โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช
นอกจากตำรา “น้ำพริก” จากปลายปากกาของ อาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ แล้ว ยังจำได้ถึงน้ำพริกที่อยู่ในตำรากับข้าวเล่มแรกของ ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ที่มีชื่ออาหารไทยน่าตื่นหูดูสนุกลิ้นอยู่มากอย่าง ม้าอ้วน, หมูตั้งสด, ขนมแชงม้า, เจ่าแมงดา, นกกระจาบยัดไส้ทอด, ต้มยำเขมร
ที่ชื่อสวยคือ “น้ำพริกนางลอย”
เป็นชื่ออาหารที่ชวนให้คิดและค้นเพื่อหาดูหน้าตาว่าอาหารที่มีชื่อระดับรวมเล่มเป็นตำราได้ในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้นเป็นอย่างไร ใครจะว่าตำรากับข้าวฝรั่งนั้นดีแค่ไหนก็ขอให้ลองดูตำราสูตรไทยเราก่อนว่าก็ไม่แพ้กันเลยครับ
สิ่งหนึ่งที่เป็นคู่สำรับและตำรับกับข้าวของเราก็คือ “น้ำพริก” ซึ่งมีการแตกสาแหรกออกไปมากซึ่งหากเริ่มต้นตำจาก “น้ำพริกมาตรฐาน” ให้ตำเป็นก่อนดังที่อาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ว่าไว้แล้วต่อไปจะยักย้ายดัดแปลงเป็นน้ำพริกถ้วยอื่นได้อีกมาก
น้ำพริกจึงเป็นของกินที่ versatile คือออกจะสารพัดประโยชน์ได้อย่างหนึ่ง ซึ่งน้ำพริกนั้นกินกับของคู่กันได้หลายอย่าง ทั้งน้ำพริกคลุกข้าว,ข้าวเหนียวกับน้ำพริก,ผักจิ้มน้ำพริกหรือน้ำพริกกับไข่ โดยเฉพาะอย่างหลังนี่กินง่ายแล้วอิ่มดี
ผมชอบน้ำพริกกับไข่ต้มครับ
ยิ่งได้น้ำพริกตาแดงแบบที่มีติดบ้านเราอยู่นั่นละครับ กินกับไข่ต้มยางมะตูม เมื่อนั้นจะเห็นสวรรค์รำไร ใครเอาสเต็กมาแลกก้อ---ยอมอยู่ครับ(แฮ่) ซึ่งน้ำพริกกับไข่ต้มนั้นทั้งอร่อยทั้งอิ่มทนดีนักแล หรือแค่มีน้ำพริกปลาร้าติดก้นครัวก็เอามากินกับข้าวเหนียวได้อิ่มออกดี
น้ำพริกเป็นอาหารสุขภาพชั้นดีที่ไม่ได้หากินยากอย่างที่คิดครับ ลองปรับชีวิตให้มีน้ำพริกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งดูแล้วจะรู้ว่ามันช่วยเรามากกว่าที่คิด เพราะมีน้ำพริกหลายชนิดที่ช่วยคุมน้ำหนัก, ลดไขมัน, ป้องกันหัวใจแถมยังช่วยให้ไกลจากสนิมแก่ทั้งหลายได้ด้วย
มาดูน้ำพริกที่ช่วยสุขภาพแถมหากินง่ายกันครับ
>>6 ชนิดน้ำพริกกินง่าย สบายกระเป๋า
1) น้ำพริกกะปิ
หรือจะเป็นน้ำพริกปลาทูก็ยังได้ น้ำพริกสบายใจสบายกระเป๋าของเราอย่างแรกนี้เป็นน้ำพริกที่หาง่ายแทบทุกตรอกซอย รับประทานบ่อยจะทำให้ได้ซุปเปอร์สารต้านอนุมูลอิสระจาก “กะปิ” ที่มีชื่อว่า “แอสตาแซนทิน”
คนที่กินน้ำพริกกะปิคู่กับปลาทูทอด จะช่วยบำรุงสายตาด้วยสารแคโรทีนอยด์จากพริกดูดซึมได้ดียิ่งขึ้น
2) น้ำพริกปลาร้า
ขอให้ปลาร้าสุกเป็นพอ เพราะน้ำพริกปลาร้าเป็นน้ำพริกฟีลกู้ดกินกับอะไรก็อร่อย ใช้น้ำปลาร้าหอมดีมาเป็นตัวชูโรงแล้วหาปลาเนื้อมันอย่างปลาทู, แมคเคอเรล, ซาบะ หรือว่าทูน่าก็ยังได้มาทำให้เป็นน้ำพริกเนื้อเข้มข้นมัน
