xs
xsm
sm
md
lg

ศรัทธาในพระเครื่องของ เป้-พงศกร พงษ์ศักดิ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เป้-พงศกร พงษ์ศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริษัท ดริ๊งค์โคโลจีสต์ จำกัด
 
"ผมไม่ใช่นักเลงพระ ผมสะสมพระเครื่องเพราะรักและศรัทธาในพุทธคุณ พระทุกองค์ที่ผมบูชาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจในวันที่เหนื่อยล้า" เป้-พงศกร พงษ์ศักดิ์ นักธุรกิจหนุ่มทายาทเครือสุวรรณกรุ๊ปกล่าวออกตัว ก่อนหยิบกล่องพระเครื่องสะสมของรักที่มีค่าทางใจให้เราชมพร้อมบอกเล่าเรื่องราวที่ทำให้เขาหันมาเรียนรู้สะสมเรื่องพระเครื่องอย่างจริงจังจากเดิมที่ไม่เคยสนใจให้ฟังด้วยท่าทีที่เป็นกันเอง
พระเครื่องสุดรักสุดหวง ของ พงศกร พงษ์ศักดิ์
 
ชื่อของเป้-พงศกร พงษ์ศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดริ๊งค์โคโลจีสต์ จำกัด อาจไม่เป็นที่รู้จักนักในแวดวงคนเล่นพระ แต่ในแวดวงธุรกิจแล้วเชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักเพราะเขาคือลูกชายคนเล็กของกิตติ พงษ์ศักดิ์ เจ้าพ่อสิ่งทอและเจ้าของธุรกิจหลากหลายในเครือสุวรรณกรุ๊ป

หนุ่มใหญ่หน้าตาใจดีบุคคลิกแคล่วคล่องว่องไวที่ชื่อ "เป้" เล่าประวัติตัวเองว่า หลังจบปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ สาขาการเงิน จาก New York Institute of Technology สหรัฐอเมริกา ก็กลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัวอย่างเต็มตัว เริ่มต้นจากการรับผิดชอบงานด้านการตลาดให้กับบริษัทในเครือสุวรรณ ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจสิ่งทอ, สนามกอล์ฟสุวรรณ, ออฟฟิศ บิลดิ้ง สาธร, อพาร์ตเมนต์ เซอร์วิส เพลินจิต รวมถึงศูนย์การค้าเดอะเซอร์เคิลและเมื่อประสบการณ์แก่กล้าจึงควักกระเป๋ามาลงทุนเปิดบริษัทดริ๊งค์โคโลจีสต์ผลิตน้ำผลไม้ของตัวเอง

 
"เป้" เล่าความทรงจำเกี่ยวกับพระเครื่องของเขาว่า ไม่เคยสนใจเพราะโตมาก็เรียนหนังสือเล่นกีฬาตลอด โดยพระองค์แรกที่ได้คือพระสมเด็จบางขุนพรหมที่พ่อให้ใส่ติดตัวตั้งแต่เด็กซึ่งตอนนั้นเขารู้แค่ว่าสวมพระเพื่อคุ้มครองตัวเท่านั้น พอโตมาด้วยความที่ชอบเ ล่นกีฬาจึงเลิกใส่

"ปกติครอบครัวเราคุณพ่อ-คุณแม่จะทำแต่งาน ถ้าทำบุญก็เข้าวัดสร้างพระ แต่ไม่มีใครสะสมพระ อย่างผมเองชอบเล่นกีฬา ชอบเดินทางบางครั้งถอดเข้าถอดออกก็กลัวหายเลยเลิกใส่ จนถึงวันที่มาทำงานกับพ่อ แรกๆก็สนุกสนานกับการทำงานเพราะได้พบเจอคนในแวดวงธุรกิจ ต้องเจรจาการค้า ซึ่งผมรู้สึกว่าเป็นงานที่ท้าทายดี ยิ่งงานที่เราทำสำเร็จเราก็ภูมิใจแต่ก็มีงานใหม่เข้ามาอีกเรื่อยๆโจทย์เริ่มยากขึ้น พอมีปัญหาพ่อก็คอยให้คำปรึกษา แต่ผมก็รู้สึกเครียดนะเพราะต้องทำให้ดีที่สุด"

