xs
xsm
sm
md
lg

Doctor Influencer พญ.กนกวรรณ เศรษฐพงศ์วนิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่น่าจับตามอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>จากนิสิตแพทยศาสตร์ เกียรตินิยม อันดับ 1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเจ้าของตำแหน่งรองอันดับ 1 มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ประจำปี 2548 จนมาสู่บอร์ดและอาจารย์ด้านผิวหนังที่สถาบันโรคผิวหนังประเทศไทย และด้วยความที่เป็นคุณหมอเฉพาะทางด้านผิวหนังและเลเซอร์ จึงได้นำความรู้ความสามารถมาเปิดคลีนิกด้านผิวหนังและเลเซอร์ความงาม ชื่อ “เคดิ้โกรว์” (Kediglow) อีกด้วย นับเป็นเจ้าของคลีนิกด้านความงามเพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทย ที่เป็นคุณหมอเฉพาะทางด้านผิวหนังจริงๆ มาตรวจรักษาอย่างใกล้ชิดให้แก่คนไข้

หลายคนคงคิดว่า เวทีการประกวดนางงาม มักจะสร้างโอกาสในวงการบันเทิงได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้ว่าถ้าได้รับตำแหน่งแล้วละก็ คงต้องรีบคว้าโอกาสนี้ไว้เป็นแน่ แต่คงไม่ใช่กับ “หมอเกด-พญ.กนกวรรณ เศรษฐพงศ์วนิช” คุณหมอคนสวย เจ้าของ Kediglow Clinic ซึ่งที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงสถาบันความงามเท่านั้น แต่ยังเป็นคลินิกที่เชี่ยวชาญทางด้านโรคผิวหนังและความงามโดยเฉพาะ

จากรองอันดับ1 มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ปี 2548 สู่การเดินทางเป็นแพทย์หญิงทางด้านผิวหนัง อย่างเต็มตัว ซึ่งไม่ใช่ง่ายเลยที่จะได้คำว่า แพทย์หญิง มาอยู่นำหน้าชื่อของตัวเอง คำๆ นี้มีความหมายมากสำหรับหมอหน้าใส และเพราะเหตุใดที่เธอละทิ้งเส้นทางอันสวยงาม ที่สาวหลายคนใฝ่ฝัน มาสู่การเป็นหมอโรคผิวหนัง

การแพทย์อยู่ในสายเลือด

การเป็นแพทย์ ของ พญ.กนกวรรณ เหมือนจะอยู่ในสายเลือดของเธอ เพราะต้นตระกูลส่วนใหญ่จะเป็นแพทย์ เธอจึงซึบซับมาตั้งแต่เด็กๆ เห็นคุณพ่อรักษาคนไข้ที่อยู่ต่างจังหวัด จึงเกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะช่วยเหลือคนอื่น เธอจึงเลือกสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย "หลังจากที่เรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 แล้วก็ไปทำงานใช้ทุนต่อที่สระบุรีอีก 3 ปี จากนั้นเรียนต่อด้านผิวหนัง เลเซอร์ และความงาม ตอนนี้ก็เป็นอาจารย์อยู่ที่สถาบันโรคผิวหนัง"

“คุณพ่อ คุณแม่ คุณตา คุณปู่ คุณยาย ส่วนใหญ่เป็นแพทย์ เราจึงความใฝ่ฝัน เหมือนเห็นเขามาตั้งแต่เด็กทำให้อยากเป็นเหมือนท่าน ตอนเด็กๆ ช่วงปิดเทอมก็จะไปช่วยคุณพ่อคุณแม่จ่ายยา และดูแลคนไข้ ดังนั้น จึงมีคุณพ่อเป็นไอดอลสำหรับตัวหมอเอง ซึ่งคุณพ่อจะไม่ทำงานในโรงพยาบาลเอกชน แต่จะทำที่โรงพยาบาลของรัฐเพียงอย่างเดียวมาตลอดชีวิตรับราชการจนเกษียณอายุราชการ

...เวลาคุณพ่อทำงาน จะยึดหลักจรรยาบรรณแพทย์อย่างเคร่งครัด เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งไปช่วยที่คลีนิก ด้วยความที่อยู่ต่างจังหวัด ในเขตชนบท แล้วมีคุณยายแก่ๆ คนหนึ่งอายุเยอะและมารักษา แต่แกไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา คุณพ่อก็รักษาให้แกฟรีเลย ภาพแบบนั้นมันยังอยู่ในความทรงจำเราเสมอ พ่อสอนให้เราต้องมีจริยธรรม ต้องเป็นคนดี เราอาจจะไม่ต้องร่ำรวยมาก แต่เราทำด้วยความสบายใจ แล้วเราจะได้รับบุญกุศล” เธอเล่าถึงไอดอลด้วยแววตาเป็นประกายถึงความตื้นตันใจและภาคภูมิใจ

