xs
xsm
sm
md
lg

ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์ กับเพื่อนซี้ฮิปฮอป เฟรดดี้ วง Southside

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>Celeb Online ชวนหนุ่ม “ป๊อก - ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์” มาปรากฏตัวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พิเศษกว่าเดิม เพราะนอกจากป๊อกจะมาในมาดฮิปฮอปเต็มขั้น พร้อมรอยสักเต็มแขน แถมยังชวนเพื่อนสุดซี้ร่วมก๊วนอย่าง “เฟรดดี้ - เฟเดริโก วาสซานโล” หนุ่มลูกครึ่งไทย - อิตาเลียน แห่งวง Southside มาพูดคุยกันในอีกมุมหนึ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้

ตอนนี้ป๊อก กลายศิลปินเต็มตัวในนาม Mindset แห่งค่าย ไทยเทเนี่ยม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ค่ายเพลงฮิปฮอปชื่อดังของไทย ทุกวันนี้ทายาทตระกูลดัง ได้ทำตามความฝันด้วยการ ผลิตผลงานเพลงด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน ออกทัวร์เล่นคอนเสิร์ตตามที่ต่างๆ เหมือนนักร้องคนอื่นๆ และจุดสำคัญที่ทำให้เขาก้าวเข้ามาทำงานเพลงอย่างเต็มตัว ก็คือ เฟรดดี้ เพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม

ป๊อก “ก่อนที่ผมจะไปเรียนที่อเมริกา คุณพ่อลองส่งผมไปเรียนโรงเรียนประจำที่โรงเรียนนานาชาติ ที่ภูเก็ต ส่วนเฟรดดี้เขาเป็นเด็กภูเก็ตอยู่แล้ว ผมอยู่หอ แต่เฟรดดี้ไม่ได้อยู่ เขาก็ชอบมาเล่นเกมกับผมที่หอ ชวนไปเตะบอลด้วยกัน ก็เลยสนิทกันตั้งแต่ตอนนั้น แต่พอคุณพ่อเมื่อเห็นว่าผมอยู่โรงเรียนประจำได้แล้ว พอที่อเมริกาใกล้จะเปิดเทอมปุ๊บ เขาก็แพ็กของให้เสร็จสรรพ แล้วพาผมไปเลย ไม่ทันได้ตั้งตัว เพื่อนๆ ก็ไม่ได้ล่ำลากันเลย”

เฟรดดี้ จู่ๆ ป๊อกก็หายไปเลย แล้วก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกนะ จนผมย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ แล้ว ก็เจอกันโดยบังเอิญที่ข้างถนน”

ป๊อก “เมื่อสัก 5-6 ปีก่อน ตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ที่อเมริกานะครับ แต่กลับมาเยี่ยมบ้าน ผมขับรถอยู่แล้วเห็นเฟรดดี้กำลังเดินอยู่ริมถนน ผมกำลังจะเลี้ยวเข้าซอยไปที่ร้านของคุณแม่ (อาภัสรา หงสกุล) แล้วเห็นเขาพอดี ผมเลยจอดรถ เปิดกระจกแล้วทักเขา จากนั้นเลยกลับมาติดต่อกันใหม่ มันก็ตลกเหมือนกันนะ ถ้าผมไม่ไปร้านแม่ ไม่เลี้ยวเข้าซอยนั้น วันนั้น ตอนนั้น แล้วเฟรดดี้ไม่เดินออกมา ก็คงไม่ได้เจอกันอีก”

เฟรดดี้ “เราไม่ได้เจอกันเป็น 10 ปีแล้วนะ แต่เขาก็ยังจำผมได้อีก ก็คุยกันว่าไปอยู่ไหน ทำอะไร แล้วก็หายกันไปอีก จนป๊อกเรียนจบกลับมาจากอเมริกา เขาก็ทำเพลงมาอยู่แล้ว ขนเอาอุปกรณ์ทำเพลงทุกอย่างกลับมาด้วย ผมว่าเพลงของป๊อกมันออกมาดี ออกมาสนุก พอเห็นเขาทำเพลง ผมก็ชวนมาเจอกับเพื่อนๆ ผมที่ทำเพลง แล้วก็เริ่มทำเพลงกันเพราะความสนุกนั่นแหละ ซึ่งตอนนั้นผมก็อยูไทยเทเนียม และเป็นวง Southside แล้วครับ”

