>>วันนี้ Celeb Online มีนัดกับสองสาวสวยที่เป็นไอดอลของใครๆ หลายคน ฝ่ายหนึ่งเป็นซุป’ตาร์ดีว่าของเมืองไทยที่เก่งกาจทั้งการร้องเพลงและการแสดง สาวสองพันปีที่สวยไม่เคยสร่าง “มาซ่า วัฒนพานิช” อีกฟากเป็นเซเลบริตี้นักธุรกิจหญิงคนเก่งเจ้าของแบรนด์ร้านอาหารดังอย่าง i-berry “ปลา-อัจฉรา บุรารักษ์” สาวสองคนนี้มีอะไรที่เหมือนกันมากกว่าความสวยและเก่ง เพราะทั้งคู่คือเพื่อนซี้ที่แม้จะไม่ค่อยมีใครทราบแต่ก็สนิทสนมกันมานานหลายปี จนในปัจจุบันนี้พี่ช่าและน้องปลาได้เพิ่มมาอีกหนึ่งความสัมพันธ์ ด้วยการก้าวมาเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ ด้วยการลงทุนเปิดสถาบันความงามด้วยกัน
ย้อนกลับไปเมื่อราวเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ในงานเปิดตัว “เดอะ สการ์เลตต์ คลินิก” (The Scarlett Clinic-Holistic and Laser Center) สถาบันความงามแบบครบวงจรระดับไฮเอนด์ที่ชั้น 2 ของศูนย์การค้าสยามพารากอน ที่ 4 สาวสวยต่างสไตล์ ปลา-อัจฉรา บุรารักษ์, มาช่า วัฒนพานิช, หน่อย-ธีรดา (โชควัฒนา) อำพันวงษ์ และกิ๊บ-วริษา ภาสกรนที พร้อมทั้งเซเลบริตี้คนดังอีกหลายรายมาร่วมหุ้นทำธุรกิจกัน และคนก็พากันคาดว่าสาวสวยอย่างมาช่า คงมาร่วมด้วยในฐานะพรีเซนเตอร์หรือแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ ตามหลักกลยุทธ์การตลาดของธุรกิจความงามอื่นๆ ทั่วไป
แต่ที่จริงแล้วเธอคือหุ้นส่วนคนสำคัญคนหนึ่งของร้านเลยทีเดียว ซึ่งความเป็นมาเป็นไปของการร่วมทีมกันของสาวๆ ทั้งหลายนี้ สาวปลาเล่าให้ฟังว่า “ตอนตัดสินใจจะเข้ามาทำธุรกิจนี้ก็คิดอยู่พักใหญ่เหมือนกัน เพราะแม้ว่าปลาจะเคยลงทุนทำธุรกิจ เปิดร้านมาแล้วหลายสิบสาขา แต่นั่นล้วนเป็นธุรกิจอาหารซึ่งเป็นเรื่องที่ปลาถนัด แต่นี่เป็นเรื่องความสวยความงามที่เราอาจไม่ค่อยถนัดเท่าไร มันก็เหมือนต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ เป็นอะไรที่เราไม่เคยทำอะไรด้านนี้มาก่อน...
ก็นึกว่านี่เราหาเรื่องใส่ตัวหรือเปล่า แต่ที่ตัดสินใจลงมือทำ ก็เพราะปลาเห็นศักยภาพของธุรกิจนี้ ว่ามันน่าสนใจ มีโอกาสเติบโตสูง เพราะเทรนด์โลกมันมาทางนี้ และที่สำคัญคือเราได้หุ้นส่วนที่ดี น้องคนที่ชวนมาทำก็มีประสบการณ์ด้านงานแนวนี้เป็นอย่างดี ทำให้มั่นใจได้ถึงคุณภาพของสินค้า บริการและเครื่องมือเครื่องไม้ต่างๆ ที่เลือกใช้”
ไม่เพียงแต่ตัวเองเท่านั้น แต่เธอยังชวนเอาพี่สาวคนสนิทเข้ามาร่วมด้วย ด้วยความคิดเมื่อนึกถึงว่าอยากได้คนที่นับเป็นบิวตี้ ไอคอน ของเมืองไทย เธอก็ไม่มีตัวเลือกอื่นในใจนอกจาก “มาช่า วัฒนพานิช” หรือว่าพี่ช่าที่เธอรู้จักสนิทสนม นัดสังสรรค์ กินข้าวเมาท์มอยกันมาหลายปีแล้ว
