ใครเลยจะรู้ว่าความวิจิตรงดงามเรืองรองอันเป็นศิลปะชั้นเอกแห่งแผ่นดินอย่าง “ วานเรศบวรอาสน์” พระราชอาสน์ขนาดเล็กแสนงดงาม,ฉากถมทองเรื่องรามเกียรติ์ ปักแบบสำหรับทำถมเป็น 3 ฉาก ฯลฯ. ซึ่งตั้งตระหง่านอวดความงดงามอลังการสู่สายตาชาวโลกอยู่ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคมนั้น เป็นผลงานชิ้นเอกของลูกหลานชาวไร่ชาวนากระดูกสันหลังของชาติไทยแทบทั้งสิ้น
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นที่พระแม่แห่งแผ่นดิน สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงมีสายพระเนตรอันยาวไกลเล็งเห็นถึงความสามารถของลูกหลานชาวนาไร่ที่มิได้เพียงแค่ใช้สองมือกำเคียวเกี่ยวข้าวเท่านั้น หากแต่พวกเขายังมีความสามารถในการร่ำเรียนวิชาช่างศิลป์อันประณีตเพื่อสืบทอดงานศิลปะชั้นสูงให้อยู่คู่กับแผ่นดินไทย
โดยพระราชทานโอกาสให้ลูกหลานชาวนาที่ว่างจากฤดูเก็บเกี่ยว เข้ามาเรียนรู้ ฝึกฝนฝีมือและสร้างสรรค์ผลงานศิลปะแขนงต่างๆ ที่โรงฝึกศิลปาชีพ สวนจิตรลดา หรือ สถาบันสิริกิติ์ โดยมีอาจารย์ระดับช่างศิลป์ฝีมือชั้นครูมาฝึกอบรมให้ จนนักเรียนทุกคนมีฝือมือในการประดิษฐ์ผลงานศิลป์อันล้ำค่าอย่างละเมียดละไมไม่ต่างจากชั้นครู และพร้อมที่จะเป็นส่วนสำคัญในการอนุรักษ์สืบสานศิลปะของแผ่นดินให้คงอยู่สมดัง พระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ตลอดระยะเวลากว่า 30ปี ที่สถาบันสิริกิติ์ ได้พัฒนาการดำเนินงานให้ก้าวหน้า ผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นจากฝีมือลูกหลานชาวนาชาวไร่ล้วนเป็นประณีตศิลป์ชั้นสูง มีความวิจิตรงดงามถึงระดับ “ฝีมือช่างหลวง” หรือ “ช่างแห่งกรุงรัตนโกสินทร์” ได้แก่ช่างถมทอง ช่างเครื่องเงินเครื่องทอง ช่างคร่ำ ช่างลงยาสี ช่างปักผ้า ช่างแกะสลักไม้ ช่างเขียนลาย และช่างทอผ้า ฯลฯผลงานแต่ละชิ้นล้วนทรงคุณค่ายิ่ง แสดงถึงเอกลักษณ์เกียรติศักดิ์ และเกียรติภูมิของงานประณีตศิลป์ไทยที่ประกาศให้ชาวโลกได้ชื่นชม นับเป็นงานศิลป์ของแผ่นดิน
ท่านผู้หญิงสุภรภ์เพ็ญ หลวงเทพนิมิต รองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เล่าถึงพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชินีนาถที่ทรงตั้งพระราชหฤทัยให้สถาบันแห่งนี้เป็นสถานที่รวบรวมฝีมือช่างแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ว่า "ทรงรับสั่งแต่แรกสถาบันสิริกิติ์ไม่ให้ขายของ ให้เราทำงานฝากไว้กับประเทศชาติ เป็นสมบัติของแผ่นดินชั่วลูกชั่วหลาน ให้ทำงานเข้าพิพิธภัณฑ์ เพื่อให้ลูกหลานไทยได้ชืนชมฝีมือของคนรุ่นปู่ย่าที่ฝีมือดีไม่แพ้ชาติใดในโลก”
ด้วยพระราชปณิธานอันแน่วแน่นี้จึงทำให้คนไทยทั้งประเทศและชาวโลกมีโอกาสได้ชื่นชมผลงานอันวิจิตร ของลูกหลานชาวไทยในชื่อ “พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน” ณ พระที่นั่งอนัตสมาคม โดยเปิดให้ประชาชนคนไทย และชาวโลกทุกคนได้ชื่นชมความวิจิตรปราณีตของงานศิลปะชั้นสูงของไทย