แต่เส้นทางกว่าจะมาได้เป็นศิลปินฮิปฮอปเต็มตัวอย่างทุกวันนี้ของป๊อก ไม่ใช่คิดจะทำแล้วทำได้เลย เพราะเขายังทำเพลงเป็นงานอดิเรกในเวลาหลังเลิกจากงานประจำที่หนังสือพิมพ์ M2F จนวันหนึ่งเฟรดดี้ได้เอ่ยปากชวนให้มาทำเพลงอย่างจริงจัง

เฟรดดี้ “ผมเห็นว่าป๊อกทำเพลงแล้วมันสนุก การที่คนๆ หนึ่งทำทุกอย่างเอง ทำบีตเอง แร็ปเอง เล่นดนตรีเอง มันต้องมีความพยายามมากจริงๆ ผมกล้าพูดได้เลย”

ป๊อก “ผมทำเพลงเล่นๆ แต่ไม่เคยคิดจะทำเป็นอาชีพ ไม่เคยเอาเพลงให้ใครฟัง แต่จะมีเพื่อนมาขอเอาไปฟังเองบ้าง แล้วมันกระจายออกไป จนสุดท้ายเฟรดดี้มาพูดว่าผมน่าจะทำเพลงจริงจัง ซึ่งเป็นช่วงที่ผมกำลังจะออกจากงานประจำพอดี แต่ยังคิดว่าจะไปบอกที่บ้านยังไงดี เพราะตอนเรียนจบไฮสกูลที่บอสตัน ผมเคยอยากเรียนต่อโรงเรียนดนตรีที่เจ๋งมากของที่นั่น ซึ่งเน้นด้านดนตรีเป็นหลัก แต่คุณพ่อ (สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์) กลัวว่าถ้าเรียนแล้วไม่เป็นตามหวัง เราอาจจะไปทำงานอื่นได้ยากแล้วเพราะไม่มีความรู้ด้านอื่น ผมเลยเลือกเรียนเศรษฐศาสตร์และทำเพลงไปด้วย ซึ่งคุณพ่อก็ไม่เคยว่าอะไร”

ในที่สุด ป๊อกจึงเลือกเส้นทางตัวเองด้วยการเรียนปริญญาโทด้าน MBA ที่ศศินทร์ จุฬาฯ ควบคู่ไปกับการทำเพลงเป็นอีกอาชีพหนึ่ง และจริงจังขึ้นเรื่อยๆ ได้ขึ้นเวทีใหญ่ไปเป็นแขกรับเชิญให้คอนเสิร์ตของวง Southside และทำให้ครอบครัวยอมรับในความสามารถได้ “หลังจากวันนั้นคุณพ่อไม่เคยพูดถึงเรื่องที่ผมทำเพลงอีกเลย เพราะปกติเขาจะชอบมาถามว่า ไปเที่ยวไหน ทำไมกลับดึกดื่น ซึ่งบางทีเราไม่ได้ไปเที่ยวนะ แต่เราแค่ไปทำเพลงกัน

ไม่ใช่พ่อคนเดียวที่รับได้ แต่ญาติๆ อย่างคุณป้าผมก็มาซื้อตุ้มหูให้ผมเลย บอกว่าไว้ใส่เผื่อไปเล่นคอนเสิร์ต โห มันเริ่มเปลี่ยนไปเลยนะ เขาก็เริ่มชอบ เริ่มยอมรับในตัวผมได้มากขึ้น ไม่มีกำแพงกั้นอีกแล้ว ผมก็ปล่อยเต็มที่ได้เลย เรื่องสักเขาก็รับได้แล้ว ผมสามารถใส่เสื้อแขนสั้นโชว์รอยสักได้เลยเต็มที่ เขารับได้ที่เราเป็นเราจริงๆ”