“ตัวช่าเองมีคนมาชวนทำธุรกิจ หรือเชิญมาทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องบิวตี้นี่แยะนะ แต่เราไม่เคยตกลง คือถ้าจะให้ไปเป็นพรีเซนเตอร์ ถ่ายโฆษณานี่ก็ยังพอคุยกันได้ เพราะมันก็เป็นแค่การรับจ้างเขาเป็นงานๆ ไป เสร็จงานก็จบ แต่ถ้าจะให้เป็นพาร์ตเนอร์ ร่วมลงทุน อันนี้ซีเรียสแล้ว มันต้องดูดีๆ คิดเยอะๆ กันหน่อย เพราะช่าจะทำอะไรก็ทำจริง ไม่ใช่ว่าใช้แต่ชื่อ เป็นแค่ในนาม ดังนั้น จะทำธุรกิจกับใครก็ต้องคุยกันรู้เรื่อง ต้องไปทางเดียวกันได้ นี่เป็นเพราะปลาชวนนะ ถึงได้ตัดสินใจทำด้วย เพราะด้วยความที่เราสนิทกันมากอยู่แล้ว เรารู้จักตัวตนเขาดี รู้นิสัยว่าเขาเป็นคนทำงานจริงจังและ Perfectionist มาก การจะเลือกใช้อะไร หรือจะลงมือทำอะไรสักอย่างเขาต้องคิดดีแล้วว่ามันเจ๋งจริง ดีจริง ไม่งั้นเขาไม่ทำหรอก”
4 หุ้นส่วนร่วมใจ
แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้ตกปากรับคำในทันที ใช้เวลาคิดวิเคราะห์อยู่พักใหญ่ “ไม่ใช่ว่าไม่มั่นใจในตัวปลานะ เพราะเมื่อเขาคิดจะทำ ช่ามั่นใจได้เลยในเรื่องคุณภาพและมาตรฐาน แต่ที่ช่าคิดหนักนี่ก็เพราะว่าความสนิทกันนี่แหละเลยไม่อยากทำธุรกิจด้วยกัน กลัวจะทะเลาะกัน จะผิดใจเรื่องงานแล้วจะเสียเพื่อนเปล่าๆ เรารักน้องคนนี้มากก็ไม่อยากจะทำให้มีความเสี่ยงในมิตรภาพของเราเลย
จนกระทั่งปลาเขาพูดขึ้นมาคำหนึ่งแล้วทำให้เราคิดได้ เขาพูดว่า “พี่ช่าไม่ต้องกลัวหรอก เรารักกันมากกว่านั้น เราสนิทกันมากกว่าจะมาทะเลาะกันเรื่องธุรกิจ ถ้ามีอะไรเราก็มานั่งคุยกัน ปรึกษากัน ช่วยกันแก้ปัญหาได้” ช่าก็นึกว่า เอ่อ...จริงเนอะ เราคบกันแบบจริงใจต่อกัน มีอะไรก็พูดกันตรงๆ ปัญหาพวกนี้มันไม่ได้เกิดจากการที่เพื่อนสนิททำงานด้วยกันหรอก แต่มันเกิดเพราะคนที่ทำมันไม่จริงใจต่อกันมากกว่า”
สาวปลาเสริมว่า “หุ้นส่วนเราหลายคน ทั้งปลา พี่ช่า แล้วก็คุณตัน ซึ่งให้น้องกิ๊บ-วริษา (ลูกสาว) เข้ามาร่วมหุ้น ซึ่งปลาก็เป็นหุ้นส่วนทำร้านแซ่บอีลี่กับกิ๊บอยู่แล้ว ส่วนพี่ช่าเองก็รู้จักกับคุณตันด้วย รวมไปถึงหน่อย-ธีรดา และคนอื่นๆ ต่างก็รู้จักกันหมด เลยทำให้เราคุยกัน ทำงานกันง่ายขึ้น เรารู้จักธรรมชาติของกันและกันดี ก็เลยเหมือนมาสนุก ช่วยๆ กันทำมากกว่า ซึ่งแต่ละคนเราก็จะถนัดกันไปคนละด้าน ก็เหมือนมาช่วยเสริมกัน สร้างความมั่นใจและช่วยให้ธุรกิจมันประสบความสำเร็จ”
เธอพูดถึงธุรกิจที่เพิ่งครบ 1 ปีไปเมื่อไม่นานนี้ให้ฟังว่า “สการ์เลตต์ หมายถึง เพชรที่เลอค่า เพชรสีแดงหรือสีเลือดหมู เป็นเพชรคุณภาพดีที่หาได้ยาก มันก็สะท้อนถึงร้านเราได้เป็นอย่างดี ปลาเป็นคนตั้งชื่อนี้ โดยส่วนตัวเป็นคนชอบคิดชื่อร้าน ทำมาหลายร้านแล้ว ก็คิดชื่อเองทั้งหมด ซึ่งตอนแรกคิดมาหลายชื่อ แต่ชอบชื่อนี้ที่สุด และพอบอกหุ้นส่วนทุกคนก็ชอบเหมือนกัน ก็เลยใช้ชื่อนี้ ซึ่งหลังจากตั้งแล้วเพิ่งจะมารู้ว่าคำว่า สการ์เลตต์ ยังถูกใช้เป็นชื่อเรียกชนิดบัตรเครดิตชั้นหรูสุดด้วยนะ คือเป็นบัตรที่เหนือไปกว่าแพลทินัมหรือไดมอนด์เสียอีก มันไปพ้องกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
ด้วยชื่อนี้นี่เองทำให้เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งร้านแตกต่างจากสถาบันความงามทั่วไป ที่เน้นสีขาวๆ เรียบๆ เหมือนคลินิก แต่ที่ร้านสการ์เลตต์นี้ เลือกดีไซน์ร้านด้วยโทนแฟชั่นที่หรูหราสง่างาม เฟอร์นิเจอร์ชิ้นสวยๆ และเลือกสีสันสดๆ อย่างสีแดงเลือดหมูมาใช้”
