xs
xsm
sm
md
lg

6 สไตล์ไอคอน ที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจนที่สุดแห่งยุค (ภาค 2)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


>>พลพัฒน์ อัศวะประภา “ประณีตบรรจงแต่งแบบคุณผู้ชายสำรวย”

เพราะคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงแฟชั่นมานาน กว่า 7 ปีที่ “พลพัฒน์ อัศวะประภา” ปลุกปั้นแบรนด์อาซาว่า (ASAVA) และเอเอสวี (ASV) กระทั่งเป็นที่รู้จักและทำให้ทุกคนยอมรับเขาในฐานะแฟชั่นดีไซเนอร์แถวหน้าของเมืองไทย นอกจากนี้ ยังเตรียมลุยเปิดร้านอาหาร SAVA ควบคู่ไปกับการทำแบรนด์เสื้อผ้าสองแบรนด์ของตัวเอง ณ ห้างใหม่เอ็มควอเทียอีกด้วย ซึ่งในแต่ละครั้งที่เขาปรากฏตัวตามงานอีเวนต์หรือสถานที่ต่างๆ เราจะเห็นได้ว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่มีสไตล์ชัดเจน โดยเขาบอกว่าเป็นสไตล์ Dandy และสไตล์นี่แหละอยู่ตัวสำหรับเขาที่สุดแล้ว!

:: นิยามสไตล์ของตัวคุณ
“ความจริงแล้วนิยามสไตล์ของผมคือสิ่งที่ออกมาบนเสื้อผ้าที่ผมทำเลยคลาสสิก โก้ หรูและประณีต หากแต่เมื่อมาปรับให้เป็นสไตล์ของผู้ชายแล้วนั้นคงเรียกได้ว่าเป็นสไตล์ Dandy อธิบายก็คือที่เป็นผู้ชายที่มีลักษณะสำรวย แต่งกายประณีตด้วยสิ่งดีเยี่ยม อย่างตัวเองก็จะชอบแต่งตัวแบบเนี้ยบนิดๆ มาเฟียหน่อยๆ มีไม้เท้า มีแว่นตากันแดด”

:: กว่าจะถึงจุดที่ลงตัวอย่างทุกวันนี้ มีจุดพลาดของชีวิตบ้างไหม?
“ก่อนหน้านี้ลองมาเยอะ แบบว่ามีแฟชั่นอะไรมาลองแต่งตามหมด ช่วงอายุ 20 กว่า เป็นวัยที่เยอะมาก ลองใส่หมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าสีสดๆ ทำผม ย้อมสีผม เป็นสไตล์พังก์บ้าง ฮิปฮอปบ้าง เหมือนอยู่ในช่วงค้นหาสไตล์ของตัวเอง ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ แต่เกือบ 10 ปีมานี่ไม่ค่อยเปลี่ยน สไตล์เริ่มนิ่งขึ้น เสื้อผ้าก็จะซื้อคล้ายๆ เดิม ไม่ได้วิ่งตามแฟชั่นมาก จนสุดท้ายมาหยุดที่สไตล์ Dandy นี่แหละ”

:: สิ่งที่แสดงออกถึงความเป็นคุณที่สุด
“สิ่งที่แสดงออกเป็นตัวเรา ผมว่าอยู่ที่ลุคของเรามากกว่า ว่าเราเป็นคนแบบไหน อย่างตัวเองพูดเลยว่าเป็นคนคลาสสิก แต่ในขณะเดียวกันเราก็สามารถบิดความคลาสสิกนั้นด้วยการใส่ลูกเล่นในการแต่งตัว เสื้อผ้าจะเป็นโทนสีเรียบๆ ใส่อยู่ไม่กี่สี เช่น ขาว ดำ เทา น้ำเงิน เบจ เขียวขี้ม้า แต่ก็จะมีวัสดุอื่นๆ เข้ามาเสริม อย่างแว่นตาหรือไม้เท้า จนกลายเป็นติดไปแล้วว่าถ้าไปงานแค่แต่งตัวเรียบๆ กับแว่นตา