ในปลาร้ามี “วิตามินเค” สูงช่วยในการแข็งตัวของเลือดและบำรุงกระดูก ส่วนเนื้อปลามันๆ มีโอเมก้าสามช่วยบำรุงหัวใจอยู่เพียบ
3) น้ำพริกไข่เค็ม
เป็นน้ำพริกที่ใช้วัตถุดิบหาง่ายคู่ครัวหลายบ้านคือ “ไข่เค็ม” โดยไข่เค็มเป็นของที่มาจากภูมิปัญญาการถนอมอาหารมีส่วนที่เป็นไขมัน, ธาตุเหล็ก, ฟอสฟอรัส, แคลเซียม และโปรตีนอยู่มาก
มีเคล็ดสุขภาพอยู่เล็กน้อยคือ ถ้าอยากได้ธาตุเหล็กมากช่วยบำรุงเลือดให้เลือกไข่เป็ดเค็มแทนไข่ไก่ ส่วนใครที่ชอบน้ำพริกไข่ปูให้ลองดูไข่เค็มแทนจะให้รสหอมมันไม่แพ้กันครับ
4) น้ำพริกเต้าหู้ยี้
เป็นของที่มีในช่วงกินเจหรือจะไม่เจก็อร่อย เพราะเต้าหู้ยี้มีสีแดงจากข้าวแดง ทั้งความมันและหอมเป็นเอกลักษณ์ใช้แทนกะปิได้ดี
ซึ่งประโยชน์ของเต้าหู้หมักชนิดนี้คือโปรตีนและแคลเซียม ดูไปคล้ายชีสของฝรั่งเลยนะครับ แต่ขอให้กะปริมาณให้ดีเพราะเต้าหู้ยี้ she เค็มใช่ย่อย คนที่เป็นความดันสูงควรต้องเพลาลงนิดครับ
5) น้ำพริกขี้กา
เป็นน้ำพริกฟาสต์ฟู้ดของคนโบราณที่โขลกแบบหยาบใส่เนื้อปลากรอบย่างลงไป
อาจารย์หม่อมเคยเล่าไว้ว่าเป็นหนึ่งในน้ำพริกพื้นฐานที่มีสีสวยด้วยวัตถุดิบที่ใส่ ซึ่งส่วนประกอบของน้ำพริกขี้กาคือ พริกชี้ฟ้าหลากสีทั้งแดง, เหลือง, เขียวที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ, อี และซี ซึ่งช่วยบำรุงจอตา, ป้องกันมะเร็ง และมีส่วนช่วยคุมน้ำหนักได้ดีจากแคลอรีที่ต่ำและเส้นใยสูง
6) น้ำพริกตาแดง
เป็นน้ำพริกที่มีเนื้อหนึบจับตัวกันดีเหมาะกับการจิ้มกับข้าวเหนียว, ผัก หรือว่าไข่ต้มได้ โดยส่วนประกอบที่ทำให้เป็นน้ำพริกสุขภาพคือปลาทู, มะขามเปียก, พริกแห้ง และหอมแดง ซึ่งให้เส้นใย, ช่วยระบาย และมีแคลเซียมสูง
ถ้าเป็นสูตรทางเหนือจะใส่ “ถั่วเน่า(แข็บ)” ลงไปให้อร่อยไปอีกแบบ แต่ก็ยังได้ประโยชน์ครบ ใครอยากลดหุ่นดีๆ ให้กินกับไข่ต้มและผักครับ
น้ำพริกทั้งหมดที่เล่ามาเป็นของหาง่ายและจัดได้ว่าโภชนาแห่งศิลปะอย่างแท้จริง ด้วยเป็นสิ่งที่ต้องใช้เสน่ห์ปลายจวักเล็กๆ น้อยๆ จนทำให้น้ำพริกเป็นของขึ้นโต๊ะอาหารของชนทุกชั้นมานานนับแต่โต๊ะเสวยเรื่อยไปถึงบ้านเรือนในมุมเล็กซอกน้อย
ซึ่งการเลือกของแกล้มน้ำพริกก็เป็นศิลปะต่อยอดอีกแขนงหนึ่ง
อย่างน้ำพริกขี้กานี้มีเจ้านายพระองค์หนึ่งรับสั่งว่าต้องกินกับของว่างเก่าแก่อย่าง “โสร่ง” แล้วจะอร่อยที่สุด หรือการตำน้ำพริกต่างๆ ถ้าจะให้หอมก็ต้องเด็ดพริกแบบติดก้านสักเล็กน้อยลงไป ส่วนถ้าจะไม่ให้เผ็ดแต่คงสีสวยไว้เผื่อฝรั่งหรือเด็กกินนั้นก็ให้แกะรกพริกกับเม็ดพริกออกไปแล้วค่อยตำ
จะน้ำพริกถ้วยไหนก็ให้คุณค่าน่าลิ้มลองครับ