สาวปลาย้ำว่าที่นี่แตกต่างจากร้านอื่นๆ ด้วยไม่เพียงแต่เรื่องการตกแต่งเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการบริการที่เราเน้นการดูแลที่ครบครันตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า และดูแลทั้งรูปลักษณ์ด้านนอก ใบหน้า เรือนร่าง หุ่น ผิว พร้อมกับดูแลไปถึงภายใน หรือที่เรียกว่า Holistic การบริการแบบองค์รวมที่ลงลึกไปถึงสาเหตุของปัญหา อันเป็นปัจจัยภายใน เรียกได้ว่าแก้ที่ต้นเหตุ อย่างการตรวจเช็กผลเลือด ซึ่งจะสามารถบอกได้ว่าเราเหมาะหรือไม่เหมาะกับอะไร ขาดหรือแพ้อะไร ซึ่งจะส่งผลลัพธ์ออกมาให้เห็นภายนอก
“อย่างทำไมบางคนผิวไม่เรียบ หน้าโทรม ใต้ตาดำ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรมา พักผ่อนก็เพียงพอ รับประทานอาหารครบถ้วน นั่นอาจเป็นเพราะร่างกายแพ้สารบางอย่างที่เราไม่เคยรู้มาก่อนเลย ดังนั้น การตรวจแบบ Holistic นี่มันช่วยให้เราแก้ได้ที่ต้นตอของปัญหาอย่างแท้จริง ซึ่งพอเข้ารับการบริการแก้ไขอย่างตรงจุดเพียงไม่กี่ครั้งก็สามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจน“
ส่วนมาช่าเสริมว่า “เราก็วางแผนอยากเปิดสาขานะ แต่ตอนนี้เอาสาขาแรกให้แน่นให้ดีก่อน เพราะเราอยากให้ได้คุณภาพดีสุด เราคัดสรรมากนะ ไม่ว่าจะบุคลากร เครื่องมือต่างๆ คุณหมอ จัดการอันแรกให้เนี้ยบแล้วค่อยขยายไป เราไม่อยากเร่งแบบขยายๆ ไปแล้วไม่ดูแลคุณภาพ”
เพื่อนสนิทที่รู้ใจ
เมื่อให้เล่าย้อนหลังถึงที่มาที่ทั้งสองนั่นดูจะไม่ได้มีสายงานเกี่ยวพันหรือเพื่อนฝูงในแวดวงเดียวกันแต่กลับกลายมาเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจกันได้อย่างไร
มาช่า : รู้จักกันได้เพราะเพื่อนๆ แนะนำกันมา แบบเพื่อนรู้จักเพื่อนของเพื่อน พอได้เจอกันได้พูดคุยก็รู้สึกถูกคอ และสนิทกันเร็วมาก จนกระทั่งมาสนิทกันมากกว่าสนิทกับเพื่อนๆ ที่แนะนำกันมาอีกเสียอีก (หัวเราะ) แม้ว่าอาจจะไม่ได้สังสรรค์กันบ่อยๆ เพราะต่างคนก็ต่างงานเยอะ เป็นเวิร์กกิ้งวูแมนที่ยุ่งด้วยกันทั้งคู่ ส่วนใหญ่เลยจะเมาท์กันในโทรศัพท์ และนานๆ เจอกันที พักหลังมานี่ได้ทำธุรกิจด้วยกันก็ดีนะคะ ได้เจอกันบ่อยขึ้น ด้วยความที่เราไม่ค่อยได้รวมตัวร่วมแก๊งเฮฮากันบ่อย คนเลยอาจจะไม่ค่อยรู้ว่าเราเป็นเพื่อนกัน แต่ปลาเป็นคนที่ช่าไว้ใจคุยได้เกือบทุกเรื่อง ทั้งเมาท์มอยบ้าง ปรึกษาบ้าง ปลาเป็นน้องที่เราชื่นชม เพราะเขาถือเป็นผู้หญิงเก่งและแกร่ง เป็นคนอดทน ตั้งใจทำงาน แล้วก็สู้ ไม่ยอมแพ้ และมีแง่มุมดีๆ ที่ช่วยแนะนำเราได้ ที่สำคัญคือเห็นเขานิ่งๆ เรียบร้อยแบบนี้ ตัวจริงเขาเป็นคนตลกนะ ขำมาก มีเรื่องอะไรสนุกๆ มาแชร์ตลอด เป็นตัวเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ได้ตลอด
ปลา : เราสนิทกันมากจนบางทีแค่มองหน้าเขา ไม่ต้องพูดอะไร เห็นสายตาเขา เราก็รู้แล้วว่า เขาเป็นยังไง อารมณ์ไหน คือบางทีเขาไม่ต้องการอะไรมาก เขาเหนื่อยมา เราไม่ต้องพูดอะไรเยอะ แต่ก็รับรู้ได้ว่าเป็นกำลังใจให้ นั่งนิ่งๆ อยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว พี่ช่าเป็นพี่ที่น่ารักมากค่ะ และเป็นคนที่เต็มที่กับเพื่อนเสมอ อย่างตอนนั้นวันงานเปิดร้านอาหารแซ่บอิลี่ที่อารีน่า 10 ทองหล่อ 10 เราก็เชิญเขามาร่วมงาน คือเราก็เกรงใจนะ เพราะรู้ว่าเขายุ่ง แต่เขายินดีมาร่วมงานให้ และไม่ได้มาแบบธรรมดานะ พี่ช่าจัดคอสตูมชุดใหญ่มาเลย รู้เลยว่าเขาตั้งใจเตรียมตัวมา ก็ปลื้มมากที่เขาให้เกียรติงานเรา
