>>หากเปรียบความสัมพันธ์ระหว่าง “แนท-วสุ วิรัชศิลป์” กับ “โบ-จุฑาธรรม จิราธิวัฒน์” เป็นการเดินทางบนถนนสายความรัก ตลอดสองข้างทางของถนนเส้นนี้ย่อมเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมหลากดีไซน์หลายหน้าตา ที่สลับกันโผล่ขึ้นมาเป็นฉากหลัง เพื่อถักทอและเชื่อมโยงความรักของหนุ่มสาวผู้มีใจรักในศิลปะและงานสถาปัตยกรรมคู่นี้ จากที่เคยต่างคนต่างเดินทางบนถนนคนละเส้น ให้มาบรรจบและทอดยาวเป็นเส้นทางแห่งการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นบนท้องฟ้า
ไม่ว่าคุณจะอยู่หรือไม่อยู่ในวงการสถาปัตยกรรม หากคุณเป็นผู้ที่สนใจข่าวสารในแวดวงสังคมอยู่บ้าง น่าจะพอคุ้นชื่อ “วสุ วิรัชศิลป์” สถาปนิกรุ่นใหม่เจ้าของผลงานการออกแบบที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ เจ้าของ VaSLab Architecture สตูดิโอที่มีสถานะไม่ต่างจากห้องทดลองงานออกแบบทางสถาปัตยกรรม ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับนานาชาติ
ยกตัวอย่างผลงานการออกแบบอย่าง Casa de la Flora บนหาดบางเนียง อำเภอเขาหลัก จังหวัดพังงา ที่มีรางวัลสาขา Best Architecture of Thailand จากประเทศมาเลเซียไว้การันตี นอกจากนี้ วสุยังเป็นอาจารย์สอนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และมักได้รับเชิญไปงานสัมมนาและงานแฟร์เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมอยู่เสมอ
เช่นเดียวกับงาน World Architecture Festival ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งในปี 2555 เขาได้รับเชิญให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินงานออกแบบ จึงเป็นอีกครั้งที่วสุต้องออกเดินทางไปยังดินแดนที่เขาคุ้นเคย
แต่การเดินทางครั้งนี้ต่างจากครั้งอื่นๆ ในชีวิต เมื่อเพื่อนสนิทคนหนึ่งซึ่งทำงานอยู่ที่บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) โทรศัพท์มาบอกว่ากำลังจะเดินทางไปร่วมงานนี้เช่นกัน โดยเขาเดินทางไปกับญาติสนิทอีกคนหนึ่ง “แล้วเจอกันที่สิงคโปร์” เป็นประโยคทิ้งท้ายจากเพื่อนซี้ที่ราวกับจะแฝงนัยสำคัญบางประการ
วสุสบตากับความสำคัญที่ซ่อนไว้ในประโยคดังกล่าวบนเครื่องบินในช่วงไม่กี่นาทีก่อนออกเดินทาง เมื่อเพื่อนของเขาพาหญิงสาวคนหนึ่งมาแนะนำให้รู้จักในฐานะหนึ่งในผู้ร่วมทริป วสุจำผู้หญิงคนนี้ได้ทันที “ใช่น้องโบหรือเปล่าครับ” ก่อนที่เขาจะค่อยๆ รื้อฟื้นความทรงจำครั้งเก่าให้กลับมาทำงานอีกครั้ง
“ผมจำได้ว่าเคยเจอเขาครั้งหนึ่งในงานอีเวนต์ ตอนนั้นผมยืนอยู่กับเพื่อนรุ่นพี่ที่เอ่ยทักเขาว่าน้องโบเป็นยังไงบ้าง ผมเลยแอบจำชื่อไว้ว่าผู้หญิงคนนี้ชื่อโบ” คุณแนทรำลึกถึงวันแรกที่เจอกับ โบ-จุฑาธรรม จิราธิวัฒน์ หญิงสาวผู้กลายมาเป็นคนรักของเขาในเวลาต่อมา “แต่ที่จริงเราเคยเจอกันแล้วเมื่อ 12 ปีก่อน ตอนนั้นผมเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วันนั้นโบมาเที่ยวหาเพื่อนเขาซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่ผมสนิทด้วย ปรากฏว่าเพื่อนคนนี้ก็เป็นเพื่อนสนิทของโบเหมือนกัน น่าเสียดายที่วันนั้นผมกำลังสอนอยู่เลยไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกัน”