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
นอกจากตำรา “น้ำพริก” จากปลายปากกาของ อาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ แล้ว ยังจำได้ถึงน้ำพริกที่อยู่ในตำรากับข้าวเล่มแรกของ ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ที่มีชื่ออาหารไทยน่าตื่นหูดูสนุกลิ้นอยู่มากอย่าง ม้าอ้วน, หมูตั้งสด, ขนมแชงม้า, เจ่าแมงดา, นกกระจาบยัดไส้ทอด, ต้มยำเขมร
ที่ชื่อสวยคือ “น้ำพริกนางลอย”
เป็นชื่ออาหารที่ชวนให้คิดและค้นเพื่อหาดูหน้าตาว่าอาหารที่มีชื่อระดับรวมเล่มเป็นตำราได้ในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้นเป็นอย่างไร ใครจะว่าตำรากับข้าวฝรั่งนั้นดีแค่ไหนก็ขอให้ลองดูตำราสูตรไทยเราก่อนว่าก็ไม่แพ้กันเลยครับ
สิ่งหนึ่งที่เป็นคู่สำรับและตำรับกับข้าวของเราก็คือ “น้ำพริก” ซึ่งมีการแตกสาแหรกออกไปมากซึ่งหากเริ่มต้นตำจาก “น้ำพริกมาตรฐาน” ให้ตำเป็นก่อนดังที่อาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ว่าไว้แล้วต่อไปจะยักย้ายดัดแปลงเป็นน้ำพริกถ้วยอื่นได้อีกมาก
น้ำพริกจึงเป็นของกินที่ versatile คือออกจะสารพัดประโยชน์ได้อย่างหนึ่ง ซึ่งน้ำพริกนั้นกินกับของคู่กันได้หลายอย่าง ทั้งน้ำพริกคลุกข้าว,ข้าวเหนียวกับน้ำพริก,ผักจิ้มน้ำพริกหรือน้ำพริกกับไข่ โดยเฉพาะอย่างหลังนี่กินง่ายแล้วอิ่มดี
ผมชอบน้ำพริกกับไข่ต้มครับ
ยิ่งได้น้ำพริกตาแดงแบบที่มีติดบ้านเราอยู่นั่นละครับ กินกับไข่ต้มยางมะตูม เมื่อนั้นจะเห็นสวรรค์รำไร ใครเอาสเต็กมาแลกก้อ---ยอมอยู่ครับ(แฮ่) ซึ่งน้ำพริกกับไข่ต้มนั้นทั้งอร่อยทั้งอิ่มทนดีนักแล หรือแค่มีน้ำพริกปลาร้าติดก้นครัวก็เอามากินกับข้าวเหนียวได้อิ่มออกดี
น้ำพริกเป็นอาหารสุขภาพชั้นดีที่ไม่ได้หากินยากอย่างที่คิดครับ ลองปรับชีวิตให้มีน้ำพริกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งดูแล้วจะรู้ว่ามันช่วยเรามากกว่าที่คิด เพราะมีน้ำพริกหลายชนิดที่ช่วยคุมน้ำหนัก, ลดไขมัน, ป้องกันหัวใจแถมยังช่วยให้ไกลจากสนิมแก่ทั้งหลายได้ด้วย
มาดูน้ำพริกที่ช่วยสุขภาพแถมหากินง่ายกันครับ
>>6 ชนิดน้ำพริกกินง่าย สบายกระเป๋า
1) น้ำพริกกะปิ
หรือจะเป็นน้ำพริกปลาทูก็ยังได้ น้ำพริกสบายใจสบายกระเป๋าของเราอย่างแรกนี้เป็นน้ำพริกที่หาง่ายแทบทุกตรอกซอย รับประทานบ่อยจะทำให้ได้ซุปเปอร์สารต้านอนุมูลอิสระจาก “กะปิ” ที่มีชื่อว่า “แอสตาแซนทิน”
คนที่กินน้ำพริกกะปิคู่กับปลาทูทอด จะช่วยบำรุงสายตาด้วยสารแคโรทีนอยด์จากพริกดูดซึมได้ดียิ่งขึ้น
2) น้ำพริกปลาร้า
ขอให้ปลาร้าสุกเป็นพอ เพราะน้ำพริกปลาร้าเป็นน้ำพริกฟีลกู้ดกินกับอะไรก็อร่อย ใช้น้ำปลาร้าหอมดีมาเป็นตัวชูโรงแล้วหาปลาเนื้อมันอย่างปลาทู, แมคเคอเรล, ซาบะ หรือว่าทูน่าก็ยังได้มาทำให้เป็นน้ำพริกเนื้อเข้มข้นมัน