มาช่า : จำได้เลยว่างานนั้น มันเป็นธีมชุดไทย แล้วตอนที่ช่าเล่นละครเรื่อง บ่วงบรรจถรณ์ ตอนเดินทางไปถ่ายที่สามเหลี่ยมทองคำ จังหวัดเชียงราย เขามีร้านขายพวกชุดไทยสวยๆ เต็มเลย เราก็ได้ไปชอปปิ้งมา 2-3 ชุด แล้วก็เก็บเข้าตู้ไว้หลายปี ใม่เคยได้ฤกษ์ใส่เลย ไม่รู้จะหาโอกาสไหนใส่ เพราะชุดมันอลังการมากใส่ไปเที่ยวไหนก็ไม่ได้ มาได้แต่งตอนงานเขานี่แหละ เลยได้หยิบออกจากตู้มาใส่เป็นครั้งแรก
แบกกระเป๋าตะลุยยุโรป
ด้วยความที่สนิทกันมากแบบนี้ ทั้งคู่เลยผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ แต่ที่น่าจะเป็นไฮไลต์ที่สุด ต้องยกให้กับช่วง 1 เดือนหรรษาในยุโรป อันเป็นทริปที่ควบทั้งการท่องเที่ยวและการไปติดต่อธุรกิจเพื่อเตรียมงานทำร้านสการ์เล็ตต์นี้
มาช่า : ปกติเรานัดกันก็แค่กินข้าว หรืออยากมาก็ไปเที่ยวใกล้ๆ แต่นี่เป็นทริปยาวครั้งแรก ก็สนุกกันมาก เพราะเราไม่ได้ไปแบบทัวร์ แต่เป็นทริปลุย แบกกระเป๋า เปลี่ยนรถ ย้ายเมืองกันเอง ทำให้ได้เผชิญอะไรมากมาย สนุก ขำ เหนื่อย แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แล้ววีรกรรมก็เยอะ แต่ละเรื่องนี่ออกสื่อไม่ค่อยได้นะ (หัวเราะ)”
ปลา : ส่วนใหญจะอยู่กันที่อิตาลีและลอนดอน คือ ปลากับน้องอีกคนที่ทำร้านด้วยกันอยู่ยาวเกือบเดือนเลย เพราะติดต่อดูงาน สั่งเครื่องไม้เครื่องมือ แต่พี่ช่าเขาพอดีติดเล่นคอนเสิร์ต 7 ก็ต้องมีช่วงเว้นบินกลับมาแสดงคอนเสิร์ต แล้วก็กลับไปจอยกันใหม่”
มาช่า : ตอนแรกก็ไม่คิดจะรีบกลับนะ แต่โดนเขาโทรศัพท์จิกตลอดให้รีบกลับมาสนุกด้วยกัน เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกว่าเราได้สนิทกันขึ้นอีก เพราะปกติเวลาไปเที่ยวกับเพื่อน ถึงจะสนิทกันมากก็ไม่แน่นะว่าจะโอเค อย่างบางคนนี่ ตอนอยู่เมืองไทยเราสนุกกันดี แต่พอต้องเดินทางด้วยกันอยู่ด้วยกันตลอดเวลา มันกลายเป็นน่าเบื่อไปก็มี แต่กับปลานี่เราสนุกกันมาก เข้ากันได้ดี ทั้งที่เราชอบอะไรต่างกันนะ เพราะปลาเขาจะไม่ชอบเที่ยวกลางคืน ต่างกับช่าที่จะชอบออกไปดูแสงสี ไนต์ไลฟ์ เราเป็นพวกใช้ชีวิตเต็มที่ ทำงานหนัก เวลาเที่ยวก็หนักเหมือนกัน
ปลา : ไม่ไหวค่ะ ปลาก็ออกไปเที่ยวกับเขานะ แต่ต้องขอกลับโรงแรมก่อนทุกที คนนี้เขาสายแข็งมาก ขนาดไม่ออกไปไหน อยู่ในห้องยังชวนคุยได้ถึง 7 โมงเช้า แล้วก็เดินทางต่อ ออกไปทำงานต่อได้เลย เขาเจ๋งมาก ใส่แว่นดำอันเดียวก็ดูสวยปิ๊งแล้ว
มาช่า : ขอบอกว่าทริปนี้สนุกตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มออกเดินทาง แค่ตอนเริ่มทำวีซ่าก็สนุกแล้ว เราไปกันหลายประเทศ และเพราะไม่ได้ไปกับทัวร์หรือไปเพราะงานที่จะมีคนจัดการเป็นธุระให้ งานนี้ทำทุกอย่างเองหมด แค่กรอกวีซ่าเชงเก้น นี่ปวดหัวแล้ว เอกสารหนาเป็นปึก ประมาณว่าจะสืบกันยันปู่ทวดเลยมั้ง(หัวเราะ)..