“วันที่เจอกันบนเครื่องบิน โบยังถามเขาเลยว่ารู้จักเมย์หรือเปล่า เพราะพอเจอหน้าเขาก็เริ่มคุ้นๆ ว่าคนนี้คืออาจารย์แนทที่เมย์เคยพาไปเจอสมัยยังเป็นนักศึกษา” คุณโบช่วยทบทวนความทรงจำในวันแรกพบ ซึ่งหลังจากทักทายกันบนเครื่องบิน ตลอด 3 วันของการใช้ชีวิตในสิงคโปร์ ทั้งคู่มีโอกาสไปดูงานนิทรรศการต่างๆ ด้วยกัน รวมถึงการรับประทานอาหารและแฮงเอาต์โดยแวดล้อมด้วยญาติๆ และกลุ่มเพื่อน ก่อนที่คุณแนทจะเริ่มต้นสานต่อความสัมพันธ์อย่างจริงจัง เมื่อเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ ประเทศไทย
“ผมยอมรับว่าชอบเขาตั้งแต่แรกเห็น ยังแอบกระซิบถามเพื่อนเลยว่าคนนี้ผมจีบได้ไหม” ชายหนุ่มยิ้มเขินในแววตา “น้องโบเป็นผู้หญิงสวยสง่า ในขณะเดียวกันก็ดูน่ารักและจริงใจ ซึ่งตรงสเปกผม”
“ส่วนโบยังไม่ได้รู้สึกปิ๊งหรือชอบพี่แนทตั้งแต่แรกพบ” คุณโบชี้แจง “แค่รู้สึกว่าเขาหล่อ เท่ดี และเป็นสถาปนิกที่มีผลงานแปลกแหวกแนวดี โบเป็นคนที่ต้องศึกษาและรู้จักนิสัยใจคอของอีกฝ่ายให้มากพอเสียก่อนจึงจะรู้สึกรักหรือชอบได้” ซึ่งนั่นไม่ใช่อุปสรรคแต่อย่างใด เพราะคุณแนทได้จัดเตรียม “ตารางกิจกรรมแห่งการทำความรู้จัก” อย่างต่อเนื่องเป็นที่เรียบร้อย
ตารางกิจกรรมดังกล่าวได้แก่ งานนิทรรศการหรืออีเวนต์ที่เกี่ยวกับศิลปะและสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่จะจัดขึ้นในหอศิลป์ แกลเลอรี หรือมหาวิทยาลัยต่างๆ ด้วยความที่คุณโบเองก็เรียนจบมาทางด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยตรง ทั้งยังเคยทำงานในตำแหน่ง Project Manager ที่ Sasaki Associates เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา นานถึง 3 ปี ทำให้หัวข้อที่เขาและเธอมีความสนใจเหมือนกัน โดยไม่ต้องใช้ความพยายามในการปรับหรือเปลี่ยนตัวเองแต่อย่างใด
กิจกรรมก่อสัมพันธ์
“เมื่อผมรู้ว่าต้องเอาเรื่องของงานดีไซน์ งานอีเวนต์ที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ หรือแม้กระทั่งคลาสพิเศษที่สถาปนิกชาวต่างชาติมาเลกเชอร์ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ มาเป็นข้ออ้างในการได้เจอโบ ผมก็จดโน้ตไว้หมดเลยว่าจะมีงานไหนเกิดขึ้นวันไหนบ้าง หรือแม้กระทั่งบางงานที่ผมต้องเป็นคนเลกเชอร์เอง ผมก็ชวนโบมาฟัง เราสองคนเลยมีทอปปิกให้คุยกันเยอะ” ฝ่ายชายเล่าด้วยน้ำเสียงสนุก ถึงคืนและวันที่ทั้งคู่ค่อยๆ ทำความรู้จักกันและกันมากขึ้นเรื่อยๆ “หรือแม้แต่การดูหนัง เราก็เลือกดูหนังที่เกี่ยวข้องกับสถาปัตยกรรมเป็นตัวเลือกแรกเวลาไปแฮงเอาต์ด้วยกัน เพื่อจะได้มีเรื่องคุยกันมากขึ้น”
