ว่ากันว่าความสำเร็จของผู้ชายส่วนหนึ่งนั้นมักจะมีผู้หญิงอยู่เบื้องหลังเสมอ คำกล่าวนี้ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากความจริงที่ได้พบเห็นเลยแม้แต่น้อย หม่อมบี๋-หม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา หม่อมใน หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ก็เป็นอีกหนึ่งผู้หญิงเก่ง ที่นอกจากจะเป็นแม่บ้านแม่เรือนดูแลครอบครัว คอยปลุกปลอบให้กำลังใจสามีและลูกๆ ในยามที่อ่อนล้าแล้ว เธอยังเป็นกำลังสำคัญของ “พร้อมมิตรโปรดักชั่น” ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จภาพยนตร์ของท่านมุ้ยเกือบทุกเรื่องอีกด้วย ดังนั้น หากจะยกหม่อมบี๋เป็นดั่งลมใต้ปีก ที่ช่วยพญาอินทรีย์วงการหนังไทยให้บินสู่จุดหมายปลายทาง ได้อย่างงดงามก็คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ
และในวันที่หนังฟอร์มใหญ่ "ตำนานพระนเรศวรมหาราช" ภาค 5 ที่ใช้เวลาถ่ายทำนานถึงสิบปีกำลังออกฉายให้คนไทยได้ชมอยู่แล้วในขณะนี้ ..หม่อมบี๋ สตรีที่อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ท่านมุ้ยก็เปิดโอกาสให้เราพูดคุยถึงเบื้องหลังการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ตลอดจนเรื่องราวชีวิตของเธอให้เราฟังอย่างเป็นกันเอง
คุณหญิงกมลา ยุคล ณ อยุธยา หรือ หม่อมบี๋ สกุลเดิม เศรษฐี เกิดเมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2505 เป็นชายาของ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล หรือท่านมุ้ย มีบุตรและธิดากับท่านมุ้ย รวม 2 คน คือ ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล และ ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ บริษัท พร้อมมิตร และอยู่เบื้องหลังการสร้างภาพยนตร์ของท่านมุ้ยมาโดยตลอดนับตั้งแต่ปี 2526 หม่อมบี๋ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จตุตถจุลจอมเกล้า เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2550
หม่อมบี๋ ในชุดเสื้อเชิ๊ตสีขาว กางเกงสีน้ำเงิน ดูเข้มแข็ง ทะมัดทะแมง เปิดประตูร้านเสือใหญ่ไก่ย่าง สาขา 3 ที่ซอยสุขุมวิท 49 ต้อนรับเราด้วยรอยยิ้มหวานสดใส ก่อนจะเชื้อเชิญให้เรานั่งและสนทนาด้วยความเป็นกันเอง หม่อมบี๋ บอกว่า ทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ให้หนังของท่านมุ้ยนานกว่า 30 ปีแล้ว ในชีวิตส่วนตัวท่านมุ้ยเป็นคนที่ง่ายๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องงานทุกอย่างต้องไม่ง่ายเพราะท่านเป็น Perfectionist Man "ในวันที่ตัดสินใจมาใช้ชีวิตคู่กับท่านมุ้ย ณ วันนั้นอายุ 20 ปีถือว่าน้อยมาก และเมื่อตัดสินใจแล้วก็เดินหน้าทำทุกอย่างให้ครอบครัวอยู่ได้อย่างอบอุ่น"
ภาพภายนอกหม่อมบี๋ ดูเป็นผู้หญิงที่หลายคนอาจอิจฉา เพราะถือได้ว่าเป็นเพียง “ หม่อม” คนเดียวที่ได้ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านมุ้ยมาตลอด แสดงว่าผู้หญิงคนนี้ต้องมีอะไรมากกว่าผู้หญิงทั่วไป เพราะเมื่อแต่งงานแล้วหลายคนคงวาดภาพชีวิตการเป็น “หม่อม”ก็คงไม่ต่างจากเจ้าหญิงในนวนิยายที่ได้แต่งตัวสวย ออกงาน ทานอาหารดีๆ หากแต่ชีวิตคู่หม่อมบี๋ ไม่ได้เป็นอย่างนวนิยาย เพราะเธอต้องทำงานทุกอย่างทั้งงานบริษัท และดูแลครอบครัว หม่อมบี๋เล่าว่าชีวิตคู่ในช่วงแรกเต็มไปด้วยความท้าทายเมื่อต้องมาแต่งงานกับ “คนที่ทุกลมหายใจคืองาน” เช่น ท่านมุ้ย หลายครั้งที่กองถ่ายต้องออกไปถ่ายทำนอกสถานที่ ซึ่งหม่อบี๋จะต้องตามไปด้วย บางทีเข้าป่าไปหลายวันลูกก็ต้องฝากคุณตาคุณยายช่วยเลี้ยง