พอเดินทางจริง ไปถึงแต่ละเมืองก็ต้องลุ้นว่าจะหาโรงแรมเจอไหม จะหลงหรือเปล่า อย่างบางที่ไปถึงแล้วภาพของจริงกับที่คิดไว้ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด อย่างโรงแรมที่ฟลอเรนซ์เป็นตึกโบราณอายุเป็นร้อยปี อารมณ์คลาสสิก ลิฟต์เป็นแบบดั้งเดิมที่ต้องลากประตูปิดเอง และก็เล็กมาก ชนิดที่แค่เอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของเรา 2 ใบก็เต็มไม่มีที่ยืนแล้ว จนช่าต้องปีนไปอยู่บนกระเป๋าเลย
ปลา : ตอนแรกปลาก็บอกให้เขาขึ้นไปคนเดียวก่อน เดียวเราตามไปอีกรอบ แต่เขาก็ไม่ยอม จะให้เราขึ้นไปพร้อมกันเลย สุดท้ายภาพที่เห็นคือพี่ช่าเขาปีนขึ้นไปโพสบนเกระเป๋า ปลาถึงจะเข้าไปในลิฟต์ได้
มาช่า :ตอนอยู่อิตาลี ก็เป็นช่วงเวลาที่อากาศกำลังแปรปรวน มีลูกเห็บตกเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี คือต้อนรับเราทั้งฝน ลูกเห็บ พายุ และที่ตกมานี่ลูกใหญ่ขนาดน้ำแข็งหลอดได้ นั่งอยู่ในรถนี่ลุ้นกลัวกระจกแตกมาก ตกหนักขนาดเดินทางต่อไม่ได้ ทำให้ต้องตกรถไฟ แล้วก็เปลี่ยนแผนกันวุ่นวาย ก็ยังเมาท์กันอยู่เลยว่า เพราะแก๊งเรามาเหยียบแผ่นดินเขาหรือเปล่านี่ เลยเกิดอาเพศทันทีเลย
เผชิญหน้ากับแก๊งมิจฉาชีพ
นอกจากความลำบากในการเดินทางแล้ว พี่น้องต่างสายเลือดคู่นี้ยังได้เจอกับเรื่องตื่นเต้นเมื่อโดนมิจฉาชีพจะฉกกระเป๋าไปต่อหน้าต่อตา
“ที่สถานีรถไฟในอิตาลี มีคนทำทีเข้ามาจะช่วยยกกระเป๋า ซึ่งช่าเนี่ยด้วยความที่เดินทางบ่อย ทำให้พอจะรู้กลเม็ดของพวกมิฉาชีพพวกนี้ พอเขาเข้ามาหา สัญชาตญาณเราบอกว่ามันไม่ใช่แล้ว เพราะปกติถามสถานีพวกนี้ที่นั่นมันไม่มีหรอก พนักงานยกกระเป๋าหรือใครที่จะมาช่วย ก็เลยกำลังจะอ้าปากเอ่ยห้าม แต่ไม่ทันค่ะ หันไปเห็นปลายื่นให้แบบคุณนายเลย” มาช่าย้อนเล่าเรื่องระทึกใจให้ฟัง
ได้ยินอย่างนี้ สาวปลาก็รีบแก้ตัวว่า “ก็กระเป๋าเรามันใบใหญ่มากงัย ก็คิดว่า เขามาช่วยยกก็ดีเนอะ ไม่ต้องเหนื่อย แล้วเดี๋ยวเราค่อยทิปเขาละกัน บอกเขาด้วยว่า Gate 7 นะจ๊ะ พอได้กระเป๋าไปในมือเท่านั้น เขาวิ่งนำไปอย่างเร็วเลย พี่ช่าเขาสติดีมากรีบวิ่งตามไป แค่เห็นเขาเป็นระดับซูเปอร์สตาร์แบบนี้ แต่เวลาเดินทางด้วยกันนี่เขาลุยมากนะ แล้วก็คอยดูแลเราเหมือนเป็นพี่สาว กระเป๋าใบใหญ่หนักๆ นี่เขายกเอง แบกเองหมด และบางที่มาช่วยเรายกอีกต่าง ปลาก็จะรู้สึกว่า เฮ้ย ไม่ได้ นี่มันมาช่านะ จะมาแบกให้เราได้งัย แต่สุดท้ายต้องยอมเขาทุกที เพราะเขาแข็งแรงกว่าเราอีก”