อุดมการณ์เป็นสิ่งนำทาง

จุดประสงค์หลักของการเป็นแพทย์ผิวหนังเป็นการรักษาโรคผิวหนัง เรื่องความสวยความงามนั้นถือเป็นเรื่องรองเลยก็ว่าได้ สาเหตุที่หมอเกดเลือกที่จะเป็นแพทย์ผิวหนัง เนื่องจากอยากช่วยเหลือผู้อื่นที่มีปัญหาด้านนี้ ถึงโรคผิวหนังจะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง แต่มันสามารถสร้างความเจ็บปวดทรมาณ และมีผลต่อจิตใจของผู้ป่วยแตกต่างกันไป

“โรคผิวหนัง อย่าง โรคตุ่มน้ำพองใส โรคสะเก็ดเงิน โรคผื่นผิวหนังอักเสบทั่วร่างกาย โรคเหล่านี้ล้วนสร้างความลำบากในชีวิตประจำวัน และสร้างความเครียดให้กับคนไข้ ตอนที่เป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลในจังหวัดสระบุรี เจอหลายเคสมาก แต่เคสที่อยู่ในความทรงจำเสมอ คือ มีคุณป้าคนหนึ่งเป็นโรคผิวหนังอักเสบระคายเคืองทั่วร่างกาย แกลองใช้สมุนไพรมาหลายขนานก็ยังไม่หาย แถมผิวยังตึง แห้ง ลอก และแสบกว่าเดิม เราก็บอกให้คุณป้าหยุดใช้สมุนไพรและใช้ยาที่หมอให้ไปทา หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์คุณป้าก็กลับมาขอบคุณเรายกใหญ่ อาการเขาดีขึ้นมากจนเกือบหายเป็นปกติ

หรือมีเคสคนไข้อีกรายที่มาหาหมอดด้วยอาการค่อนข้างหนัก มีตุ่มก้อน นูน แดง และเจ็บอยู่ที่บริเวณต้นขาทั้งสองข้าง ก้อนเจ็บใต้ผิวหนังเป็นอะไรที่ค่อนข้างลึก เราก็คิดว่ามันอาจเป็นเรื่องของเส้นเลือดอักเสบใต้ผิวหนัง คนไข้ทรมานมาก เราเห็นแล้วรู้สึกสงสาร หมอก็เลยต้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจดู เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง พยายามให้กำลังใจเขา จนวันหนึ่งคนไข้กลับมา บอกว่าหายแล้วด้วยใบหน้าแววตาที่สดใส ทำให้หมอรู้สึกดีใจมาก ดีใจกว่าคนไข้เสียอีก”

แพทย์หญิงยังบอกอีกว่า รางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับคนเป็นหมอ ก็คือการที่คนไข้หายเป็นปกติ มีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้คนเป็นหมอมีกำลังใจในการทำงาน ถ้าคนไข้ยังไม่หายหรือดีขึ้น คนที่เครียดกว่าคนไข้ก็คือ ผู้ที่ทำการรักษานั่นเอง คุณหมอจะเอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดว่าหากตัวเองเป็นคนไข้ก็คงรู้สึกเจ็บปวด ทรมานเหมือนกัน ดังนั้น เธอจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยเหลือคนไข้ โดยเธอกล่าวเสริมว่า การวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้องหรือหาหมอถูกโรค ทำให้การรักษาเป็นอย่างมีประสิทธิภาพด้วย

จากนิสิตแพทยศาสตร์สู่เวทีนางงาม

ด้วยใบหน้าที่สวยงามผิวพรรณดีบวกกับรูปร่างที่สูงโปร่งโดดเด่น แต่ (ว่าที่แพทย์หญิงขณะนี้) กนกวรรณ ก็ไม่เคยคิดถึงการประกวดเลย นึกถึงแต่การเรียนแพทย์ที่หนักหน่วงเพียงอย่างเดียว แต่ที่เข้ามาประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สได้ก็เพราะว่าน้องสาวเป็นคนส่งเข้าประกวด โดยที่เธอไม่รู้ตัว