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในช่วงครึ่งปีแรกที่ทั้งคู่เริ่มคบหาดูใจกัน ด้วยภาระงานที่รัดตัวของจุฑาธรรม ที่รั้งตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) จึงต้องประจำการอยู่ในห้องประชุมของบอร์ดผู้บริหารเป็นหลัก ทำให้สถาปนิกหนุ่มเจ้าของออฟฟิศส่วนตัวต้องจัดสรรตารางเวลาเสียใหม่ เพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับหญิงคนรักมากเท่าที่คนทั้งคู่ต้องการ
“ช่วงที่คบกันแรกๆ เป็นช่วงที่โบเครียดมากเพราะงานหนักมาก ต้องอยู่เคลียร์งานที่ออฟฟิศจนดึกดื่นแทบทุกวัน พี่แนทก็ต้องมานั่งรอที่ออฟฟิศ คอยซื้อกับข้าวมาให้กิน เขาทำตัวเป็นพ่อบ้านที่ดีมาก” ฝ่ายหญิงเผยถึงความประทับใจ
“ผมจัดตารางชีวิตตัวเองได้ง่ายกว่าเขาที่เวลาจะประชุมแต่ละครั้งต้องเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก ปลีกตัวได้ยากกว่า ขณะที่ผมหาเวลามาดูแลเขาได้ง่ายกว่า ความสัมพันธ์ของเราเลยเวิร์กด้วยเหตุนี้ ไม่งั้นถ้าต่างคนต่างยุ่งจนไม่มีเวลาให้กันเราก็คงไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน”
“พอเริ่มรู้จักกันมากขึ้น ทำให้โบเริ่มรู้สึกสบายใจและเกิดความไว้วางใจเวลาได้อยู่กับพี่แนท เขาเป็นผู้ชายอบอุ่น จริงใจ และคุยสนุก เข้ากับเพื่อนๆ และญาติโบได้ทุกคน แถมยังดูแลโบดีมาก แค่โบไม่สบาย เริ่มมีอาการไอเล็กน้อย ตอนบ่ายพี่แนทก็ให้เมสเซนเจอร์วิ่งมาส่งยาแก้ไอให้กินแล้ว”
“สำหรับผม เขาทำให้หัวใจเรากลับมากระปรี้กระเปร่าเหมือนเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง” สุภาพบุรุษสุดโรแมนติกกล่าว ทั้งยังเสริมอีกว่าสำหรับเขา การได้ใช้เวลาด้วยกันแม้จะเป็นในสถานที่ทำงานหรือแค่อยู่บ้านด้วยกันก็ถือเป็นการออกเดตแล้ว
“ผมว่ามันเป็นเรื่องของการได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากกว่า อย่างน้อยในแต่ละวันเขาต้องกินข้าวแน่นอน ต่อให้ยุ่งแค่ไหนก็ต้องหาเวลากินข้าว งั้นแทนที่จะต้องไปข้างนอก ผมก็เลือกที่จะพาตัวเองเข้าไปกินข้าวกับเขาถึงที่แทน แล้วก็ให้เขาพูดคุยระบายเรื่องต่างๆ ในแต่ละวันออกมา ซึ่งก็ระบายเยอะเหมือนกันนะช่วงแรก” คุณแนทหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“อย่างน้อยที่สุด แค่ได้ใช้เวลาขับรถจากออฟฟิศกลับบ้านด้วยกันก็มีความสุขแล้วค่ะ พี่แนทชอบขับรถไปส่งโบที่บ้านเสมอ ก่อนที่ตัวเองจะนั่งแท็กซี่กลับคนเดียว” หญิงสาวที่งานยุ่งจนแทบจะไม่มีเวลาเล่าถึงไม่กี่นาทีแห่งความสุขที่เกิดขึ้นบ่อยจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันในที่สุด
สู่สถานภาพที่ลงตัว
