>>ช่วงนี้ต้องบอกว่าเทรนด์ทหารกำลังมาแรง ไม่ว่าจะเพราะด้วยเหตุการณ์บ้านเมืองที่เกิดการรัฐประหาร ที่ทำให้ทหารก้าวขึ้นมามีอำนาจและบทบาทสำคัญๆ มากมาย ทำให้เราพบเห็นทหารได้ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งในเมือง ไปจนถึงเรื่องราวของแฟชั่นการแต่งกายที่ลายพรางกำลังเป็นเทรนด์ฮิต รวมไปถึงผู้คนรอบกาย ยิ่งในแวดวงของเหล่าเซเลบริตี้นั้น ปัจจุบันนี้เราจะเห็นว่ามีคนเข้ารับราชการทหารอยู่หลายคนเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวๆ เซเลบทั้งหลายที่หันมาเลือกรับราชการทหาร แบบดูขัดกับลุคกันอยู่หลายคนเลยทีเดียว
เมื่อพูดถึงทหาร ส่วนใหญ่แล้วคนเราก็จะนึกถึงแต่ทหารฝ่ายบู๊ ออกตะลุยสู้ศึก ปกป้องดูแลความมั่นคงของประเทศ ป้องกันภยันตรายจากศัตรูผู้ที่คิดร้ายต่อสถาบันหลักของบ้านเมือง จนอาจจะลืมไปว่ากองทัพไม่ได้มีองค์ประกอบเพียงแค่นั้น แต่กองทัพก็เปรียบเหมือนดั่งองค์กรขนาดใหญ่ ที่มีคนทำงานในสังกัดเป็นจำนวนมาก แบ่งออกเป็นหลากหลายแผนก
ทั้งหน่วยแนวหน้าที่เป็นฝ่ายออกแรง และก็ยังมีตำแหน่งผู้อยู่เบื้องหลัง เป็นทีมงานคอยสนับสนุนในแผนกอื่นๆ ในองค์กรนี้จึงไม่ได้มีแต่หนุ่มๆ มาดแมนขาลุยเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีสาวๆ สวยๆ ทหารหญิงเข้าไปร่วมเป็นหนึ่งในพลังช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมทางการทหารให้เดินหน้าไป ตามแต่ทักษะถนัดที่แต่ละคนพึงมี
เซเลบริตี้สาวคนสวยหลายคนเลือกเมินไลฟ์สไตล์ที่เต็มไปด้วยสีสันและค่าตอบแทนที่น่าหลงใหลของบริษัทเอกชน ทิ้งชุดแฟชั่นสวยๆ หันมาสวมชุดยูนิฟอร์มเข้ามารับราชการทหารแทน เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญของอาชีพนี้ ที่ในเรื่องรายได้อาจจะไม่สูงนัก แต่เกียรติยศและความภาคภูมิใจนั้นมีค่ากว่ามาก
สาวบางคนตัดสินใจเลือกเพราะความน่าสนใจในหน้าที่การงาน บางคนเลือกเพราะคนในครอบครัวเป็นแรงบันดาลใจ หรือบางคนอาจจะเลือกเพราะเป็นงานที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน เมื่อก้าวเข้ามาในอาชีพนี้แล้ว ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อาชีพทหารนี้มีคุณค่า และให้สิ่งดีๆ ตอบแทนแก่ชีวิตนี้นับไม่ถ้วน อย่างเช่นเซเลบริตี้สาวน้อยทั้ง 3 คนนี้ที่ได้ประสบการณ์ดีๆ มาเล่าให้เราฟัง
พิมดาว พานิชสมัย
นักร้องคนสวยแห่งวงดุริยางค์ทหารบก
สาวคนนี้เป็นลูกไม้สาวที่หล่นไม่ไกลต้นของ “พลเอกไพโรจน์ พานิชสมัย” ที่เกษียณในตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด โดยเธอเข้ารับราชการทหารในกองดุริยางค์ทหารบก รับราชการทหารด้วยการใช้ทักษะการร้องเพลงที่เธอถนัดและร่ำเรียนมา