“กระเป๋าแต่ละใบเราหนักเป็นสิบกิโลกรัมเลยนะ แต่โจรนี่เขาสามารถหิ้วสบายๆ เขาหิ้ว 2 ใบ 2 มือนี่น่าจะร่วม 50 กิโลกรัมได้ แต่เขายกวิ่งตัวปลิวเลย ช่าหิ้วใบเล็กๆ วิ่งตามยังแทบไม่ทัน ต้องเบียดชนคนไปตลอดทาง ตะโกนแต่ “Excuse me” ขอโทษคนไปตลอดทาง แต่ก็ตั้งใจมองแบบไม่ให้คลาดสายตา เพราะพวกนี้เขาทำกันเป็นทีมถ้าหลุดไปส่งต่อให้คนอื่นๆ รับรองว่าเราไม่มีทางได้กระเป๋าคืนแน่ สุดท้ายวิ่งไปทันเขา แล้วไปดักหน้าตะโกนบอกให้หยุด เขาก็ปล่อยกระเป๋าแล้ววิ่งหนีย้อนกลับไปเจอกับปลา ยังไปเนียนว่าจะขอทิปอีกนะ โชคดีที่มีตำรวจอยู่ตรงนั้น เขาเลยเข้ามาช่วยจัดการให้”
แต่เรื่องวุ่นวายยังไม่จบแค่นั้น เพราะสาวปลาเล่าต่อว่า “และที่มันน่าเจ็บใจ คือ ไอ้โจรนี่มันแบกกระเป๋าเราไปไม่ถูกที่ เลยทำให้เราขึ้นรถไฟผิดขบวน เพราะพอจบเรื่องก็มัวแต่ตื่นเต้นตกใจ เลยทำให้ไม่ได้ดูรายละเอียดของรถไฟให้ดี พอขึ้นไปถึงแทนที่จะเป็น Express Train นั่งแป๊บเดียวถึง กลายเป็นไปรถหวานเย็นต้องนั่ง 4-5 ชั่วโมงกว่าจะถึง“
“แล้วแถมก็ไม่มีอะไรเสิร์ฟนะ น้ำก็ไม่มี ไอ้เราวิ่งมาเหนื่อยๆ ไม่มีน้ำจะดื่มด้วย ต้องไปขอตำรวจ จนเขาต้องไปไขที่เก็บล็อกในตู้เอามาให้เรา นาทีนั้นรู้เลยว่าน้ำมันสำคัญกับชีวิตแค่ไหน เราต้องค่อยๆ แบ่งกันจิบคนละนิดกว่าถึงปลายทาง อนาถมากเลย” มาช่ากล่าวด้วยเสียงหัวเราะถึงความทรงจำในอดีต
สาวเมาท์เรื่องความรัก
เมื่อถามถึงว่าเวลาพบปะสังสรรค์กัน นอกจากอัปเดตชีวิต คุยเมาท์สนุกสานแล้ว อีกประเด็นหนึ่งก็หนีไม่พ้นเรื่องราวความรัก ที่ต่างฝ่ายต่างให้คำแนะนำกันและกัน
มาช่า : เรื่องนี้คุยกันแบบแลกเปลี่ยนมากกว่าค่ะ เพราะรุ่นนี้แล้ว เอาอยู่ ดูแลตัวเองได้ แต่ก็จะมาช่วยแชร์ความคิดกัน เพราะปลาเขาจะแนวใช้ความคิด เหตุผล ใช้สมองเป็นหลัก ส่วนช่าจะเน้นอารมณ์นำหน้า
ปลา : (รีบแซวตัวเองว่า) “ก็ปลาเจอคนติสต์มาเยอะงัย เลยถนัดเรื่องนี้(หัวเราะ) คือปลาว่า เรื่องพวกนี้ผู้หญิงเราไม่ได้ต้องการคำปรึกษาหรอก แต่อยากให้คนฟังมากกว่า เปิดพื้นที่โล่งๆ ให้เราได้ระบาย ได้เล่าให้ฟัง เราเข้าใจอีกฝ่ายว่าอารมณ์ไหนต้องการอะไร ช่วงนี้ต้องการคนฟัง ต้องการคนปลอบนะ
มาช่า : ด้วยความที่เป็นผู้หญิงแมนๆ ทั้งคู่ คือดูข้างนอกช่าอาจจะดูแรงกว่า ดูแมนกว่า แล้วปลาจะดูนิ่งๆ เรียบๆ เหมือนจะผู้หญิงกว่าอ่อนกว่า แต่พอเอาเข้าจริงแล้ว ปลานี่เขาแข็งในนะ คือเด็ดขาด ในขณะที่ช่าจะอ่อนไหว คือจะกลับกันเลย มันเลยช่วยเสริมกันได้