 
เป้บอกว่าปัญหาที่เจอบางครั้งเขาอยากแก้ไขเองก่อนจะขอคำปรึกษาพ่อแต่อาจเป็นเพราะตอนนั้นเขายังเด็ก สติกับใจไม่นิ่งทุกอย่างก็รวนไปหมด เพื่อนเลยแนะนำให้ลองไปปฎิบัติธรรมที่ศูนย์ปฎิบัติธรรมเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

"พอได้ไปนั่งสมาธิแล้วรู้สึกว่าเป็นการบำบัดจิตใจเราอย่างหนึ่ง กลับมาแล้วก็สดชื่น มีอะไรมากระทบเรานึกถึงพระธรรมคำสอนแล้วสบายใจ เหมือนมีกำลังใจที่จะสู้ต่อ ผมว่าเหมือนคนเราที่พอเฉื่อยถ้าได้ออกกำลังกายแล้วก็สดชื่นขึ้น จิตใจเราก็เหมือนกันเวลามีเรื่องเครียดก็ต้องได้รับการบำบัด แทนที่เราจะไปหาจิตแพทย์ เรามาพึ่งพุทธธรรมนั่งสมาธิดีที่สุดครับ”เป้เล่าจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้พุทธศาสนาอย่างจริงจัง

หลังปฎิบัติธรรมและศึกษาธรรมะจนสบายใจมากขึ้นแล้วก็กลับมาทำงานที่บริษัท แต่ก็ยังนั่งสมาธิที่บ้านต่อเนื่อง เวลาว่างหลังทำงาน เล่นกีฬาพาครอบครัวท่องเที่ยวทำบุญแล้ว เขาก็จะอ่านหนังสือพระ เพื่อศึกษาประวัติของพระเครื่องที่เขาชื่นชอบ “โดยส่วนตัวแล้วผมสนใจประวัติศาสตร์ชาติไทยทุกแง่มุมอยู่แล้วแต่ประวัติศาสตร์พระเครื่องต่างๆนี่เพิ่งเริ่มศึกษาจริงจังหลังกลับจากไปนั่งสมาธิปฎิบัติธรรมที่เขาค้อ พออ่านแล้วรู้ได้รู้จักพระมากขึ้นยิ่งได้รู้ประวัติพุทธคุณแล้วก็ยิ่งศรัทธา อย่างพระบางขุนพรหม หรือหลวงปู่ทวดที่คุณพ่อ-คุณแม่ให้ไว้ตอนเด็กๆ เมื่อก่อนผมไม่รู้ประวัติเลย ได้มาก็เก็บไว้ เพราะที่บ้านจะทำกันแต่งาน พออ่านรู้ประวัติแล้วก็ศรัทธามากมีหลายองค์อยากหามาบูชามาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ”

จากนั้นการสะสมพระของเขาก็เริ่มจริงจัง เมื่อประมาณปี 2010 โดยมีพระขุนแผนเคลือบ กรุวัดใหญ่ชัยมงคล นับเป็นพระเครื่ององค์แรกในชีวิตที่ "เป้" หามาบูชาด้วยเงินตัวเองในราคาค่อนข้างสูง "อ่านประวัติความเป็นมาจบอยากได้มากครับ แต่เราไม่มีความรู้ก็บอกเพื่อนสนิทที่สนใจพระให้ช่วยหาให้ พอได้มาก็คล้องคอตลอด พอคล้องแล้วทำงานไม่เหนื่อยลุยงานแหลกเลยครับ(หัวเราะ)เจรจาติดต่องานราบรื่นผ่านทุกเรื่อง ไม่รู้อุปทานหรือเป็นเพราะบารมีขุนแผนรุ่นนี้ ที่มีชื่อมากในเรื่องอำนาจเมตตามหานิยมมาช่วยผม" เป้กล่าวถึงพระเครื่ององค์แรกของเขา

สำหรับองค์ที่ 2 ที่เขารักมากคือ "พระร่วงหลังรางปืน" ที่สร้างสมัยสุโขทัยเรียกว่าเป็น “จักรพรรดิแห่งพระเครื่องเนื้อชิน” แต่ไม่ปรากฎชัดว่าใครเป็นผู้สร้างมีชื่อในเรื่องของการคุ้มภัยเรื่องโชคลาภ ความสำเร็จและเมตตามหานิยม จากการแนะนำของพระรูปหนึ่งที่บอกว่า เขาเหมาะกับ พระร่วงหลังรางปืนถ้าหามาห้อยได้จะดี