:: แรงบันดาลใจการแต่งตัวในแต่ละวัน
“แต่ละวันสไตล์ของเสื้อผ้าอาจจะนิ่งๆ เรียบๆ แต่จะไปเล่นที่เครื่องประดับแทน เราไม่ได้ทำงานออฟฟิศก็อาจจะไม่ต้องเรียบร้อยมาก บางวันอาจเป็นเสื้อโค้ตตัวยาว ก็อาจจะถือไม้เท้าให้ดูมีลูกเล่นหน่อย ชอบแต่งตัวแบบคอสตูมนิดๆ นอกจากนี้ก็มีเสื้อผ้าที่ใส่เล่น บางวันก็หยิบเสื้อยืดมือสองแนวสตรีตเก๋ๆ มาใส่ แล้วแต่ว่าวันนั้นเราต้องใช้ชีวิตสนุกสนานหรือเป็นทางการแค่ไหน”

:: แหล่งชอปปิ้งสุดโปรด
“ชอปหมดทุกที่ไม่ว่าจะเมื่อไทยหรือต่างประเทศ แต่เมื่อเราเริ่มรู้สไตล์ของเราแล้วเราก็จะไปอยู่ไม่กี่ที่ ไม่กี่แบรนด์ หลักๆ ก็สยามพารากอน เอ็มโพเรียม หลักๆ เอาแค่ว่าเรารู้ว่าเราชอบของประมาณไหน รูปทรงและวัสดุอย่างไร เราก็จะซื้อของชิ้นที่เราใส่ได้เรื่อยๆ และอีกอย่างที่ชอบคือชอบหาของเก่า เพราะเราไม่ชอบแต่งตัวซ้ำกับใคร เวลาใส่ของเก่ารู้สึกได้อารมณ์อีกแบบ ชอบที่จะสร้างลุคของตัวเอง ฉะนั้นการหาเสื้อผ้าวินเทจก็ทำให้ลุคของเราดูแตกต่าง คงเป็นนิสัยของดีไซเนอร์มั้ง

:: ไอเท็มที่ขาดไม่ได้
“แว่นตาและไม้เท้า ที่มาของการถือไม้ออกงานคือ ไปเจอของเก่าอยู่อันหนึ่ง คิดว่าสวยดี น่าจะถือเป็นพร็อพออกงานได้ ซึ่งก็เข้ากับการแต่งตัวของเรา เช่น แจ็กเกตและแว่นตา ส่วนแว่นตาก็จะเป็นแบรนด์คลาสสิกๆ อย่างเรย์แบน นอกจากนั้นก็มียี่ห้ออื่นบ้างประปราย และรองเท้าที่ใส่ไม่มีแบรนด์โปรดส่วนใหญ่จะเป็นรองเท้าสลิปเปอร์กำมะหยี่ รองเท้าผ้าใบบ้างจะได้ดูวัยรุ่นหน่อย และที่ชอบอีกอย่างคือนาฬิกาคลาสสิก เป็นคนชอบนาฬิกาแบรนด์ที่มีประวัติยาวนาน”

กุลสิริ อรรถจินดา “พลีตซิกเนเจอร์”

กุลสิริ อรรถจินดา” หรือ “คุณพี่ไก่อู" ที่หลายคนคุ้นหน้าและสไตล์ของเธอตามงานบิวตี้ นั่นเพราะเธอคือ ผู้จัดการหน่วยโฆษณาและประชาสัมพันธ์ระดับอาวุโสแผนกการตลาดและการขาย บริษัท ชิเซโด้ (ประเทศไทย) จำกัด นอกจากจะโดดเด่นในเรื่องของหน้าที่การงานแล้ว ในเรื่องของสไตล์ของเธอก็เป็นที่จดจำของหลายๆ คน พราะหลายครั้งที่พบเจอ เธอมักจะมีสไตล์อันเป็นอมตะอย่างน้อยต้องมีผ้าพลีตสัก 1 ชิ้นในลุคนั้น แทบจะเรียกได้ว่าเป็น “พลีตซิกเนเจอร์” เลยทีเดียว

:: นิยามสไตล์ของตัวคุณ
“ส่วนใหญ่เป็นคนแต่งตัวหลายสไตล์ ได้หมดทั้งเดรส กางเกง เรียกว่าเป็นมิกซ์แอนด์แมตช์ เราเปิดรับทุกรูปแบบของเสื้อผ้า แต่อันที่ค้นพบว่าตัวเองชอบ คือ เสื้อผ้าที่ไม่เข้ารูป (Loose Fit) ไม่เน้นรูปร่าง ไม่ดูเป็นเฟมินีน ชอบลุคที่ดูทะมัดทะแมง แต่ต้องเป็นลุคที่สามารถทำกิจกรรมตั้งแต่เช้าจดค่ำ เช่น กลางวันทำงาน ตอนเย็นมีงานที่ต้องไป”