และเมื่อได้ก้าวเข้ามาเป็นศิลปินมืออาชีพ ก็ยิ่งทำให้ทั้งสองคนยิ่งสนิทกันมากกว่าเดิม ป๊อกบอกว่าการได้มาทำเพลงกับเพื่อนที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว ก็เหมือนได้คุยภาษาเดียวกัน รู้ใจกัน และเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด ในขณะที่เฟรดดี้บอกว่าการทำเพลงเป็นเหมือนไลฟ์สไตล์ของพวกเขา ที่ทำให้ได้เจอกันบ่อยๆ และยังเป็นตัวเชื่อมมิตรภาพได้อย่างดีอีกด้วย

นอกจากเรื่องเพลงที่เป็นคอเดียวกันแล้ว งานอดิเรกอย่างการขี่มอเตอร์ไซค์ 2 คนนี้ก็ยังชอบเหมือนๆ กันอีก เรียกได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่บ้ารถมอเตอร์ไซค์กันทั้งคู่

ป๊อก “แม้ว่าไม่ได้ชอบมอเตอร์ไซค์แบบเดียวกันแต่เราก็ถือว่าชอบสิ่งเดียวกัน เพราะว่าเฟรดดี้เขาชอบรถคลาสสิก ส่วนของผมจะเป็นรถฮาร์เลย์ฯ ตอนนี้ก็กำลังหาโอกาสที่จะไปร่วมทริปขับรถด้วยกันครับ”

เฟรดดี้ “ป๊อกเขาขับมาก่อนผมนะ แต่จริงๆ ผมสนใจมากก่อน แต่เมื่อก่อนแม่ผมไม่อยากให้ผมขับมอเตอร์ไซค์เท่าไหร่ นที่ผมมีตอนนี้เป็นมอเตอร์ไซค์คลาสสิก เก่ามาก และไม่ได้สตาร์ทมา 20 ปี เป็นรถเก่าสมัยสงครามโลก ผมซื้อมาแล้วเอามาซ่อม ตอนนี้ซ่อมใกล้เสร็จแล้ว เสร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวจะไปบิดด้วยกันครับ กำลังแพลนทริปกันอยู่”

เป็นเพื่อนกันมานานนับสิบปี เราเลยอดถามไม่ได้ว่าทั้งคู่เคยทะเลาะกันบ้างหรือเปล่า ก็ได้รับคำตอบที่ทำให้แปลกใจเมื่อทั้งป๊อกและเฟรดดี้ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยทะเลาะกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ป๊อก “ผมเข้าใจเวลาคนอื่นเขาทะเลาะกันนะ แต่กับไอ้นี้ผมไม่เคยทะเลาะกับมันเลย ถ้าให้พูดตรงๆ ก็คือพวกเราเป็นพวกกวนด้วยทั้งคู่ แต่ด้วยความที่รู้ว่าตัวเองแค่กวนไปอย่างนั้น แต่จริงๆ ไม่ได้คิดอะไร มันเลยไม่เคยทะเลาะกัน”

และเมื่อได้ก้าวเข้ามาเป็นศิลปินมืออาชีพ ก็ยิ่งทำให้ทั้งสองคนยิ่งสนิทกันมากกว่าเดิม ป๊อกบอกว่าการได้มาทำเพลงกับเพื่อนที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว ก็เหมือนได้คุยภาษาเดียวกัน รู้ใจกัน และเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด ในขณะที่เฟรดดี้บอกว่าการทำเพลงเป็นเหมือนไลฟ์สไตล์ของพวกเขา ที่ทำให้ได้เจอกันบ่อยๆ และยังเป็นตัวเชื่อมมิตรภาพได้อย่างดีอีกด้วย

นอกจากเรื่องเพลงที่เป็นคอเดียวกันแล้ว งานอดิเรกอย่างการขี่มอเตอร์ไซค์ 2 คนนี้ก็ยังชอบเหมือนๆ กันอีก เรียกได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่บ้ารถมอเตอร์ไซค์กันทั้งคู่

ป๊อก “แม้ว่าไม่ได้ชอบมอเตอร์ไซค์แบบเดียวกันแต่เราก็ถือว่าชอบสิ่งเดียวกัน เพราะว่าเฟรดดี้เขาชอบรถคลาสสิก ส่วนของผมจะเป็นรถฮาร์เลย์ฯ ตอนนี้ก็กำลังหาโอกาสที่จะไปร่วมทริปขับรถด้วยกันครับ”