เพราะความรักครั้งนี้ไม่ใช่ความวูบไหวเพียงชั่วครั้งชั่วคราว หรือเป็นรักแรกพบที่ชวนตื่นเต้นเพียงชั่วข้ามเดือนก่อนเสน่หาจะจางหายไป ทั้งวสุและจุฑาธรรมต่างพานพบประสบการณ์ชีวิตที่ช่วยหล่อหลอมให้เขาและเธอเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ความสัมพันธ์ครั้งนี้จึงดำเนินไปอย่างเสถียรมั่นคง ทั้งทางความรู้สึกและสถานภาพทางสังคม
“ผมคิดว่าความลงตัวระหว่างเราสองคนเกิดขึ้นด้วยอายุของทั้งคู่ที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว และต่างก็มีหน้าที่การงานมั่นคง ผมว่านี่เป็นจังหวะที่ดีมากในการที่เราโคจรมาพบกัน ต่างจากความรักในช่วงวัยรุ่นที่ไม่ได้ลึกซึ้ง ไม่ได้มีการมองอนาคตร่วมกันเสียทีเดียว
แต่สำหรับความรักครั้งนี้ ผมมองไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าถ้าเราเข้ากันได้ดีทุกอย่าง มันมีแนวโน้มสูงที่เราจะได้แต่งงานกัน ต่อยอดสู่การสร้างครอบครัวและมีความสุขร่วมกัน” โทนเสียงสนุกและร่าเริงของวสุปรับสู่โหมดเข้มขรึมและจริงจังไปตามความรู้สึก “ความรักครั้งนี้ดำเนินไปอย่างจริงจังแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะพอเป็นผู้ใหญ่แล้วเราคงไม่ส่งภาษาจีบมากจนเกินงาม และโบก็ไม่ชอบให้คนมาตื๊อด้วย”
“โบว่าเราสองคนค่อนข้างสเตเบิล” เธอขยายความถึงเสถียรภาพของคนสองคน “ไม่เหมือนการเป็นคนรักกันในสมัยที่เรายังเด็กกว่านี้ที่อาจจะมีดราม่า เล่นเกมใส่กัน ทดสอบความรู้สึกให้งอนหรือหึงกัน ซึ่งไม่เกิดสถานการณ์แบบนั้นขึ้นระหว่างเราทั้งคู่เลย อีกอย่างคงเป็นเพราะเราเป็นตัวของตัวเองตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน ทำให้ไม่ต้องมานั่งปรับตัวกันทีหลัง และไม่ต้องพยายามจะเป็นในแบบที่อีกฝ่ายต้องการ”
ด้วยเคมีที่ลงตัวบวกความพร้อมในทุกๆ ด้าน องค์ประกอบทั้งหมดจึงขมวดลงตัวตรงการแต่งงานเพื่อใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างถูกต้องตามประเพณี ซึ่งฝ่ายชายผู้ชื่นชอบในการสร้างเซอร์ไพรส์มัดใจหญิงสาวไม่ปล่อยให้โมเมนต์นี้ธรรมดาอย่างแน่นอน
“ถ้าจำไม่ผิด วันนั้นเป็นวันที่ 27 ธันวาคม ซึ่งเราสองคนนัดกันว่าจะไปรับประทานอาหารเย็นและแลกของขวัญปีใหม่กันอยู่แล้ว ผมเลยบอกเขาว่าเดี๋ยวเย็นนี้ผมไปรับ จากนั้นก็นำรถลีมูซีนของโรงแรมไปรับ โดยให้เขาปิดตาตลอดทาง แต่เขากลับจำเส้นทางได้ก่อนจะถึงที่หมายนิดเดียว” คุณแนทกลับมาเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงสนุกอีกครั้ง และแสดงสีหน้าผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเซอร์ไพรส์แรกล้มเหลว เมื่อคุณโบเดาถูกเสียก่อนว่าคืนนี้เขาพาเธอมาดินเนอร์ ณ โรงแรม เดอะ สยาม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เท่ากับว่ายังเหลืออีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ในกล่องของขวัญที่รอให้สาวเจ้าเป็นคนเปิด