"อย่างตอนไปถ่ายภาพยนตร์เรื่อง “สาละวิน” ต้องไปอยู่ตามชายแดน แถวแม่สอด จังหวัดตาก อยู่กันทีเป็นเดือนๆ ไม่มีน้ำไม่มีไฟ การเดินทางลําบากกว่าปัจจุบันเยอะ ต้องอาศัยนอนตามบ้านชาวบ้านแถบนั้น ก็ด้วยที่ต้องการผลิตงานที่ดีและมีคุณภาพ สมจริง เป็นหลัก แต่ทีท่านมุ้ย เป็นคนง่ายๆ อะไรก็ได้ อาหารจานเดียวก็ทานได้ บางทีถึงเวลาเที่ยงนำอาหารไปให้ท่าน แต่ท่านยังติดพันเรื่องงานอยู่ ท่านรับรู้แต่จะไม่หยุดทำงาน อาหารเย็นชืดต้องนำไปอุ่น 2-3 รอบ ต้องรอให้งานเสร็จจึงจะทาน ท่านเป็นคนทำงานจริงจังค่ะ ทุกอย่างต้องออกมาสมบูรณ์ที่สุด ดีที่สุดนั่นแหละถึงจะยอมวางมือ"
ในวันที่ปิดกองถ่ายภาพยนตร์กลับบ้านจึงเป็นช่วงที่มีโอกาสอยู่กันตามประสาครอบครัวทั่วไป โดยทุกเช้าหม่อมบี๋จะเข้าครัวทำอาหารให้ท่านมุ้ยและลูกๆทาน
"พี่เป็นคนชอบอาหารมาตั้งแต่เด็ก ตามคุณแม่กับคุณน้าเข้าครัวตลอดก็ทำเป็นหลายอย่าง มาอยู่กับท่านมุ้ยท่านก็โปรดเรื่องการทานอาหาร เพราะหม่อมแม่ (หม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา) ท่านเป็นคนที่ชอบทําอาหารให้ลูกๆ หลานๆ ซึ่งหมายถึงท่านพี่ท่านน้องของท่านมุ้ย เสวยเป็นประจําอยู่แล้ว ด้วยความที่เป็นครอบครัวใหญ่ หม่อมอุบลท่านเป็นคนละเอียดอ่อน จดจําได้แม่นว่าลูกหลานคนไหนชอบรับประทานอะไร ถึงเวลาตั้งโต๊ะจะมีอาหารซึ่งเป็นของโปรดของทุกคน ตรงนี้พี่ได้เห็น ก็ได้นํามาใช้กับครอบครัวของพี่เอง ก็จะทําอาหารที่ท่านมุ้ย โปรด เช่น มัสมั่นไก่ทานกับขนมปัง ลูกบอมบ์ หมี่กรอบ และข้าวแช่ แต่ตอนนี้ต้องดูแลเรื่องสุขภาพของท่าน คุณหมอแนะนําให้ควบคุมเรื่องอาหารบางอย่างเป็นพิเศษ แต่ท่านมุ้ยก็ชอบแอบรับประทาน โดยเฉพาะ ขนมเค้กที่มีครีมเยอะๆ ซึ่งมีลูกๆ คอยแอบซื้อมาให้ เรื่องความชอบรับประทานอาหารนี้ก็ติดมาถึงลูกๆ แมงมุมและอดัม ก็ชอบรับประทานอาหารมาก แต่แมงมุมก็ชอบทําด้วย"
หม่อมบี๋ยังบอกอีกว่าปกติแล้วท่านมุ้ยเป็นคนไม่ชอบเที่ยว ดังนั้นในวันที่อยู่บ้านท่านจะชอบดูภาพยนตร์และอ่านหนังสือ "
"ถ้าท่านไปห้างฯ จะมีอยู่สองสามที่ ที่โปรดไปเป็นประจํา คือ ร้านหนังสือ ร้านวีดีโอ และร้านคอมพิวเตอร์ ไม่เคยไปชอปปิ้งอย่างอื่นเลย ส่วนเรื่องเสื้อผ้า พี่ก็จะเป็นคนดูแลหาซื้อที่ให้ทั้งหมด ส่วนใหญ่ก็เรียบง่าย"
ดูเหมือนว่าชีวิตของ “หม่อมบี๋” จะอุทิศให้กับครอบครัวและงานของสามีหมด จนแทบจะไม่มีเวลาให้กับสิ่งที่ตัวเองชอบเลยหรือใช้ชีวิตเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่ไปชอปปิ้งหรือท่องเที่ยว"ถ้ามีโอกาสก็ไปเที่ยวต่างประเทศเหมือนกัน แต่ไปส่วนใหญ่ก็แอบมีเรื่องงานติดไปด้วย (หัวเราะ) เช่น เมื่อก่อนไปตามงานประกวดภาพยนตร์ หรือต้องเอาภาพยนตร์ไปฉายโชว์ตามเทศกาลหนังต่างๆ ก็เหมือนได้ไปเที่ยวแล้ว แต่ถ้าไปต่างจังหวัด ก็เป็นการตามท่านฯ ไปดูโลเกชั่น สําหรับการทําหนังแต่ละเรื่อง สถานที่ไม่ซ้ำกันเลย แต่ละทีสวยงามเป็นธรรมชาติ อันนี้ก็ถือว่าได้เที่ยวในที่ที่แปลกๆแล้วค่ะ"
ก่อนจากกันหม่อมบี๋บอกว่าทุกวันนี้ได้เห็น ท่านมุ้ยและลูกๆ มีความสุข เพียงแค่นี้ก็สุขใจแล้ว "หลังคุณหญิงแมงมุมแต่งงานแล้ว ทํางานหลายอย่าง แล้วตอนนี้ก็มาเปิดร้านอาหารไก่ย่างเสือใหญ่ สาขา 3 ที่สุขุมวิท 49 วันไหนที่ว่าง พี่ก็จะมาช่วยลูก ดูแลร้านให้เค้า คุณชายอดัม ก็กําลังจะเปิดกล้องภาพยนตร์เรื่องที่สอง พี่ก็คอยเป็นกําลังใจให้ลูก ส่วนท่านมุ้ย ก็ขอให้ท่านพักผ่อนบ้าง เพราะพิ่งเสร็จจากตํานานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชฯ ท่านฯก็เหนื่อยพอสมควร แต่ท่านฯก็ไม่ค่อยยอมพัก ท่านฯกำลังเขียนนวนิยายอยู่ค่ะ" หม่อมบี๋กล่าวทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้มสดใส