเดบูตองส์รุ่น 4 ปี 2552 ของ นาม-ปรมา ไรวา ทายาทรุ่น 2 “เอสแอนด์พี” ในขณะนั้น แม้จะเริ่มเป็นที่น่าจับตามองของสังคม หากแต่เมื่อเวลาผ่านไป การปรากฏตัวครั้งใหม่ด้วยบุคคลิกโดดเด่นของเธอในวัย 23 ปีกลับน่าสนใจมากกว่าเดิม เพราะเธอคือคลื่นลูกใหม่ของ S&P ที่กำลังก้าวเข้ามาตอกย้ำแบรนด์ S&P ให้ทันสมัยและคงอยู่ในใจคนไทยตลอดไป
ด้วยความที่เป็นลูกสาวของ ประเวศวุฒิ-เกษสุดา ไรวา กรรมการผู้จัดการใหญ่ของ S&P หากเธอเลือกจะทำงานที่นั่น ตำแหน่งระดับบริหารก็น่าจะมีเหลือไว้ให้สาวน้อยคนนี้ได้ไม่ยากนัก ดังนั้น “ปรมา” ซึ่งหลงใหลและสนใจศาสตร์แห่งศิลปะ จึงเลือกเรียนรู้พื้นฐานทางศิลปะตามที่ตัวชอบ ณ Central Saint Martins College of Art and Design (University of the Arts London) London, United Kingdom ก่อนจะกลับมาทำงานกับครอบครัว ในตำแหน่ง Marketing Communication (สื่อสารการตลาด) เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน)
“ตอนแรกตั้งจะเรียนบิสสิเนส แต่พอจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็เปลี่ยนใจขอเลือกเรียนศิลปะ นามชอบงานปั้น เลยตัดสินใจเรียนเซรามิคดีไซน์ ที่นั่นเขาจะให้เราใช้ไอเดีย เราสามารถจับอะไรมาเป็นไอเดียสำหรับการทำงานของเราได้บ้าง นามเชื่อว่าการได้คิด ได้มองสิ่งต่างๆรอบตัวเรา จะทำให้เราสามามรถนำสิ่งนั้นมาประยุกต์ใช้กับงานได้”
การเข้ามารับตำแหน่งดูแลแผนกสื่อสารการตลาด เอส แอนด์ พี ย่อมไม่ได้เป็นเพียงเพื่อสร้างสีสัน หรือสร้างข่าวหวือหวาไปวันๆ บนหน้าสื่อ หากแต่วางตัวตามความเหมาะสม เพื่อให้มาเสริมสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจด้านอุตสาหกรรมนั่นเอง และก็เป็นธรรมเนียมของครอบครัวที่ทำธุรกิจการค้าขนาดใหญ่ ที่มักจะมีตำราสอนลูกหลานเรื่องการทำงานแทบไม่ต่างกันเลยคือ ทำธุรกิจต้องสุจริต ซื่อสัตย์ ประหยัด และขยัน เหล่านี้ล้วนเป็นหลักสำคัญที่ลูกหลานต้องนำมาใช้ในการทำงานตลอด
สาวร่างสูงเพรียวเจ้าของรอยยิ้มสดใส "นาม-ปรมา" ยอมรับว่า 1 เดือนสำหรับการเป็นพนักงาน S&P อย่างเต็มตัวนั้น เธอยังไม่ได้ทำอะไรมากนัก แต่โชคดีที่ตอนเด็กทุกครั้งที่โรงเรียนปิดเทอมก็กลับเมืองไทยมาฝึกงานที่ S&P ตลอด การฝึกงานของเธอไม่ต่างจากทายาทตระกูลอื่น ที่ต้องเริ่มหัดงานตามสาขาต่างๆ ทำตั้งแต่ในครัว เสิร์ฟ รับออร์เดอร์ แคชเชียร์ เมื่อโตขึ้นมาอีกนิด จึงได้ลองฝึกตามแผนกการตลาด บัญชี จัดซื้อ เป็นต้น
การทำงานตรงนั้นทำให้นามได้รับถ่ายทอดประสบการณ์ และแนวคิดเชิงธุรกิจของคนรุ่นป้ามาสั่งสมอยู่ในตัวเธอโดยไม่รู้ตัว บวกกับสายเลือดที่เข้มข้น ทั้งหมดจึง กลายเป็นความปรารถนาในการที่จะพัฒนาเอสแอนด์พี ให้อยู่ประทับในความทรงจำ