เพราะตอนนั้นเป็นช่วงที่เขาเริ่มขอพ่อมาตั้งบริษัทผลิตเครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมวิตามิน ภายใต้ชื่อแบรนด์ "อีฟ ฟรุตตามิน" ของตัวเอง ซึ่งเขาบอกว่าก็ต้องลุ้น เพราะถือเป็นงานใหม่ที่อยากทำก็ทุ่มเวลา กำลังใจ กำลังกายเต็มที่

เป้บอกว่า หลังกลับมาบ้านได้อ่านประวัติ ผมคิดในใจจะมีบุญมั๊ยนี่ เพราะ เป็นพระเก่าสมัยสุโขทัยคือเก่ากว่าขุนแผนเคลือบอีกครับเพื่อนก็บอกหายากมาก มีเหลือไม่ถึง 20 องค์ ปลอมก็เยอะตอนที่ผมอยากได้ผมก็อธิฐานในใจว่าถ้าใช่ของของผม ขอให้ผมมีวาสนาได้มาครอบครองซึ่งพอบอกเพื่อนไปไม่ถึง 2 อาทิตย์ก็ได้มา อันนี้ผมไม่ได้งมงายนะครับ แต่ผมเชื่อในพลังศรัทธาทำให้ได้มาบูชา และ พอได้มาก็อุ่นใจและก็ไม่รู้เป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า เพราะ "อีฟ ฟรุตตามิน" ที่ผมเพิ่งเปิดก็ราบรื่น ไม่มีอุปสรรคอะไรเลย มันมั่นใจมากขึ้น ทำงานไม่เครียดไม่เหนื่อย อาจเป็นเพราะมีท่านอยู่ใกล้ๆ”

เมื่อถามถึงสัมผัสหรือปาฎิหาริษย์อื่นๆ เป้บอกไม่มีกับตัวเขา แต่เกิดกับลูกชายคนเล็กของ "คือลูกคนเล็กเกิดมาจะไม่ค่อยแข็งแรง ไม่สบายบ่อย ผมก็กราบหลวงปู่โตที่วัดระฆัง แล้วบอกผมยกให้เป็นลูกท่าน แล้วหลวงพ่อที่วัดก็ให้พระสมเด็จพุฒจารย์โตองค์เล็กๆมาคล้องคอลูก เชื่อมั๊ยครับกลับมาเขาไม่ป่วยเลยแข็งแรงมาก เดี๋ยวนี้ทุกเดือนผมก็จะพาลูกเข้าวัดกราบพระ ถ้าอยู่บ้านก็เข้าห้องพระสวดมนต์กัน"

ส่วนพระที่สะสมนั้น เป้บอกว่ามีไม่มาก อาจเป็นเพราะเขานิยมพระกรุเก่าที่เป็นพระเก่าหายากมากกว่าพระที่เพิ่งสร้าง "อย่างที่บอกผมไม่ใช่คนเล่นพระผมไม่มีความรู้เรื่องพุทธศิลป์คือไม่ได้ดูที่รายละเอียดความสวยงาม แต่ผมดูที่ประวัติความเป็นมาผมศรัทธาพระทุกองค์ แต่คงไม่สามารถหามาบูชาได้หมด ดังนั้นผมก็จะเลือกสะสมองค์ที่ผมอยากได้จริงๆครับ"

สำหรับองค์ที่รักมากที่สุดนั้นเขาตอบเสียงดังฟังชัด ว่าเป็นขุนแผนเคลือบกรุวัดใหญ่ชัยมงคล และพระร่วงรางปืน เพราะเป็นพระเก่าที่หายาก อีกทั้งยังเป็นพระที่เขาบูชาด้วยเงินน้ำพักน้ำแรงของเขา และทั้งสององค์ก็เสมือนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจสำคัญที่ทำให้เขามีพลังในการทำงาน

"หากมีใครมาขอเช่าต่อโดยให้ราคาสูงเท่าไร ผมก็ไม่ให้ครับ พระทุกองค์ของผม ผมตั้งใจเก็บให้ลูกผม หลานผมได้ศึกษา" นักธุรกิจหนุ่ม เป้-พงศกร พงษ์ศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายกับเราในวันนั้น

กำลังโหลดความคิดเห็น