ปลา : เรื่องความรัก ปลาก็ทำเหมือนทุกอย่างในชีวิตค่ะ คือเต็มที่กับมัน แล้วก็ต้องมั่นใจในสิ่งที่เราทำ อย่างผู้หญิงเราชอบมีปัญหากับแฟนเพราะหวั่นไหวว่าเราไม่ดีพอ เขาไม่รักเรารึเปล่า เราก็จะไปหมกหมุ่นเกาะติดกับเขา คือทุกอย่างคิดไปเองหมดอ่ะ แต่ถ้าเรามั่นใจในตัวเอง มั่นใจว่าเขารักเรา มันก็จะมีความสุข ไม่ไปหงุดหงิดเซ้าซี้เขา ตัวเองก็อารมณ์ดี สดใส ใครๆ ก็อยากอยู่ด้วย ถ้ามัวแต่กังวล ไม่สบายใจ มีแต่ความหึงหวงใส่ ไม่มีใครอยากอยู่ด้วยหรอก
มาช่า : ทุกอย่างมันอยู่ที่ความคิดทั้งนั้น ถ้าเราคิดในแง่บวก มันก็จะผ่านไปได้อย่างมีความสุข เหมือนอย่างตอนไปเที่ยวกัน มันมีเหตุการณ์และปัญหาเกิดขึ้นมากมายนะ แต่ถ้าเรามองให้มันเป็นเรื่องจิ๊บๆ แล้วก็หัวเราะไปกับมันได้ สุดท้ายจากประสบการณ์ไม่ดีมันก็กลายมาเป็นอีกเรื่องเล่าขำขันในชีวิตเองแหละ”
เคล็ดลับความงามต่างสไตล์
ทำธุรกิจเกี่ยวกับความงามแบบนี้ ไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นทั้งคู่ดูสาวขึ้น สวยขึ้นอยู่ แม้ว่าจะงานหนักและมีภารกิจให้รับผิดชอบมากมาย ทำให้อดถามไม่ได้ว่าพวกเธอมีเคล็ดลับดูแลตัวเองอย่างไร
“ตอนนี้ช่ากำลังจะถ่ายละคร ยังบอกรายละเอียดไม่ได้ เพราะอยู่ในช่วงระหว่างการคุยกันอยู่ แล้วก็มีคอนเสิร์ต ขนนกกับดอกไม้ กับพี่เบิร์ด จะแสดงช่วงปลายเดือนสิงหาคม ตอนนี้ก็เป็นช่วงซ้อมอยู่ แล้วก็มีงานอีเวนต์ งานคอนเสิร์ตต่างๆ และเวลาอีกส่วนก็แบ่งไปออกกำลังกาย นอนพักผ่อน และไปสปา ซึ่งสำหรับช่านี่ถือเป็นงานนะ เพราะเราต้องใช้หน้าตา รูปร่าง มันก็ต้องดูแลให้ดูดีอยู่ตลอด เป็นหน้าที่ที่เราต้องทำ”
สาวปลาช่วยยืนยันพี่สาวคนนี้รักการออกกำลังกาย คือถ้าช่วงไหนไม่ได้ไปจะรู้สึกหงุดหงิด แล้วก็เล่นจริงจัง ออกกำลังกายหนักเกือบเท่าผู้ชายเลยทีเดียว
“มีช่วงหนึ่งที่ช่าเล่นถี่มาก เล่นจนกล้ามขึ้น แบบใส่เสื้อแล้วติดกล้ามเลยต้องหยุดไปพักใหญ่ มันดูเป็นกล้ามปูไป จนเทรนเนอร์เองก็ต้องเตือนว่า พี่ช่าลดหน่อยเหอะ คือช่าจะเล่นไม่ได้เยอะ แต่เล่นหนัก อย่างพวกยกแรงต่างๆ ถ้าผู้ชายเล่นประมาณสี่สิบกิโลกรัม ช่าก็แบบสามสิบได้ เป็นพวกทำอะไรทำจริงไง ไม่ชอบมาเหยาะแหยะ แบบบางครั้งเห็นผู้หญิงมาเข้ายิมกับแฟน ยกน้ำหนัก 4-5 กิโลแล้วก็บ่นอ้อนแฟน นี่ช่าย้ายไปเล่นไกลๆ เลยนะ รำคาญ
ปลา “พี่ช่าเขามีวินัยในตัวเองสูงนะ ปลาพยายามจะทำให้ได้อย่างนั้นบ้าง พยายามจะออกกำลังกายแบบสม่ำเสมอ แต่ปลายังทำไม่ได้เลย ติดงานบ้าง ไม่มีอารมณ์บ้าง ขี้เกียจบ้าง”