“เมื่อก่อนเราไม่เคยรู้เรื่องการประกวดอะไรเลยค่ะ เรียนอย่างเดียวเพื่อนจะรู้ว่าไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสารอะไรสักเท่าไร โฟกัสไปที่การเรียนเท่านั้น แล้วเราก็มีแพลนของเราแล้วด้วยว่าจะต้องใช้ทุนให้ครบ 3 ปี และสมัครเป็นแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง วันหนึ่งไปเดินเซ็นทรัลลาดพร้าวแล้วเห็นโฆษณารับสมัครมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ปี 2548 น้องสาวก็บอกให้เราสมัคร ซึ่งเราก็บอกปฏิเสธไป และแล้วเจ้าน้องตัวแสบก็แอบสมัครให้ทางอินเตอร์เน็ต

ต่อมาก็มีโทรศัพท์จากกองประกวดเข้ามาว่าเราผ่านการคัดเลือก ซึ่งตอนนั้นประจำอยู่สระบุรี ตอนรับโทรศัพท์งงไปพักหนึ่ง แต่ก็นึกไปถึงว่าต้องเป็นน้องสาวชั้นแน่ๆ ที่ส่งไป เราก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร แต่ใช้เวลาตรึกตรองอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบตกลงเขาไป เพราะคิดว่ายังไงก็ตกรอบแน่ๆ จึงลองไปหาประสบการณ์ดู”

จากรอบคัดเลือกสู่รอบต่อๆ มา ก็มีรายชื่อของ พญ.กนกวรรณ เศรษฐพงศ์วนิช อยู่ด้วยทุกรอบ จนกระทั่งรอบตัดสิน ซึ่งปีนั้นผู้ที่ได้ มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส คือ น็อด-ชนันภรณ์ รสจันทน์ และคุณหมอเกด ก็ได้ตำแหน่ง รองอันดับ 1 มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ปี 2548 มาครอง และได้ไปประกวด Miss Earth ที่ประเทศฟิลิปปินส์

...ระหว่างการประกวดเธอได้ประสบการณ์ดีๆ และเรื่องราวที่น่าประทับใจมากมาย “ปีที่ประกวดเป็นปีที่ดีมาก น้องๆ ทุกคนน่ารัก คือปีที่ประกวด เราอายุมากที่สุด น้องๆ ก็จะมาขอคำปรึกษา รู้สึกไม่สบายก็จะมาหาเรา และทุกวันนี้เราก็ยังรักแล้วก็ติดต่อกันอยู่ เพื่อนสนิทที่สุดในกองประกวด เป็นลูกครึ่งไทย-สวิตเซอร์แลนด์ จนตอนนี้เราก็ยังซี้ปึกกันอยู่

...กิจกรรมในกองประกวดก็สนุก ได้เจออะไรแปลกใหม่ ตอนนั้นเราไปเก็บตัวกันที่ภูเก็ต ทะเลสวย น้ำใส พี่ๆ น้องๆ นางงามดูแลกันเป็นอย่างดี และมีกิจกรรมหนึ่งที่ประทับใจและทำให้เราน้ำตาไหล คือ การไปบ้านพักคนชรา มีคุณยายคนหนึ่ง เรียกชื่อและเข้าโอบเรา รู้ว่าเราชื่ออะไร เบอร์ไหน ทำให้เราขนลุกและดีใจมาก จนน้ำตามันไหลมาเอง คิดว่าลูกหลานอยู่ไหนกัน ทำไมไม่มาดูแล เราชอบกิจกรรมแบบนี้นะ หลังจากที่เราสละตำแหน่งถ้ามีกิจกรรมที่บ้านเด็กกำพร้า บ้านพักคนชรา หมอชอบไป อย่างน้อยก็ทำให้เขารู้สึกว่ายังมีคนใส่ใจเขา”

จุดเริ่มต้นของ(คลินิก)ความงาม

และจากการประกวดนี้เอง ทำให้เธอหันมาดูแลใส่ใจ รักสวยรักงามมากขึ้น จนได้เริ่มต้นทำคลินิกที่ให้บริการเรื่องผิวหนังและความงาม Kediglow Dermatology & Aesthetic Laser Clinic ที่มีทีมแพทย์ผิวหนังซึ่งมีประสบการณ์และเชี่ยวชาญ ขณะที่ปัจจุบันนี้อาจมีบางสถานบริการความงาม ที่ไม่ใช่แพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรงมาทำการรักษาคนไข้

“มีคนถามหลายคนว่า ทำไมไม่เปิดคลินิกความงามตั้งแต่ตอนได้ตำแหน่ง หมอก็ตอบไปว่าเพราะเรายังไม่มีความเชี่ยวชาญและยังไม่จบด้านแพทย์ผิวหนัง แต่ตอนนี้พร้อมทุกอย่าง ทั้งความรู้และประสบการณ์ ดังนั้น ที่ Kediglow จะมีแพทย์ผิวหนังโดยตรงในการรักษา นอกจากโรคที่เกี่ยวกับผิวหนังแล้วเรายังให้บริการความงามแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์หรือทรีตเมนต์ เพราะในปัจจุบันนี้มีหลายที่ที่อ้างว่าตรวจโดยแพทย์ผิวหนัง แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่หมอที่มีความรู้และเชี่ยวชายด้านผิวหนังอย่างแท้จริง ดังนั้นจึงอยากให้ผู้บริโภคพิจารณาให้รอบคอบก่อนที่จะเข้าไปใช้บริการในสถานที่แห่งนั้น หรือยึดเอาราคาเป็นที่ตั้ง”

นอกจากที่ Kediglow Clinic จะใส่ใจกับคุณภาพของทรีตเมนต์และอุปกรณ์ต่างๆ แล้ว ยังให้ความสำคัญกับบริการและบรรยากาศที่เป็นส่วนตัว ผ่อนคลาย ไม่พลุกพล่าน และจะแนะนำสิ่งที่เหมาะกับตัวคนไข้เท่านั้น

“เรามุ่งประโยชน์ไปที่ผู้ป่วยหรือผู้ที่มารับบริการเป็นหลัก เราจะทำด้วยความปลอดภัย ทุกเดือนจะมีประชุมอัพเดทความคืบหน้าและปัญหาที่ควรแก้ไข และที่ Kediglow จะไม่ทำอะไรที่เสี่ยงอันตรายต่อคนไข้ เช่น ฟิลเลอร์จมูก ถ้าอยากทำจมูกเราแนะนำให้ทำศัลยกรรมพลาสติกดีกว่า เพราะการฉีดฟิลเลอร์ที่จมูกจะเสี่ยงกับอาการตาบอดได้ง่ายมาก หากทำโดยไม่ระวัง หรือบางทีอาจมีภาวะแทรกซ้อนได้ หมอจะบอกกับคนไข้ว่า ถ้าฉีดแล้วจมูกโด่งแล้วแต่ตาเรามองไม่เห็นจะคุ้มไหม คนไข้ก็จะเปลี่ยนใจไม่ฉีด หรือไม่ก็เปลี่ยนใจไปฉีดที่อื่น ซึ่งเราสบายใจกว่าที่จะแนะนำสิ่งที่ดีให้เขา”เธอกล่าวอย่างมีอุดมการณ์

คุณหมอบอกถึงเทรนด์ความงามที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ ที่มีทั้งโบท็อกซ์ รูปหน้าที่เรียวแบบวีเชฟ ฯลฯ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่ดูแข็งจนเกินไป เมื่อทำออกมาแล้วดูเป็นธรรมชาติเหมือนไม่ได้ทำ “การดูแลตัวเองของคนปัจจุบัน หมอว่าดีขึ้นเยอะ คนในปัจจุบันดูแลตัวเองดีมาก เช่น คอยสังเกตุหน้าตัวเองตรงนี้มีสิวขึ้นมามั้ย ถ้ามีก็จะรีบเอาออก ในปัจจุบันเรื่องศัลยกรรมเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวไม่ว่าจะวิธีใดก็จะตามจะเน้นให้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า”

โลกของความงาม โลกของโซเชียล โลกเดียวกัน

นอกจากKediglow Dermatology & Aesthetic Laser Clinic จะได้รับความนิยมแบบปากต่อปากแล้ว ยังใช้โลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก เป็นตัวกลางในการเผยแพร่เรื่องราวความงาม วิธีดูแลความสวยความงาม เราสามารถปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญผ่านทางโลกออนไลน์ได้อย่างคร่าวๆ ไม่ว่าจะเป็นทาง Facebook หรือ Instagram ในชื่อ drked_kediglow และ kediglow_clinic แต่อย่างไรก็ตามควรเข้าไปพบแพทย์ที่คลีนิกจะดีกว่า เพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจนขึ้น

