xs
xsm
sm
md
lg

ชีวิต "นาโอมิ แคมป์เบล" ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ เพราะคำสอนของ เนลสัน แมนเดลา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แน่นอนว่าชื่อของ นาโอมิ แคมป์เบล เธอไม่ใช่เพียงแค่สุดยอดนางแบบผิวสีเท่านั้น แต่วันนี้เธอคือ ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคนหนึ่งของวงการแฟชั่น

นาโอมิก้าวเข้าสู่วงการแคตวอล์กตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี และยังคงความโด่งดังในระดับท็อป ได้อย่างคงเส้นคงวามายาวนานเกือบ 30 ปีแล้ว เรียกว่าเธอคือ ที่สุดของที่สุดแห่งวงการนางแบบ

ถ้าเทียบกับบรรดาเหล่านางแบบที่ก้าวขึ้นมาในยุคเดียวกัน อาทิ ลินดา อีแวนเจลิสตา, คริสตี้ เทอร์ลิงตัน หรือ ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด ก็ไม่มีใครที่สามารถอยู่ค้ำรันเวย์แฟชั่นมาจนถึงยุคปัจจุบันนี้ได้ เท่านางแบบผิวสีวัย 44 ปี คนนี้ได้เลยสักคน

แม้จะประสบความสำเร็จขนาดนี้ และมีประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์แฟชั่นระดับโลก และช่างภาพชื่อดังนับไม่ถ้วน แต่นาโอมิก็ยังบอกว่า เธอยังกลัวทุกครั้งที่ถ่ายแฟชั่นหรือเดินแบบ

"ฉันกลัวทุกครั้งค่ะ กลัวว่ามันจะผิดพลาด กลัวเสมอว่าชุดชั้นในจะหลุดลงมากองกับพื้นบ้างมั๊ย แต่ฉันพยายามคิดว่า เหล่าดีไซเนอร์ หรือช่างภาพ ที่ทำงานร่วมกับฉันนั้นเป็นครอบครัวเดียวกัน เพราะถ้าคุณรู้สึกเหมือนทำงานกับครอบครัวคุณเอง คุณก็จะรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ทำทุกอย่างได้เป็นไปตามธรรมชาติมากยิ่งขึ้น"

นอกจากเคล็ดลับส่วนตัวแล้ว นาโอมิ ยังพูดถึงแรงบันดาลใจสำคัญ ที่ทำให้ตัวเธอทุ่มเททุกครั้งที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ตาม
"ฉันเคยพบกับ ท่านเนลสัน แมนเดลา หลายครั้ง และท่านก็บอกฉันเสมอว่า นาโอมิ เมื่อคุณมาถึงจุดนี้แล้ว คุณต้องรู้จักเสียสละอุทิศแรงกายแรงใจ ทำบางอย่างเพื่อคนอื่นด้วย ด้วยคำสอนนี้ ทุกครั้งที่ทำงานฉันจะทุ่มเทแบบสุดตัว และแน่นอนว่า ฉันไม่ได้ใช้การทุ่มเทนั้นเพื่อรายได้ส่วนตัวเพียงอย่างเดียว แต่ฉันยังใช้ความรู้ประสบการณ์ในเรื่องแฟชั่น ทำงานการกุศลอีกหลายต่อหลายครั้ง"

ก่อนหน้านี้ นาโอมิเคยประสบความเร็จอย่างมาก กับการเป็นผู้จัดแฟชั่นโชว์ระดมทุนเพื่อผู้ป่วยโรคเอดส์ และได้เงินสนับสนุนนับสิบล้าน มาวันนี้เธอทุ่มเทอีกครั้ง กับแคมเปญเพื่อระดมทุนในการต่อสู้กับวิกฤติอีโบล่า ที่กำลังลุกลามไปทั่วโลก ในชื่อแคมเปญว่า “#CrushEbolaNow” ที่จะไม่ใช่เพียงแค่การจัดแฟชั่นโชว์เท่านั้น แต่ยังใช้สื่อทุกทาง ที่นาโอมิมี ช่วยกระจายและเรียกร้องให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมครั้งสำคัญนี้

"ทุกครั้งที่ฉันเห็นข่าวอีโบล่า ฉันทั้งหวาดกลัวและหดหู่ จนทำให้ฉันคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องอุทิศตัวเองอย่างสุดกำลัง อย่างที่ แมนเดลา เคยบอกกับฉันไว้ เพื่อทำให้อะไรมันดีขึ้นมาบ้าง"


กำลังโหลดความคิดเห็น