:: กว่าจะถึงจุดที่ลงตัวอย่างทุกวันนี้ มีจุดพลาดของชีวิตบ้างไหม?
“เป็นคนที่ไม่แต่งตัวตามแฟชั่นตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้ว เมื่อก่อนชอบใส่เสื้อตัวใหญ่ๆ เพราะเป็นคนผอม ถ้าใส่เสื้อผ้าเข้ารูปก็จะดูเก้งก้างไปหน่อย คิดว่าการใส่เสื้อผ้าแบบหลวมๆ ทำให้เราดูอ้วนขึ้นมานิดหนึ่ง ก็ช่วยได้บ้าง จากนั้นจึงติดใส่สไตล์นั้นมาเรื่อยๆ มีอยู่ช่วงหนึ่งเคยลองเป็นแนวสตรีต แล้วก็ไปลองเดรสสไตล์เฟมินีน แต่ใส่แล้วรู้สึกอึดอัด ไม่คล่องตัว ไม่ถึงกับทำให้เราเสียความมั่นใจนะ แค่รู้สึกว่าไม่สะดวกกับกิจกรรมในชีวิตเราเท่านั้น”

:: สิ่งที่แสดงออกถึงความเป็นคุณที่สุด
“คงเป็นพลีต เพราะใส่มานานมาก ชอบตรงที่ดูแลง่าย ตรงกับกิจกรรมในแต่ละวันของเราที่ต้องการความคล่องแคล่ว ทะมัดทะแมง สีสันสวย มีลูกเล่นและดูมีความสนุกสนานเหมือนกับนิสัยของเรา ชอบใส่มาหลายปีแล้วชอบใส่ทั้งของแบรนด์อิสเซ่ มิยาเกะ (Issey Miyake) และพลีตส์ พลีส (Pleats Please) อย่างน้อยทุกคอลเลกชันขอมีสัก 1 ชิ้น สไตล์แบบนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกมั่นใจที่สุดแล้ว เพราะเราผอมจึงอยากจะดูอ้วนขึ้นมานิดหนึ่ง และที่สำคัญพลีตยังดูทะมัดทะแมง และโก้ หรูด้วย ทำให้ชอบใส่มาจนถึงทุกวันนี้ กางเกงทรงฮาเร็มก็ชอบ เดี๋ยวนี้มีหลายแบบ หลายสีสันออกมาให้เลือกเยอะแยะ คราวนี้ก็ยิ่งสนุกกับการแต่งตัว”

:: แรงบันดาลใจการแต่งตัวในแต่ละวัน
“มีเรื่องจะแอบบอกคือชอบออกแบบเสื้อผ้าเอง ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว (หัวเราะ) คิดสไตล์ที่เราชอบ นั่งวาดออกมาแล้วไปให้ญาติตัดให้ เสื้อผ้าของเราชิ้นหนึ่งสามารถปรับได้หลายแบบมาก เป็นคนชอบใส่เสื้อผ้าที่เป็นหางยาวๆ คล้ายๆ ทักซิโด้ ด้วยความเป็นชายหางยาว เราก็จะเปลี่ยนแปลงปรับปรุงได้ วันไหนอยากปล่อยก็ปล่อย บางวันก็เอามาผูกบ้าง แล้วแต่อารมณ์และกิจกรรมที่ต้องทำวันนั้น”

:: แหล่งชอปปิ้งสุดโปรด
“ต่างประเทศบ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นที่เมืองไทยมากกว่า อย่างแบรนด์ไทยดีไซเนอร์ก็ชอบไปชอปปิ้งของเขาเหมือนกัน เป็นชุดทำงานหรือชุดที่ไว้ออกงาน แบรนด์โปรดๆ ที่ซื้อประจำคือ พลีตส์ พลีส, อิสเซ่ มิยาเกะ, กอม เดกาซอง, โจแอนแอนด์เดวิด, วิเวียน แทม เดี๋ยวนี้เมืองไทยเอาแบรนด์เหล่านี้เข้ามาเยอะทำให้เราซื้อง่ายขึ้น เพราะเราเจอแบรนด์ที่ใช่แล้ว สไตล์การชอปปิ้งจึงไม่ค่อยหลุดจากแบรนด์โปรดเท่าไหร่นัก แต่บางทีก็ไปจตุจักรด้วยนะ ชอบได้กระเป๋าผ้าสไตล์เป้ และย่ามเก๋ๆ จากที่นั่น”