“คุณพ่ออยากมีลูกชายมาก เพราะอยากให้ลูกเป็นทหาร ดังนั้น แม้จะมีลูกสาว 2 คน มัดหมี่ก็ตั้งใจทำความฝันของท่านให้เป็นจริง เพราะพ่อให้เรามาทั้งชีวิตแล้ว ทำให้พ่อแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมาก”
สาวเสียงดีคนนี้สมัครเข้าเป็นครูสอนร้องเพลงของกองดุริยางค์ทหารบก แต่ด้วยขณะนี้เธอติดพันงานอื่นๆ ทั้งงานเพลง หนังสือ และถ่ายละคร 2 เรื่องคือ เรื่องลูกพี่ลูกน้อง และหงส์ ซีรีส์มาเฟียเลือดมังกร จึงขอผ่อนผันกับผู้บังคับบัญชาขอเคลียร์งานให้เสร็จแล้วจะเข้ารับการฝึกในค่ายทหารอย่างจริงจังช่วงปีหน้า
โดยช่วงนี้เธอยังไม่ได้เริ่มงานเต็มตัว แค่ช่วยงานร้องเพลง เวลามีคอนเสิร์ตหรืองานเลี้ยงของกองทัพ และนับเป็นจังหวะดีที่เธอเข้ามาเป็นทหารตอนที่มีเหตุการณ์ทางการเมืองนี้ขึ้นพอดี เธอเลยเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนงานกองทัพในการทำความเข้าใจกับประชาชน ด้วยการขึ้นเวทีคืนความสุขให้ประชาชนของ คสช.
และล่าสุด สาวมัดหมี่ได้ร้องเพลง “คืนรอยยิ้มให้คนไทย” มิวสิกวิดีโอตัวล่าสุดที่ทาง คสช. กำลังเปิดฉายทางโทรทัศน์ช่องต่างๆ ซึ่งเธอถือว่าเป็นเกียรติประวัติและความภาคภูมิใจที่ได้รับเลือกให้มาร้องเพลงสำคัญนี้ โดยนักร้องสาวกล่าวทิ้งท้ายว่า
“มัดหมี่เคยทั้งออกเทป เคยเล่นละครเพลง ร้องเพลงตามงานต่างๆ ก็เยอะ แต่พอก้าวขึ้นบนเวทีกับกองดุริยางค์ เป็นนักร้องในฐานะทหาร ความรู้สึกและอารมณ์มันแตกต่างกันมากเลยนะ จากปกติร้องเพลงเนื้อหาพวกความรัก อกหัก เลิกรา
พอได้มาทำหน้าที่นี้ มันมีอารมณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น ด้วยเนื้อหาเพลง คือ ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเรากำลังร้องให้คนทั้งประเทศ ร้องเพื่อสื่อถึงการอยากคืนความสุขให้กับประเทศ คืนรอยยิ้มให้ประชาชน เนื้อหาทุกคำมีความหมายลึกซึ้ง และเรามีหน้าที่ถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกตรงนั้นออกมา ส่งออกไปถึงผู้คน มัดหมี่ว่ามันเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่และน่าภูมิใจสุดๆ เลยค่ะ”
กิติวิชญา วัชโรทัย
สาวน้อยในกรมสรรพาวุธ
ร้อยโทคนสวยผู้มีตำแหน่งประจำแผนกควบคุมการจัดหากรมสรรพาวุธคนนี้ เป็นหลานสาวสุดที่รักของคุณปู่ “แก้วขวัญ วัชโรทัย” เลขาธิการพระราชวัง จึงเรียกได้ว่าสาวมะปรางเติบโตมาในครอบครัวข้าราชการขนานแท้ เมื่อจบการศึกษาจากคณะเศรษฐศาสตร์ (ภาคภาษาอังกฤษ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เธอก็เข้าทำงานเป็นข้าราชการที่ทำเนียบรัฐบาลอยู่ช่วงหนึ่งก่อนจะลาออกมาสมัครเป็นทหารหญิง
