ใครจะเชื่อว่าท่ามกลางแสงสีวงการ “มายา” ที่เต็มไปด้วย “สิ่งเร้า” ฉุดรั้งผู้คนที่เข้ามาให้เสียหายไปแล้วมากมาย กลับไม่อาจดึง อวบอ้วน-พิรศักดิ์ ชุมสาย ณ อยุธยา ได้ อาจเป็นเพราะธรรมที่ซึมลึกในจิตใจ ทำให้หนุ่มคนนี้มีความคิดสวนทางกับวัยรุ่นทั่วไป ทุกวันนี้ หลังงานประจำที่ทำแล้ว เขามีความสุขกับการนั่งสมาธิ และการได้สะสมองค์พระพิฆเณศจำนวนมาก เพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจในยามที่อ่อนล้า
สัปดาห์นี้เรามีนัดกับหนุ่มหน้าใสเจ้าของความสูง 2 เมตร อวบอ้วน-พิรศักดิ์ นายแบบ-นักแสดงอิสระ ที่ฝากผลงานเรื่อง รัก An Ordinary Love Story ที่ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจ เปิดบริษัท ทูเกทเตอร์ บียอน (Together Beyond Co., Ltd.) ประกอบธุรกิจโฮลดิ้งคอมปะนี ที่มีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่นเป็นหลัก เพื่อพูดคุยถึงเรื่องราวชีวิตที่ยึดติดธรรมะและองค์พระพิฆเนศของเขา
อวบอ้วนเป็นลูกชายคนเล็กของ สุวัฒน์ สุขสงเคราะห์ กับ จินดารัตน์ (ปาริชาติ) ชุมสาย ณ อยุธยา เขาเริ่มต้นเล่าว่า ช่วง 2 ปีที่หยุดพักงานด้านการแสดงไป เขาทุ่มเทเวลาให้กับงานที่บริษัทอย่างเต็มที่ แม้งานดูเหมือนหนักเกินวัย 20 ปีอย่างเขา หากแต่อวบอ้วนบอกว่าไม่เคยมีเวลาเครียด เพราะทุกวันนี้เขามีความสุขกับงานที่ทำ หากวันไหน งานมีปัญหาก็จะปรึกษาสุวัฒน์ผู้เป็นพ่อ เมื่อทุกอย่างแก้ไขได้แล้ว เขาจะหาเวลาว่าง เดินทางไปไหว้พระ นั่งสมาธิ หรือหากมีเวลาว่างก็ไปปฎิบัติธรรมทันที
สำหรับเรื่องธรรมะนั้น พ่อปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ทุกวันเขาจะต้องนั่งสมาธิ ถ้าวันไหนว่าง พ่อก็จะพาไปไหว้พระ ปฏิบัติธรรม จากที่เริ่มแรกเขารู้สึกเหมือนถูกบังคับ ก็กลับกลายเป็นความชอบ จากความชอบก็กลายเป็นศรัทธา และต้องทำทุกวันจนกลายเป็นกิจวัตรที่ขาดไม่ได้
“ผมก็ซึมซับตั้งแต่นั้นมา จนมาเข้าวงการ ถึงวันนี้ก็ยังทำอยู่ สิ่งที่ได้คือความสบายใจ รู้สึกดีขึ้น เวลาที่เข้าวัดรู้สึกว่าทุกอย่างมันโล่งไปหมด เหมือนเราได้ความเย็นใจจากที่เราได้ทำบุญ แล้วการที่ผมไปทำบุญ ผมไม่ได้ต้องการอะไร แต่ทำเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจมากกว่า"
นอกเหนือจากศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนาแล้ว ตอนนี้อวบอ้วนก็ศรัทธาเรื่องเทพในศาสนาฮินดู อย่าง พระศิวะ พระวิษณุ พระพิฆเนศ และพระแม่อุมาเทวี อีกด้วย โดยอวบอ้วนเล่าว่า เป็นผลมาจากเหตุการณ์ที่เขาได้เจอเรื่องเร้นลับที่ยากจะอธิบายกับตัวเอง
หนุ่มอ้วนเล่าย้อนหลังเมื่อปีที่ผ่านมา ว่า หลังเข้าวงการบันเทิงได้เพียงไม่นาน ขณะขับรถกลับบ้าน ก็ถูกปิคอัพพุ่งชนเข้าตรงด้านที่เขานั่งพอดี “สภาพรถตอนนั้นเละไปหมด ดูแล้วไม่เชื่อว่าคนจะไม่เป็นไรเลย ตอนนั้นผมห้อยพระพิฆเนศที่ นาทีที่รู้ว่ากำลังจะถูกชน ผมภาวนาให้องค์พระพิฆเนศช่วย พอปิคอัพมาปะทะ ผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาบังตัวผม”
หลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้นแล้ว ก็ยังมีเรื่องราวของความเร้นลับที่ยากจะอธิบายอีกหลายเหตุการณ์ อาทิ เมื่อมีปัญหาเรื่องงานที่ทำ ครั้งไหนที่เขาไม่อยากเจอใครแต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาก็อธิษฐานขอองค์พระพิฆเณศทันที และทุกครั้งก็มีเหตุให้คนไม่ดีหายออกไปจากชีวิต
“ตรงนี้ผมว่ามันเป็นเรื่องของความเชื่อ อ้วนเจอมากับตัวเองหลายครั้ง จากที่ไม่เชื่อก็เชื่อและก็ศรัทธา ปีที่แล้วอ้วนฝันเห็นพระพิฆเนศปางเด็กขอตามมาอยู่กับอ้วน ก็ไม่ได้คิดอะไร ถัดมาไม่กี่วันได้พบพระพิฆเณศเหมือนในฝัน จึงบูชามาไว้ที่ห้องทำงาน พร้อมตั้งชื่อตามฝันว่า องค์เบญจมงคล เรื่องพวกนี้หากใครไม่ได้มาสัมผัสเองจะไม่มีทางรู้ และเขาจะมองว่าเรางมงาย”
อวบอ้วนยังบอกอีกว่า นอกจากองค์เบญจมงคลแล้ว เขาก็ยังบูชาพระพิฆเนศปางต่างๆ อีกมากมาย โดยตอนนี้มูลค่ารวมๆ ก็ปาเข้าไปล้านกว่าแล้ว โดยองค์ที่ศรัทธาที่สุดคือ “องค์สิทธิวินายัก”
แม้จะอยู่ในวัยหนุ่มที่ยังสัมผัสกับแสงสี แต่สิ่งที่อวบอ้วนต้องทำเป็นประจำก่อนนอนคือ สวดมนต์ นั่งสมาธิที่บ้าน วันว่างไปไหว้เทพ ที่วัดพระศิวะเจ้า (ตันตระเทวาลัย), วัดพระแม่อุมาเทวี (วัดแขก สีลม) และวัดยานนาวา และหากมีวันหยุดยาว เขาเลือกที่จะไปปฏิบัติธรรมที่ ลานเสียงธรรม นาคนิวาส 40
“ผมคิดว่าตัวเองโชคดี ที่อย่างน้อยได้เลือกดำเนินชีวิตในสิ่งที่ตัวเองชอบ ทุกศาสนาไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธ ฮินดู คริสต์ อิสลาม ก็ช่วยให้เราเป็นคนดี ผมอยากให้เพื่อนหรือน้องๆ ลองหันมาใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ลองชวนกันไปไหว้พระ ฟังธรรมแนวทางนี้จะช่วยให้จิตใจสงบได้จริงๆ ครับ” อวบอ้วน กล่าวทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้มบางๆ