:: ไอเท็มที่ขาดไม่ได้
“ถ้านอกจากเสื้อผ้าชิ้นที่เป็นพลีต แล้วก็คงเป็นเครื่องประดับ ชิ้นที่ชอบมากที่สุดคือต่างหูและสร้อยข้อมือ เป็นชิ้นที่แวบขึ้นมาก่อนเลยว่าต้องใส่ บางทีเครื่องประดับก็ทำให้ชุดเรียบๆ ของเราดูมีอะไรมากขึ้น เช่น ต่างหูก็ช่วยเสริมใบหน้า สร้อยข้อมือก็ช่วยให้ลุคนั้นดูสนุกสนาน อย่างตอนนี้ที่กำลังนิยมใส่หินนำโชคกันก็มีบ้างแต่ไม่มาก เราเน้นสไตล์ที่เราชอบจริงๆ มากกว่า”

กฤษฎิ์ จิระเกียรติวัฒนา “สีสันของชีวิต คือการสนุกกับการแต่งตัว”

หากจะให้พูดถึงแฮร์สไตลิสต์ที่บรรดาเซเลบริตี้ไว้ใจและฮอตที่สุดในตอนนี้ เห็นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “ก้อง-กฤษฎิ์ จิระเกียรติวัฒนา” เจ้าของ Hive Salon หนึ่งในแฮร์สไตลิสต์รุ่นใหม่ไฟแรง และด้วยหน้าตาหล่อเหลาและการแต่งตัวอันเป็นเอกลักษณ์ที่เท่และหรู แบบ Street Luxury จึงทำให้เขามียอด Follow ในอินสตาแกรมของเขาพุ่งขึ้นเป็นหลักแสนซึ่งก็ไม่น้อยหน้าเซเลบเลยทีเดียว

:: นิยามสไตล์ของตัวคุณ
จริงๆ แล้วในชีวิตประจำวันผมแต่งตัวสบายๆ เน้นความคล่องตัว ใส่เสื้อยืด กางเกงวอร์ม กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ แล้วก็ใส่หมวก อันนี้คือภาพที่คนจำได้ ที่ผมชอบใส่หมวกเพราะว่าเวลาทำงานไม่อยากมาวุ่นวายกับผมของตัวเอง ก็เลยใส่หมวกซะเลย แต่คนส่วนใหญ่มักจะติดภาพที่เราแต่งตัวเต็ม แต่ลุคจัดเต็มแบบนั้นผมมักจะใส่เวลาไปงานหรือเดินทางไปต่างประเทศเท่านั้น สไตล์ที่ผมชอบคือ Street Luxury ซึ่งมันสามารถใส่ได้ในชีวิตประจำวันและสามารถใส่ไปงานอีเวนต์ต่างๆ ได้ด้วย

:: กว่าจะถึงจุดที่ลงตัวอย่างทุกวันนี้ มีจุดพลาดของชีวิตบ้างไหม?
ผมว่าผมผ่านจุดพลาดมาก็เยอะ ตอนที่ย้ายไปเรียนที่สหรัฐอเมริกาแรกๆ ผมอยู่แคลิฟอร์เนีย คนที่นั่นเขาจะแต่งตัวแนวสเกตบอร์ด ผมก็แต่งบ้างทั้งๆ ที่ไม่ใช่แนวนั้นเลย มานั่งดูรูปสมัยก่อนก็ขำดี พอมาสมัยเซ็นเตอร์พอยต์เปิดแรกๆ นักร้องค่ายโดโจซิตี้กำลังดัง เขาฮิตพวกรองเท้าส้นเตารีด กางเกงสามมิติ เสื้อผ้าสีๆ ลูกปัด ผมสีจัดๆ ซึ่งผมก็ทำหมด ด้วยความที่เราเป็นคนสนุกกับแฟชั่นในยุคนั้นๆ ก็เลยไม่ได้รู้สึกเขินในการแต่งตัว มีอะไรมาลองหมดทุกเทรนด์ ช่วงไหนอยากจะดู Preppy ก็จะใส่สูททุกวัน หลังๆ มาผมรู้สึกว่าโตขึ้น ก็เลยเริ่มใส่ชุดที่ดู Formal มากขึ้น