เฟรดดี้ “ป๊อกเขาขับมาก่อนผมนะ แต่จริงๆ ผมสนใจมากก่อน แต่เมื่อก่อนแม่ผมไม่อยากให้ผมขับมอเตอร์ไซค์เท่าไหร่ นที่ผมมีตอนนี้เป็นมอเตอร์ไซค์คลาสสิก เก่ามาก และไม่ได้สตาร์ทมา 20 ปี เป็นรถเก่าสมัยสงครามโลก ผมซื้อมาแล้วเอามาซ่อม ตอนนี้ซ่อมใกล้เสร็จแล้ว เสร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวจะไปบิดด้วยกันครับ กำลังแพลนทริปกันอยู่”

เป็นเพื่อนกันมานานนับสิบปี เราเลยอดถามไม่ได้ว่าทั้งคู่เคยทะเลาะกันบ้างหรือเปล่า ก็ได้รับคำตอบที่ทำให้แปลกใจเมื่อทั้งป๊อกและเฟรดดี้ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยทะเลาะกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ป๊อก “ผมเข้าใจเวลาคนอื่นเขาทะเลาะกันนะ แต่กับไอ้นี้ผมไม่เคยทะเลาะกับมันเลย ถ้าให้พูดตรงๆ ก็คือพวกเราเป็นพวกกวนด้วยทั้งคู่ แต่ด้วยความที่รู้ว่าตัวเองแค่กวนไปอย่างนั้น แต่จริงๆ ไม่ได้คิดอะไร มันเลยไม่เคยทะเลาะกัน”

เฟรดดี้ “ถ้าเจอพวกเรา แล้วเราไม่กวนใส่ใคร แสดงว่ามีอะไรแปลกๆ แล้วนะครับ (หัวเราะ) อีกอย่างหนึ่งคือพวกเรารู้จักกันตั้งแต่เด็กๆ แล้ว มันก็ไม่มีอะไรที่ไม่เคยเห็น ผมก็เห็นมันเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ผมชอบมันเพราะมันจริงใจ ด้วยความที่ผมเป็นคนต่างจังหวัด แล้วมาอยู่กรุงเทพฯ เอาจริงๆ นะ แต่ก่อนคนก็ไม่ได้ทรีตผมอย่างนี้ แต่เพราะผมเป็นเฟรดดี้ วง Southside ในตอนนี้มากกว่า แต่สำหรับป๊อก มันรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นคนยังไง และผมรู้ว่ามันเป็นยังไง ซึ่งมันสำคัญตรงนี้ด้วยนะ ทุกอย่างมีขึ้นมีลง แต่ถ้าความเป็นเพื่อน มันก็อยู่ได้นานกว่า”

ป๊อก “เฟรดดี้เป็นคนซื่อนะครับ ไม่ใช่คนมีลับลมคมใน ไม่ได้คิดซับซ้อน หรือคิดจะเอาผลประโยชน์จากใคร และไม่เอาเปรียบใคร เป็นคนง่ายๆ ชิลชิล อยู่ด้วยแล้วก็สบายใจ ถ้าผมมีปัญหาอะไรจริงๆ ผมปรึกษามันได้ คุยกับมันได้ทุกเรื่อง คุยกันเป็นชั่วโมงได้เลยนะครับ”

เรียกว่าเป็นมิตรภาพดีๆ ของสองเพื่อนซี้ ซึ่งนอกจากทั้งคู่จะไปแจมกันตามงานคอนเสิร์ตแล้ว ตอนนี้ 2 เพื่อนซี้รวมถึงศิลปินคนอื่นๆ ในค่ายกำลังซุ่มทำโปรเจกต์อัลบัมพิเศษด้วยกันอยู่ ส่วนโปรเจกต์ส่วนตัวของหนุ่มป๊อก นอกเหนือจากการทำงานเพลงเขาก็ยังมีแบรนด์เสื้อผ้า Pistol ที่ทำขายออนไลน์ซึ่งกำลังไปได้สวย และโปรเจกต์ทำน้ำผลไม้แนว Energy Drink ที่เราน่าจะได้เห็นกันราวๆ สิ้นปีนี้ :: Text by FLASH




กำลังโหลดความคิดเห็น