ในปลาร้ามี “วิตามินเค” สูงช่วยในการแข็งตัวของเลือดและบำรุงกระดูก ส่วนเนื้อปลามันๆ มีโอเมก้าสามช่วยบำรุงหัวใจอยู่เพียบ
3) น้ำพริกไข่เค็ม
เป็นน้ำพริกที่ใช้วัตถุดิบหาง่ายคู่ครัวหลายบ้านคือ “ไข่เค็ม” โดยไข่เค็มเป็นของที่มาจากภูมิปัญญาการถนอมอาหารมีส่วนที่เป็นไขมัน, ธาตุเหล็ก, ฟอสฟอรัส, แคลเซียม และโปรตีนอยู่มาก
มีเคล็ดสุขภาพอยู่เล็กน้อยคือ ถ้าอยากได้ธาตุเหล็กมากช่วยบำรุงเลือดให้เลือกไข่เป็ดเค็มแทนไข่ไก่ ส่วนใครที่ชอบน้ำพริกไข่ปูให้ลองดูไข่เค็มแทนจะให้รสหอมมันไม่แพ้กันครับ
4) น้ำพริกเต้าหู้ยี้
เป็นของที่มีในช่วงกินเจหรือจะไม่เจก็อร่อย เพราะเต้าหู้ยี้มีสีแดงจากข้าวแดง ทั้งความมันและหอมเป็นเอกลักษณ์ใช้แทนกะปิได้ดี
ซึ่งประโยชน์ของเต้าหู้หมักชนิดนี้คือโปรตีนและแคลเซียม ดูไปคล้ายชีสของฝรั่งเลยนะครับ แต่ขอให้กะปริมาณให้ดีเพราะเต้าหู้ยี้ she เค็มใช่ย่อย คนที่เป็นความดันสูงควรต้องเพลาลงนิดครับ
5) น้ำพริกขี้กา
เป็นน้ำพริกฟาสต์ฟู้ดของคนโบราณที่โขลกแบบหยาบใส่เนื้อปลากรอบย่างลงไป
อาจารย์หม่อมเคยเล่าไว้ว่าเป็นหนึ่งในน้ำพริกพื้นฐานที่มีสีสวยด้วยวัตถุดิบที่ใส่ ซึ่งส่วนประกอบของน้ำพริกขี้กาคือ พริกชี้ฟ้าหลากสีทั้งแดง, เหลือง, เขียวที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ, อี และซี ซึ่งช่วยบำรุงจอตา, ป้องกันมะเร็ง และมีส่วนช่วยคุมน้ำหนักได้ดีจากแคลอรีที่ต่ำและเส้นใยสูง
6) น้ำพริกตาแดง
เป็นน้ำพริกที่มีเนื้อหนึบจับตัวกันดีเหมาะกับการจิ้มกับข้าวเหนียว, ผัก หรือว่าไข่ต้มได้ โดยส่วนประกอบที่ทำให้เป็นน้ำพริกสุขภาพคือปลาทู, มะขามเปียก, พริกแห้ง และหอมแดง ซึ่งให้เส้นใย, ช่วยระบาย และมีแคลเซียมสูง
ถ้าเป็นสูตรทางเหนือจะใส่ “ถั่วเน่า(แข็บ)” ลงไปให้อร่อยไปอีกแบบ แต่ก็ยังได้ประโยชน์ครบ ใครอยากลดหุ่นดีๆ ให้กินกับไข่ต้มและผักครับ
น้ำพริกทั้งหมดที่เล่ามาเป็นของหาง่ายและจัดได้ว่าโภชนาแห่งศิลปะอย่างแท้จริง ด้วยเป็นสิ่งที่ต้องใช้เสน่ห์ปลายจวักเล็กๆ น้อยๆ จนทำให้น้ำพริกเป็นของขึ้นโต๊ะอาหารของชนทุกชั้นมานานนับแต่โต๊ะเสวยเรื่อยไปถึงบ้านเรือนในมุมเล็กซอกน้อย
ซึ่งการเลือกของแกล้มน้ำพริกก็เป็นศิลปะต่อยอดอีกแขนงหนึ่ง
อย่างน้ำพริกขี้กานี้มีเจ้านายพระองค์หนึ่งรับสั่งว่าต้องกินกับของว่างเก่าแก่อย่าง “โสร่ง” แล้วจะอร่อยที่สุด หรือการตำน้ำพริกต่างๆ ถ้าจะให้หอมก็ต้องเด็ดพริกแบบติดก้านสักเล็กน้อยลงไป ส่วนถ้าจะไม่ให้เผ็ดแต่คงสีสวยไว้เผื่อฝรั่งหรือเด็กกินนั้นก็ให้แกะรกพริกกับเม็ดพริกออกไปแล้วค่อยตำ
จะน้ำพริกถ้วยไหนก็ให้คุณค่าน่าลิ้มลองครับ
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net