ความสวยงาม อลังการ ของศิลปะชั้นสูงอันบ่งบอกความเป็นไทยภายในพระที่นั่งอนันตสมาคมนั้นมีอยู่หลายชิ้นด้วยกันที่ปรากฎต่อสายตาชาวไทยและชาวต่างประเทศโดยเฉพาะผลงานชิ้นไฮไลท์ที่สถาบันสิริกิติ์ภูมิใจนำเสนอฝีมืออันงดงามของลูกหลานคนไทยที่บรรจงใช้สองมือประกอบขึ้นมาอย่างงดงามอาทิ
วานเรศบวรอาสน์ พระราชอาสน์ขนาดเล็ก ที่ช่างฝีมือรังสรรค์ให้เป็นโครงสร้างเหล็ก ลวดลายศิลปะงานคร่ำทองทั้งองค์ มีความพิเศษที่องค์พระที่นั่งเป็นสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง และยังซับด้วยปีกแมลงทับสร้าง สีสันที่สวยงามและมุมมองที่มีมิติที่งดงามยิ่งขึ้น ฉากจำหลักไม้ เรื่องสังข์ทอง และ ฉากจำหลักไม้เรื่องหิมพานต์ เป็นผลงานแกะสลักไม้ที่แตกต่าง และพิเศษด้วยการเชื่อมต่อเรื่องราวของฉากทั้งสองด้านด้วยกัน สวยงามวิจิตรสมจริงและลอยเด่นด้วยการฉลุฉาก ให้ปรุตลอดทะลุไปใช้ร่วมฉากกับอีกด้านหนึ่งได้อย่างลงตัว ประหนึ่งเมืองหรือวิมานเดียวกัน
ฉากถมทอง เรื่องรามเกียรติ์ ผูกแบบสำหรับทำถมเป็น 3 ฉาก ฉากละตอน ฉากสำคัญโดดเด่นที่สุดเป็นฉากลงสวย ด้วยการวางขบวนพยุหยาตราของทศกัณฐ์ จะได้ชมพระมหาปราสาทอันวิจิตร ด้วยการจำหลักเงินบุดุนให้ลอยเด่นออกจากพื้น ทาทอง ซับแผ่นทองแดง บางแห่งให้เห็นหลากจากแบบเดิม พร้อมกับภาพราชรถอันสง่างามดุจลอยเหมือนจริง ฉากปักไหมน้อย เรื่องอิเหนา ผลงานปักผ้าด้วยวิธีเรียกว่า “ปักซอย” เป็นงานประณีตศิลป์ของไทยแต่โบราณที่มีความละเอียดอ่อน ช่างปักจะบรรจงปักเรืองด้วยเส้นไหมที่ละเอียดที่สุด ไล่ระดับสีและแสงเงาให้เกิดเป็นภาพที่มีมิติงดงาม
เรือพระที่นั่งศรีประภัศรไชย จำลอง มีโครงเรือและคานเรือทำด้วยเงินทาทอง กงเรือเป็นจำหลักปิดทองคำเปลว ท้องเรือและลำเรือทั้งสองข้างถมทองเขียนลายดอกพุดตาน หน้าเรือจำหลักทองลงยา และท้ายเรือสลักด้วยทองคำลงยาสี ตอนกลางลำเรือพระที่นั่งทอพระมหาสุวรรณบุษบกบัลลังก์ด้วยแผ่นทองคำลงยา เรือพระที่นั่งมงคลสุบรรณ จำลอง โครงเรือ กระดูกงู และคานเรือ ทำด้วยเงินทาทอง โขนเรือรูปครุฑขึ้นรูปด้วยทองคำลงยา หน้าและท้ายเรือจำหลักทองคำลายดอกพุดตาน บุษบกบัลลังก์ด้านหน้า-หลังปักฉัตรจำลอง ฉลุทองประดับเพชร 5 ชั้น 2 คัน ท้ายเรือประกอบหางปลายกนกจำหลักทองลงยาอย่างงดงาม
ตรีพิพิธพรรณบุษบก บุษบกคือมณฑปขนาดเล็ก มีด้านข้างโปร่ง ใช้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ในพระราชพิธี หรือเป็นที่ประดิษฐานปูชนียวัตถุ เช่น พระพุทธรูป พระไตรปิฏก ผลงานชิ้นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากความงดงามของพรหมวิมานหน้าบันของพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ นำมาสร้างสรรค์เป็นบุษบกทอง ภายในประดิษฐานตราสัญลักษณ์ในโอกาสมหามงคลของทั้ง 3 พระองค์ กลอน “ศิลป์แผ่นดิน” คร่ำทอง ประดิษฐ์ด้วยลายมือเขียนตามแบบตัวอักษรทรงประดิษฐ์ของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ตกแต่งด้วยคร่ำทองอย่างประณีต
นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของน้ำพระราชหฤทัยของพระแม่แห่งแผ่นดิน ที่รอให้คนไทยทุกคนเข้าไปชื่นชมทั้งหมดแล้วจะทึ่งในความสามารถของลูกหลานชาวนาไร่ ที่ฝีมือดีไม่แพ้ชาติใดในโลก
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net