“แต่ก่อนพี่ก็เป็นนะ ขี้เกียจ อยากนอน แต่พอเล่นสักพักมันจะติดนะ ถ้าไม่ได้ออกจะหงุดหงิด คือ ถึงถ้าไม่ได้ไปฟิตเนส นั่งว่างๆ อยู่ ก็จะยกแขน เหวี่ยงแขน ต้องทำนู่นนี่อยู่นิ่งไม่ได้ เป็นคนพลังเยอะ ตอนไปตรวจเลือด คุณหมอจะบอกว่าของช่านี่พลังงานเยอะ ตัวเผาผลาญอย่างกับรถสปอร์ต ช่าเริ่มจากเล่นโยคะเพราะถูกจริต เล่นของเราคนเดียวเงียบๆ ไม่ต้องไปเจ๊าะแจ๊ะ พูดคุยกับใคร และได้ความสงบ แถมที่ดูแรกๆ คิดว่าเบาๆ กลายเป็นว่าใช้แรงเยอะและเรียกเหงื่อได้มากเลยนะ เราก็เลยติดใจเล่นมาเลย ปัจจุบันนี้ก็เล่นควบคู่กันทั้งแนวใช้แรงใช้กล้ามเนื้อ แบบเข้าฟิตเนส แล้วก็มาผ่อนด้วยโยคะ สร้างความสมดุลให้ร่างกาย
และนอกจากการดูแลเรื่องออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็ยังระมัดระวังเรื่องอาหารการกิน โชคดีที่เป็นคนชอบกินอาหารที่มันเฮลตี้อยู่แล้ว อย่างพวกผักกับปลานี่ของโปรดเลย ไม่ชอบกินเนื้อ หมู ไม่กินมัน ไม่กินเครื่องใน เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว อย่างกินไก่ก็จะกินพวกอกไก่ กินปลาก็ไม่กินหนัง
ส่วนอีกสาวหนึ่ง ส่ายหน้าแล้วบอกว่า “ตัวปลาตรงข้ามกับพี่ช่าทุกอย่าง ชอบกินเนื้อ ชอบกินไก่ตรงน่อง สะโพก แถมยังทำร้านอาหารต้องชิมมากมายอีก เราก็เลยต้องพยายามควบคุมการกิน โดยกินเย็นน้อย แล้วก็จะออกกำลังกายเหมือนพี่ช่า ตอนนี้ปลาก็เริ่มชกมวย ซิตอัพ ไปวิ่งบ้าง ชอบชกมวยนะ ชอบเพราะมันเร็วนะ เล่นแค่ครึ่งชั่วโมงก็เหงื่อโซมแล้ว ได้ใช้แรงทั้งตัว เหวี่ยงแขน ขา ออกแรงชกแล้วก็เอี้ยวตัวด้วยทำให้เราหุ่นดีขึ้น เพราะปลาเป็นคนแขนขาเล็ก แต่ช่วงตัวจะหนาหน่อย ก็ต้องเน้นตรงนี้เป็นพิเศษ
ที่สำคัญพอมาทำธุรกิจนี้ ปลาก็ดูแลมากขึ้น มีทำเลเซอร์ ทำให้หน้าเข้ารูปขึ้น ผิวดีขึ้น เป็นตัวช่วยที่ดีเลย เพราะทุกวันนี้บุคลิกเป็นเรื่องสำคัญ การดูดี ดูสวย ดูแลตัวเองดีๆ มันก็คือประโยชน์ของเราเอง เพราะดูดีเราก็มั่นใจ แล้วก็มีความสุข บอกตรง ปลาทำใจไม่ได้กับความแก่เท่าไร คือมันก็รู้ว่าต้องแก่ตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่เราก็อยากยืดออกไปให้นานที่สุด พยายามรักษาให้ดีที่สุด อยู่ให้มันสวย ดูสาวได้มากสุด”
มาช่าช่วยกล่าวเสริมว่า “เรื่องแบบนี้มันเป็นสิ่งที่สาวๆ ไม่ควรมองข้าม บางอย่างเราดูแลเองมันอาจไม่ครบ ก็ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าช่วยดูแล ใครอยากปรึกษาอะไรแวะเข้ามาที่สการ์เล็ตต์ได้ ด้วยหุ้นส่วน ทำเลที่ตั้ง บรรยากาศร้าน ทำให้หลายคนคิดว่าเราแพงเวอร์ แต่ที่จริงมันไม่ใช่ อยากให้ลองเข้ามาดูก่อน ที่สำคัญคือที่นี่ไว้ใจได้ เพราะช่ากับปลาจะลองกันก่อน จนมั่นใจแล้วจึงให้บริการได้ เชื่อใจได้ว่าเราไม่ยอมเอาชื่อเสียงมาเสี่ยงหรอก” :: Text by FLASH
Credit
นายแบบ & นางแบบ :: มาช่า วัฒนพานิช & อัจฉรา บุรารักษ์
ช่างภาพ :: กมลภัทร พงศ์สุวรรณ
เสื้อผ้า :: Tory Burch โทรศัพท์ 0-2617-9415-9