“ส่วนใหญ่คนจะรู้จัก Kedigrowเป็นแบบปากต่อปากมากกว่าค่ะ แต่เมื่อมี Social Media เข้ามาก็ทำให้รู้จักเรามากขึ้น บางทีมีอะไรอัพเดต หรือมีเทคนิคความงามดีๆ แนะนำ เราก็จะเผยแพร่ผ่านเฟสบุค หรือ Instagram ของคลีนิก ยอดไลด์ก็เพิ่มมากขึ้น มีคนทักเข้ามาถามว่า วันนี้คุณหมอทำอะไร หรือเข้าถามเรื่องบริการของคลินิก แล้วก็โทรศัพท์เข้ามาปรึกษามากขึ้น บางทีมีเซเลบหรือน้องๆ ดาราที่รู้จักกันเข้ามาใช้บริการ ก็ช่วยกันโพสต์ หรือรีวิวบอกต่อถึงผลลัพธ์หลังใช้บริการ”

นอกจาก Kediglow Dermatology & Aesthetic Laser Clinic แล้ว พญ.กนกวรรณ ยังเป็นอาจารย์ที่ให้ความรู้ทั้งเรื่องการเรียนและจริยธรรมกับนักศึกษาแพทย์ด้วย “หมอจะสอนให้นักศึกษาทุกคนคิดเสมอว่า คนไข้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเป็นญาติเรา แล้วเราจะทำสิ่งที่ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุดให้เขา อย่ามองเพียงเขาเป็นตาสีตาสา ที่จะทำอะไรให้เขาก็ได้ และอย่าเห็นแก่เม็ดเงินที่มากน้อย ให้เราทำด้วยใจที่ปรารถนาดี นั่นคือผลสำเร็จของคสเป็นแพทย์”

10เทคนิคความสวยแบบนางงาม

1.ความสวยภายนอกต้องมาจากจิตใจที่ดีก่อน เพราะมันจะสื่อออกมาถึงแววตา ผิวพรรณที่สดใส
2.หมั่นออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเป็นประจำ เพราะเป็นการสะสมสุขภาพที่ดีไว้ตอนเราอายุมากขึ้นด้วย
3.หลีกเลี่ยงของหวาน และอาหารที่มีไขมันสูง แต่ไม่ใช่ไม่ทานเลย อาจจะชิมได้นิดหน่อย
4.รับประทานผักและผลไม้ให้มากกว่าอาหารพวกแป้ง น้ำตาล และไขมัน
5.แหล่งโปรตีนที่มีประโยชน์ ไม่ทำให้อ้วน และผิวพรรณดี คือโปรตีนจากปลา โดยเฉพาะปลาแซลมอน
6.ก่อนออกแดดทุกครั้งควรใส่หมวกหรือกางร่ม และสิ่งที่ไม่ควรลืมคือ ทาครีมกันแดดทุกครั้ง ไม่ว่าจะมีแดดหรือไม่ก็ตาม
7.ขั้นตอนที่ควรใส่ใจอีกอย่าคือการล้างหน้า ยิ่งวันไหนเมกอัพเยอะ จะง่วงแค่ไหนก็ไม่ควรละเลย
8.เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวตัวเอง เช่น คนผิวมันควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นเจลมากกว่าแบบครีม
9.ก่อนนอนไม่ลืมที่จะบำรุงผิว อย่างน้อยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ก็ยังดี เพื่ความชุ่มชื่นของผิว
10.เพื่มความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยโลชั่นทาผิวทันที เพราะโลชั่นจะซึมสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว และทำให้ผิวนุ่มเนียนขึ้น :: Text by FLASH

Fact File
ชื่อ : พญ.กนกวรรณ เศรษฐพงศ์วนิช
ชื่อเล่น : เกด
การศึกษา : คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ศึกษาต่อทางด้านเลเซอร์ และความงาม
หน้าที่การงาน
: บอร์ดและอาจารย์ด้านผิวหนังที่สถาบันโรคผิวหนังแห่งประเทศไทย
: กรรมการผู้จัดการ และหมอเฉพาะทางด้านผิวหนังและเลเซอร์ความงาม ที่คลีนิก Kediglow Dermatology & Aesthetic Laser
งานอดิเรก : ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ
ประสบการณ์ที่ประทับใจ : การประกวดนางงามเวทีมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2548
กำลังโหลดความคิดเห็น