“มะปรางทำงานอยู่กรมสรรพาวุธค่ะ เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องการจัดซื้อจัดหา อาวุธ ยุทโธปกรณ์ต่างๆ ของทหารบก ทั้งรถถัง, รถเกราะกันกระสุน, ปืน, ระเบิด, กระสุน ฯลฯ โดยเน้นเป็นการติดต่อกับบริษัทต่างประเทศ ก็จะใช้ทักษะภาษาค่อนข้างเยอะ กับทักษะทางเศรษฐศาสตร์ ดูพวกตัวเลข งบประมาณต่างๆ”
จากการคลุกคลีกับอาวุธสารพัดชนิด ที่เธอต้องเดินทางไปดูสินค้า ตรวจการส่งมอบอยู่ตลอด ทำให้จากสาวใสๆ ที่ไม่คุ้นชินกับอุปกรณ์อานุภาพแรงพวกนี้ กลายมาเป็นสาวนักสะสมปืน
“เห็นบ่อยๆ ก็เลยชิน ตอนนี้บอกได้หมดรุ่นไหน กระสุนยังไง แล้วก็เริ่มหลงเสน่ห์ รู้สึกรูปทรงมันสวย แล้วแต่ละรุ่นก็มีรายละเอียดที่น่าสนใจต่างกันไป ตอนนี้ก็ค่อยๆ เก็บสะสม แล้วก็ฝึกยิงด้วย เป็นการช่วยฝึกสมาธิ ทำให้เราใจนิ่งขึ้น”
แม้ว่างานปัจจุบัน มะปรางจะเน้นเรื่องงานนั่งโต๊ะ ทำเอกสาร และประสานงานเสียมาก แต่ก็ใช่ว่าอาชีพทหารหญิงจะเป็นกันได้ง่ายๆ เพราะทุกคนต้องผ่านการฝึกหนักประหนึ่งทหารเกณฑ์ เข้าค่าย ต้องวิ่ง ออกกำลังกาย เทรนนิ่งเช้าจดเย็นอยู่ถึง 3 เดือนเต็ม
“เหนื่อยมาก แต่ก็ได้ประสบการณ์ดีๆ เยอะ ทำให้เรามีระเบียบ ตรงต่อเวลา อดทน และได้เรียนรู้อีกแง่มุมของชีวิต ว่าแค่มีอาหารกินอิ่ม มีเสื้อผ้าใส่ มีที่นอน เราก็อยู่ได้ ไม่เห็นจะต้องการอะไรมากมาย และทำให้เราเห็นคุณค่าของเวลามากขึ้น เพราะตั้งแต่ลืมตาตื่นจนเข้านอน ทุกอย่างเป็นตารางหมดว่าตอนไหนทำอะไร ไม่มีช่วงว่างให้เสียประโยชน์”
โดยการตัดสินใจเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ เพราะเธอมองว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เรียนรู้การทำงานในองค์กรใหญ่ขนาดนี้ “กองทัพนี่ก็เปรียบได้กับบริษัทระดับยักษ์เลยนะ มีพนักงานเยอะ มีแผนกมากมาย ทำให้เรารู้ว่าการทำงานประสานกับแผนกและคนเยอะๆ ต้องทำยังไง ในโลกธุรกิจมันหาได้ยากนะที่จะเจอองค์กรที่มีระบบใหญ่ขนาดนี้ และที่สำคัญอาชีพนี้ป็นความภาคภูมิใจที่ได้แสดงความจงรักภักดี รับใช้ต่อแผ่นดิน ทำงานเพื่อประโยชต์ของชาติ ไม่ใช่การทำธุรกิจหรือบริษัทเพื่อผลประโยชน์ของใครคนใดหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เพื่อประชาชนทั้งหมด”
หม่อมหลวงพิมพ์อาภา อาภากร
สานต่อรอยเท้าบรรพบุรุษ
หม่อมหลวงพิมพ์อาภาที่เพิ่งจะได้รับยศเรือเอกมาหมาดๆ มีสายเลือดแห่งทหารเรืออยู่ในตัวอย่างเข้มข้น เพราะเธอคือทายาทของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ องค์บิดาของทหารเรือไทย