:: สิ่งที่แสดงออกถึงความเป็นคุณที่สุด
ผมชอบใส่เสื้อฮูดดี้ หมวก รองเท้าผ้าใบ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะจำได้ เคยมีคนที่ Follow อินสตาแกรม แท็กรูปเรามาให้ คือเห็นจากด้านหลังเขาก็จำได้ว่าเป็นผม ผมจะชอบใส่รองเท้าผ้าใบ แล้วก็มีเยอะมาก แต่ก่อนผมเก็บสะสมรองเท้าของ Christian Louboutin มีประมาณ 50-60 คู่ แต่ตอนนี้หยุดซื้อแล้ว หันมาซื้อรองเท้าเบสิกๆ อย่าง รองเท้า Nike สีขาวสะอาดๆ ใส่แล้วมันเข้ากับเสื้อผ้าได้หลายแบบ ถ้าคู่ไหนดีจะซื้อมา 2 คู่เลย

:: แรงบันดาลใจการแต่งตัวในแต่ละวัน
ผมสนุกกับการแต่งตัวในแต่ละวัน มันช่วยเติมสีสันในชีวิตประจำวันให้เรา ช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตไปกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เวลาผมแต่งตัวผมจะทำความรู้จักกับตัวเองก่อนว่าชอบอะไร รูปร่างตัวเองเป็นอย่างไรของบางอย่างมันไม่ได้เข้ากับหุ่นของเรา ผมไม่ใช่คนสูง ขายาวเหมือนนายแบบ ถึงจะเป็นแบรนด์เนมราคาแพงแค่ไหนมันก็อาจไม่รอดก็ได้ ที่สำคัญควรรู้จักกาลเทศะและสถานที่ที่ไปด้วย

:: แหล่งชอปปิ้งสุดโปรด
ถ้าเป็นที่เมืองไทยผมมักจะไปซื้อที่ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี หรือไม่ก็เซ็นทรัล ชิดลม เพราะอยู่ใกล้ๆ ร้านผม บางทีผมไม่มีเวลาก็ซื้อที่ใกล้ๆ แต่ส่วนมากผมจะไปชอปที่เกาหลีบ่อยมาก เพราะมีเพื่อนที่ทำงานเกี่ยวกับวงการแฟชั่นเยอะ
ก็เลยรู้สึกสนุกกับการซื้อของที่โน่น ไปแต่ละครั้งมักจะได้ของที่เขาทำมาเอ็กซ์คลูซีฟ เฉพาะเกาหลีกลับมาด้วย เช่น กระเป๋าของ Proenza Schouler สีแปลกๆ ที่ไม่มีในชอปที่เมืองไทย ที่ชอปยังแปลกใจเลยว่ามีสีนี้ด้วยเหรอ ผมว่าที่เกาหลีแฟชั่นเสื้อผ้าผู้ชายมันสนุกและจัดจ้านดี ส่วนที่โตเกียวผมก็ชอบเพราะขนาดเสื้อผ้าแบกะดินคุณภาพและคัตติ้งดีเลย นอกจากนี้ ที่ฝรั่งเศส อังกฤษ ก็ยังไปได้เรื่อยๆ และมักจะได้รองเท้ามาซะส่วนใหญ่

:: แบรนด์สุดโปรด
ผมชอบตัวของดีไซเนอร์มากกว่าตัวแบรนด์ รู้สึกว่าดีไซเนอร์เป็นคนทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก ดีไซเนอร์ที่ผมชอบ คือ Hedi Slimane ตอนเรียนปี 3 Dior Homme กำลังดัง ผมก็เริ่มรู้จักเขาและสะสมเสื้อผ้าของเขาเกือบทุกคอลเลกชัน กางเกงยีนส์มีทุกรุ่น จำชื่อรุ่นได้หมด จนเขาออกจาก Dior Homme ก็เลยเลิกใช้ พอตอนนี้เขามาทำ Yves Saint Laurent ผมก็มาตามคอลเลกชันของเขาอีกครั้ง Tom Ford ผมก็ชอบ และปลื้มเขามากตอนเขาทำ Gucci พอย้ายมา YSL ผมก็บ้าซื้ออีก :: Text by FLASH

Special Thanks : Hive Salon อาคาร The Portico โทรศัพท์ 0-2652-0956 ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการถ่ายภาพ
กำลังโหลดความคิดเห็น