“พอถึงช่วงแลกของขวัญ ผมก็เปิดของผมก่อน ซึ่งโบให้ผ้าพันคอเป็นของขวัญ พอถึงคราวที่เขาต้องเปิดกล่องบ้าง ผมก็อาสาเอามาเปิดให้ โดยอ้างว่าสีเล็บของเขาจะได้ไม่ถลอก พอผมเปิดกล่องออกมาเป็นแหวนแต่งงาน ผมก็ลงไปคุกเข่าพร้อมกับพูดว่า Will you marry me? แล้วน้องโบก็ตอบว่า Yes ถือเป็นโมเมนต์ที่ดีที่สุดในชีวิตผมก็ว่าได้” เราเชื่อว่ารอยยิ้มของเขา ณ ขณะเล่า เจือด้วยร่องรอยของความสุขไม่ต่างจากวินาทีสุดพิเศษในคืนนั้น
“ที่จริงโบก็แอบรู้สึกนิดนึงนะว่าต้องมีอะไรพิเศษ แค่ให้ปิดตาก็เริ่มแปลกใจแล้ว แต่ไม่คิดว่าพี่แนทจะขอโบแต่งงาน”
“แต่โบก็ไม่รู้ใช่ไหมล่ะ แสดงว่าพี่แนทเซอร์ไพรส์ได้สำเร็จ” เขานึกกระหยิ่มอย่างมีชัย
“สิ่งที่ประทับใจมากกว่านั้นคือ แหวนวงนี้เป็นวงที่โบชอบ แต่ตอนนั้นมัวแต่ลังเลจนไม่ได้ซื้อกลับมา เลยดีใจที่พี่แนทจำได้ว่านี่คือแหวนวงที่เราชอบ และอุตส่าห์กลับไปที่ร้านเพื่อซื้อมามอบให้เรา” หญิงสาวอมยิ้มให้กับความพิเศษบนเรียวนิ้วที่เป็นมากกว่าเซอร์ไพรส์ในความรู้สึกของเธอ
ผ่านพ้นชั่วโมงต้องมนต์ที่คนสองคนตกลงใจว่าจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันเป็นที่เรียบร้อย ก็ดำเนินมาถึงขั้นตอนการจัดการให้งานแต่งงานเกิดขึ้น ทั้งงานพิธีการที่จัดขึ้นเพื่อให้เกียรติครอบครัวของทั้งสองฝ่าย ซึ่งทั้งพิธีหมั้นและงานฉลองมงคลสมรสถูกจัดขึ้น ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กับอีกหนึ่งงานฉลองมงคลสมรสที่จัดขึ้นริมชายทะเลในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นวิวาห์ในฝันอย่างที่ทั้งคู่ต้องการ
“ผมคิดมาตลอดว่าถ้าผมเจอคนที่ผมรักและอยากจัดงานแต่งงานขึ้นอีกครั้ง ผมอยากมี Beach Wedding แต่งงานแบบคริสเตียน ในบรรยากาศที่สวยงามและลึกซึ้ง ซึ่งโบเองก็ชอบแบบเดียวกัน และเราอยากจัดงานเล็กๆ เชิญแขกสัก 200 คน เพื่อให้บรรยากาศในงานอบอุ่นและเป็นกันเองมากที่สุด”
และตามแผนการลำดับถัดไป ไม่แปลกหากทั้งคู่จะคิดเรื่องการมีทายาทไว้สืบสกุล
“สำหรับผมมีลูกสาวหรือลูกชายก็ได้ครับ ถ้าเป็นลูกสาวก็น่าจะน่ารักดี คงขี้อ้อน ส่วนลูกชายคงน่ารักซนๆ ไปอีกแบบ”
“ส่วนโบอยากได้ลูกสาวกับลูกชายอย่างละคน จะได้เหมือนโบกับพี่ชายที่โตมาด้วยกัน จะได้มีเพื่อนเล่น และช่วยดูแลกันต่อไป” คุณโบเน้นย้ำถึงความรักและสนิทสนมระหว่างเธอกับ ดร.ธรรม์ จิราธิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) พี่ชายที่อยู่เคียงข้างกันตั้งแต่เล็กจนโต ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายไปสร้างครอบครัวของตัวเอง
ชีวิตบทใหม่กำลังเริ่มต้น
บนชั้น 57 ของคอนโดมิเนียมหรูบนถนนสาทร คือเรือนหอขนาด 3 ห้องนอนของวสุและจุฑาธรรม ทั้งคู่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา รายละเอียดของข้าวของต่างๆ ภายในห้องจึงยังไม่ลงตัวนัก แต่ก็เจือไว้ซึ่งรสนิยมของคนรักศิลปะที่คัดสรรเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นเพื่อนำมาจัดวางอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นภาพเขียนประดับห้อง