โดยเธอรับหน้าที่อยู่ในตำแหน่งประจำแผนกนาวิกสนเทศ กองประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ โดยนำเอาความรู้ทางด้านงานกราฟิก เข้ามาช่วยดูแลเรื่องสื่อสารสนเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หนังสือ โปสเตอร์ โบรชัวร์ และยังช่วยดูแล อำนวยความสะดวกเวลาติดตามผู้บัญชาการไปทำภารกิจต่างๆ
“ตอนแรกทำงานด้านกราฟิกดีไซเนอร์อยู่ที่สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ และเมื่อทางกองทัพเรือเปิดรับสมัครในตำแหน่งสาขาที่เราเรียนจบมาพอดี ก็เลยอยากลองดู ซึ่งพอได้มาทำงานกับหน่วยงานนี้ก็สนุก และทำมา 5 ปีกว่าแล้วค่ะ”
ข้อดีอย่างหนึ่งของอาชีพนี้ สาวป่านบอกว่าคือการแต่งยูนิฟอร์ม “ตอนใส่แรกๆ ก็รู้สึกเขินๆ บ้างนะ เพราะมันดูเป็นทางการมาก แต่พอใส่ไปเรื่อยๆ ก็ชิน และทุกคนในออฟฟิศก็ใส่กันหมด เลยไม่รู้จะเขินใคร พอมาทุกวันนี้รักเลยค่ะ เราไม่ต้องคิดมากว่าจะแต่งอะไรดีวันนี้ พรุ่งนี้จะเตรียมชุดไหน ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ (หัวเราะ)”
ทุกครั้งที่พิมพ์อาภาหยิบชุดมาใส่ก็จะภูมิใจอยู่ลึกๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานที่ทำภารกิจที่ยิ่งใหญ่ “ตั้งแต่มาเป็นทหารเรือ เวลาอ่านข่าวถึงการทำงานของเพื่อนร่วมอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการเสียสละเสี่ยงภัยในพื้นที่อันตราย หรือจะช่วยเหลือประชาชนยามประสบภัยพิบัติ จากแต่ก่อนอาจจะไม่ได้สนใจหรือรู้สึกอะไรมากมาย แต่ทุกวันนี้มันทำให้เราอินแล้วก็อดชื่นชมในผลงานไปด้วยไม่ได้
ที่สำคัญคือ คนที่ดูจะภูมิใจกว่าเราอีกคือ คุณพ่อคุณแม่ ที่ยินดีมากเมื่อเราตัดสินใจทำอาชีพนี้ เวลาเห็นเราในเครื่องแบบก็จะมียิ้มภูมิใจ ยิ่งตอนได้รับการติดยศต่างๆ นี่ยิ่งดีใจกว่าเราอีกค่ะ ทั้งที่ป่านก็บอกแล้วนะว่ามันเป็นการปรับตำแหน่งเลื่อนยศไปตามวาระและอายุงานนะ ไม่ได้เพราะมีผลงานหรืออะไรพิเศษกว่าใคร แต่เขาก็ดูยินดีและมีความสุขมากๆ ทุกครั้งเลยค่ะ”
นอกจากทั้ง 3 คนนี้แล้ว ในแวดวงสังคมยังมีเหล่าเซเลบริตี้อีกมากมาย ที่เป็นเพื่อนร่วมทางสายอาชีพกับสาวๆ เหล่านี้อีกหลายราย ทั้งทหารรุ่นพี่อย่าง “ร้อยเอกหญิงวันทิตา ลิ่วเฉลิมวงศ์” แห่งกองทัพบก หรืออย่าง “สาวทิพย์ - ชนาทิพย์ จันทรุเบกษา” เรืออากาศโทแห่งกองทัพอากาศ สังกัดกรมข่าวทหารอากาศ กองการต่างประเทศ ที่ต่างก็ภาคภูมิใจในอาชีพและเกียรติยศที่ได้รับจากการทำงานรับใช้บ้านเมืองในฐานะ “ทหาร” อย่างเต็มความสามารถ :: Text by FLASH