“S&P ในความรู้สึกของนามเป็นแบรนด์ที่ยิ่งใหญ่นะคะ ดีใจที่คนไทยรู้จักเราเยอะเลยโดยเฉพาะในส่วนของเบเกอรี่ นามว่าทั้งหมดเป็นเพราะผู้ใหญ่สร้างและทำไว้ดีมากๆ นามอยากเก่งเหมือนคุณป้าใหญ่ ( คุณพ่อคุณแม่ แต่หนึ่งเดือนตรงนี้เพิ่งเริ่ม นามก็เร่งศึกษา-พัฒนาตัวเอง ในฐานะคนรุ่นใหม่กับงานตรงนี้นามไม่กล้าก้าวข้ามสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำไว้ดีแล้ว แต่ความคิดส่วนตัวที่มองตรงนี้คือ เวลาผ่านไป วิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ก็ไม่เหมือนคนรุ่นก่อน ก็คงมีบางส่วนที่ S&P ต้องพัฒนาตาม เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยและลูกค้าที่มาใช้บริการ แต่จะเป็นส่วนไหนบ้างอันนี้ก็ต้องดูไปตามความเหมาะสม” นาม-ปรมา สะท้อนความคิดเกี่ยวกับ S&P ในมุมของคนรุ่นใหม่อย่างเธอให้เราฟัง
ทายาทรุ่น 2 ที่มาพร้อมกับภารกิจสำคัญคือการ “ต่อยอด” รากฐานการเติบโตของเอสแอนด์พี ที่ผู้ใหญ่บุกเบิกไว้ดีแล้ว ให้ดียิ่งขึ้น ตรงนี้เธอยอมรับว่ากดดันเล็กน้อย แต่ไม่กังวลเพราะเธอมั่นใจในฝีมือของพี่ๆ ทั้ง วิทูร ศิลาอ่อน, กำธร ศิลาอ่อน และ ธีรกรณ์ ไรวา ที่ดูแลงานด้านบริหาร
“นาม มาเสริมในส่วนสื่อสารการตลาดแม้จะไม่ได้มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการบริหารจัดการ หากแต่ก็มีอิสระในการสร้างสรรค์ พัฒนางาน สร้างสัมพันธ์ที่ดีในองค์กรก่อนจะส่งตรงถึงกลุ่มลูกค้านั่นเอง นามพอใจกับงานตรงนี้ เพราะคิดว่าใกล้เคียงกับตัวตนมากที่สุด ได้เห็นภาพรวมองค์กร ได้คิด ได้ทำ เป็นอิสระแบบนี้นามชอบค่ะ เวลาทำงานหากมีตรงไหนไม่เข้าใจ คุณพ่อคุณแม่ก็จะคอยแนะนำ ตอนนี้เวลา S&P มีงานอะไร ยังไม่ค่อยได้ช่วยอะไรนะคะ แต่เข้าไปยุ่งตลอด ไปดูก็มีความสุขแล้ว”
ความสนใจเรื่องการทำธุรกิจมาของ “นาม” ไม่ได้มีให้เฉพาะกับธุรกิจหลักของครอบครัวเท่านั้น ด้วยความที่เลือดการทำธุรกิจที่เข้มข้นอยู่ในตัว บวกกับความคิดสร้างสรรค์งานด้านศิลปะ ผสมกับความเป็นคนไม่ชอบอยู่นิ่ง ทำให้สาวสวยคนนี้ไม่ยอมปล่อยเวลาว่างให้ผ่านเลยไปอย่างไร้ค่า
ทุกครั้งที่ว่าง นามจะต้องหยิบกระดาษดินสอออกมาขีดๆเขียน ออกแบบหมวกแก๊ป ซึ่งเธอเข้าหุ้นกับเพื่อนทำออกขายในอินสตาร์แกรมภายใต้ชื่อแบรนด์ ""Triadic Affair" ซึ่งหลังจากทำได้เพียงไม่นาน งานของเธอก็โดนใจหนุ่มสาวหลายๆคน ทำให้ยอดสั่งซื้อมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“เป็นหมวกแก๊ปหนังงูเย็บมือค่ะ นามออกแบบและดีไซน์เอง ตอนแรกไม่คิดว่าจะขายได้ เพราะเราไม่ได้เข้าห้าง ไม่ได้วางขายที่ไหนเลย ทดลองทำแล้วถ่ายรูปขายใน IG ปรากฏว่ามีคนสนใจโทรเข้ามาสั่งจำนวนมาก จากเดิมคิดจะทำแค่ 50 ใบตอนนี้ขายไป 5000 กว่าใบแล้ว ตั้งใจจะหยุด ลูกค้าก็ยังสั่งเข้ามาเรื่อยๆ ก็เครียดนิดนึงเวลาที่หนังงู ที่เป็นวัตถุดิบหลักหมด พวกเราต้องไปซื้อ ต้องเลือกหนังที่ดีที่สุด ต้องไม่มีรอยตรงนี้เราก็แอบเสียใจที่เราไปเบียดเบียนเขา ซื้อมาก็ต้องไปทำบุญให้เขาค่ะ”
สำหรับไลฟ์สไตล์ในส่วนอื่นๆ นาม-ปรมา ไรวา บอกว่า ไม่ค่อยมีอะไรมากมาย เพราะตลอด 7 วันของเธอนั้นมีแต่งานประจำที่ทำกับเอสแอนด์พี และงานหมวกซึ่งเป็นงานส่วนตัวของเธอเท่านั้น และหากช่วงไหนที่ว่างจริงๆเธอก็เลือกที่จะไปพักผ่อนกับครอบครัว และเพื่อนๆ