ที่เป็นผลงานของ ไทวิจิตร พึ่งเกษมสมบูรณ์ และกิติก้อง ดิลกวัฒโนทัย ชั้นวางโทรทัศน์ที่หอบหิ้วมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยดีไซน์เรียบเท่ที่สร้างขึ้นเลียนแบบกรอบสำหรับตั้งงานเพนติ้งขนาดใหญ่ และบางส่วนก็เป็นของส่วนตัวของวสุที่ขนย้ายมาจากบ้านของเขา เช่น โคมไฟ และเดย์เบดหนังวัวตัวเขื่อง ส่วนมุมโปรดที่สุดตอนนี้ของทั้งคู่คือ บริเวณโซฟาเบดตัวใหญ่ ที่มีขนาดไม่ต่างจากเตียงหนึ่งหลัง เหมาะสำหรับการเอนหลังนอนชมภาพยนตร์และซีรีส์ได้แบบยาวๆ
“หนึ่งในกิจกรรมที่เราชอบเหมือนกันคือ การฟังเพลง” คุณแนทเล่าถึงกิจกรรมยามว่างของทั้งคู่
“ผมชอบฟังเพลงจากแผ่นเสียงอยู่แล้ว จึงมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงไว้ติดบ้าน แต่แนวที่ฟังจะต่างกัน ผมชอบฟังเพลงป็อปยุค 80’s ส่วนโบจะชอบฟังแจ๊สมากกว่า จึงสลับกันฟังเพลงแต่ละแนวที่ต่างคนต่างชอบ เช่นเดียวกับการออกกำลังกาย ที่โบเขาชอบตีเทนนิสมาก ผมเองก็เคยเป็นคนบ้าออกกำลังกายอย่างหนักมาก่อน แต่ช่วงหลังที่งานเยอะเลยห่างหายไปบ้าง ก็ได้โบช่วยทำให้ผมกลับมาเริ่มออกกำลังกายสม่ำเสมออีกครั้งหนึ่ง”
“นอกนั้นเราก็ยังไปงานแฟร์ หรือดูนิทรรศการศิลปะต่างๆ ด้วยกันเหมือนเดิม มีไปดินเนอร์นอกสถานที่บ้าง และอีกหนึ่งกิจกรรมที่ชอบมากด้วยกันทั้งคู่คือ ไปนวดค่ะ” คุณโบยิ้มปิดท้ายคำตอบ ก่อนที่เราจะถามคำถามสุดท้ายว่าชีวิตหลังแต่งงานเปลี่ยนไปแค่ไหน
“เดิมโบเคยอยู่ในคอนโดมิเนียมแบบคอมเพล็กซ์ของตระกูลที่แต่ละครอบครัวแยกกันอยู่คนละยูนิต โบก็จะอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ แต่ก็ไม่ไกลจากที่นี่ค่ะ อยู่บนถนนสาทรเหมือนกัน ตอนนี้ก็ยังย้ายของออกมาไม่หมดเลย คิดว่าคงกลับไปอยู่บ้านในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ถามว่าต่างจากเดิมไหม ก็คงต่าง เพราะปกติเคยชินและรู้สึกสบายดีกับการนอนคนเดียว”
“แล้วนอนสองคนไม่สบายเหรอ” สามีกระเซ้าเล็กน้อย “สำหรับผมย้ายออกจากบ้านเดิมที่เคยใช้เป็นโฮมออฟฟิศ ตอนนี้ที่นั่นก็กลายเป็นออฟฟิศเต็มตัว ส่วนตอนนี้ ที่นี่คือบ้านที่แท้จริงของผม” เช่นเคยที่สถาปนิกมาดเท่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีปิดท้ายประโยค :: Text by FLASH
Credit
นายแบบ & นางแบบ :: วสุ วิรัชศิลป์ และจุฑาธรรม จิราธิวัฒน์
แต่งหน้า :: ศศิณา เมลเดอร์ และชิษณุพงศ์ พันพิพัฒน์ จากเครื่องสำอางลอร่า เมอร์ซิเออร์ (Laura Mercier) โทรศัพท์ 0-2610-7726
สถานที่ :: The Met Sathorn โทรศัพท์ 08-1815-9513
ช่างภาพ :: กมลภัทร พงศ์สุวรรณ
Special Thanks :: ภาพพิธีแต่งงานที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ จากทีมช่างภาพ Narakorn Photography โทรศัพท์ 09-3445-5555 และภาพพรีเวดดิ้งที่โรงแรมศาลา อยุธยา จาก Kachain Wongleamthong (คเชนทร์ วงศ์แหลมทอง)