xs
xsm
sm
md
lg

“ซุมบ้า” กู้ชาติของครูหนุ่ม-ยอดชาย ยมะคุปต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ครูหนุ่ม-ยอดชาย ยมะคุปต์
 
กระโดดขึ้นเวทีอโศกนำเต้นซุมบ้าได้ไม่กี่ครั้ง ดูเหมือน “ครูหนุ่ม-ยอดชาย ยมะคุปต์” ก็กลายเป็นขวัญใจมวลมหาชนบนเวทีขับไล่ระบอบทักษิณย่านนั้นทันที เพราะนอกจากจะมาสร้างความสนุกแล้ว ยังเสริมสร้างสุขภาพอีกด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายเวทีต่างเรียกร้องให้ครูหนุ่มไปนำเต้นอีก ชนิดที่ว่าถ้ารัฐบาลยังดื้อรั้นไม่ออกไป ก็อาจเป็นไปได้ว่า ผู้ชุมนุมจะต้องหุ่นดี สุขภาพสดใสกันถ้วนหน้าเลยทีเดียว

 
วันนี้ ครูหนุ่ม-ยอดชาย ยมะคุปต์ ผู้จัดการ The Studio อดีตแชมป์เต้นแห่งยุโรป ในชุดออกกำลังกายสีสันสดใสไม่แพ้ใบหน้า ปลีกตัวมาพูดคุยกับเราเรื่องการเต้นรำและการเมืองอย่างเป็นกันเองว่า สนใจเรื่องเต้นรำตั้งแต่อายุ 19 เพราะรู้สึกช่วยผ่อนคลายได้ดีเยี่ยม ดังนั้น เมื่อเรียนจบศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้ว เขาจึงไปเรียนเต้นรำที่โรงเรียน Beer Tanzschule, Bremerhaven ประเทศเยอรมนี
จากความชอบที่มีอยู่ เมื่อได้เรียนได้รู้ทักษะก็หลงใหลมากยิ่งขึ้น ทำให้ทุกเวทีประกวดเต้นในช่วงนั้น ต้องมีชื่อครูหนุ่มติดโผอยู่ด้วยเกือบทุกครั้ง โดยรางวัลที่สร้างชื่อให้เขาก้าวเข้ามาเป็นที่รู้จักในวงการนี้คือ รางวัลที่ 1 ประกวดเต้นยุวชนชิงแชมป์ยุโรป ปี1991 (Swinging World Contest 1991) เมื่อกลับเมืองไทยจึงเปิดสตูดิโอสอนเต้นรำอย่างจริงจัง

 
ที่ผ่านมาเขายอมรับว่าเขาคือ “ไทยเฉย” ผู้ไม่เคยสนใจการเมืองแม้แต่น้อย เพราะคิดว่าไม่ใช่หน้าที่ แต่สุดท้ายเมื่อได้รู้ข้อมูล ทำให้เขาไม่อาจนิ่งเฉยต่อไปได้

“การเมืองเป็นเรื่องที่ไม่คิดจะสนใจเลย เพราะมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว จนมาถึงปลายปีที่ผ่านมา รู้สึกว่ามีการพูดถึงกันเยอะมาก เลยเริ่มอ่านข่าว ดูทีวี แต่ก็ไม่รู้ข้อมูลมากนัก จนวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา กปปส. Shut Down กรุงเทพฯ มีเปิดเวทีที่สี่แยกอโศก นั่นเป็นวันแรกเลยที่ผมมีโอกาสไปนั่งฟังนักวิชาการพูด ก็ทำให้รู้เรื่องมากขึ้น เลยติดใจไปฟังทุกวัน เพราะที่ผ่านมาเราทำแต่งาน ไม่รู้เลยว่ารัฐบาลที่ประชาชนไว้ใจ จะทำกับประเทศของเราได้ขนาดนี้ มันโหดร้ายเกินไป ผมรับไม่ได้ในหลายเรื่อง โดยเฉพาะ เรื่องข้าวนี่เป็นสิ่งที่ทำใจไม่ได้เลยครับ ชาวนาประเทศอื่นรวยๆ กันทั้งนั้น มีแต่เมืองไทยนี่แหละที่ยังจน แล้วยังมาถูกรังแกอีก”

 
กว่า 2 สัปดาห์ที่เขาไปนั่งฟัง ทำให้รู้อย่างลึกซึ้งว่า นโยบายที่รัฐกำหนดรวมถึงสิ่งที่รัฐบาลทำ ไม่ถูกต้อง ทำให้เขามองย้อนแล้วรู้สึกเสียดายเวลาช่วงที่เป็น “ไทยเฉย” ปล่อยให้บ้านเมืองถูกทำร้าย ด้วยนโยบายประชานิยมจนยากที่จะแก้ไข ทั้งที่ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องใกล้ตัว

“ผมนึกย้อนถึงตัวเอง ถามว่านโยบายต่างๆ ของรัฐบาลกระทบกับงานมั้ย? นักเรียนที่มาเรียนเต้นกับผมก็ไม่ได้ลดลงนะครับ แต่มีปัญหาที่ทำให้เราคิดได้เช่น ค่าแรง 300 บาท บริษัทผมเป็นบริษัทเล็กมีคนงาน 1 คน จ่ายเพิ่มไปเราไม่รู้สึก แต่คิดถึงบริษัทใหญ่ๆ ที่มีคนงานมากๆ แล้วเศรษฐกิจแบบนี้ ส่งออกลดลง แล้วยังต้องจ่ายค่าแรงเพิ่ม มันกระทบแน่นอน ส่วนเรื่องรถคันแรก กระทบในส่วนการเดินทาง นักเรียนบางคนนัดเรียนเวลานั้นเวลานี้ จากที่ไม่เคยมีการเปลี่ยนตารางเรียนก็ต้องเปลี่ยนต้องเลื่อน 1-2 ปีที่ผ่านมา จัดตารางเรียนลำบากมาก”

 
ครูหนุ่มยังบอกอีกว่า แม้ไม่อาจจะยอมรับกับรัฐบาลชุดนี้ได้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเขาเป็นเพียงประชาชนคนธรรมดา สิ่งที่ทำได้ก็คือไปนั่งฟังหลังเลิกงาน แต่แล้ววันหนึ่งครูหนุ่มก็ได้มีโอกาสขึ้นไปนำเต้นบนเวที อย่างที่ตัวเองก็ไม่คิดว่า สุดท้ายแล้วจะได้รับการต้อนรับมากขนาดนี้

“ก่อนวันเลือกตั้ง 1 วัน ผมเริ่มทนไม่ได้ เห็นคนข้างๆ นั่งปรบมือ เป่านกหวีด คือทุกคนที่มาม็อบมีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยมาก และถ้าเป็นแบบนี้นานๆ ไม่ดีกับสุขภาพแน่ ผมเลยเดินไปที่เวทีบอกคุณคล้ายจันทร์ ที่ดูแลเวทีอโศกว่า ผมอยากนำเต้นซุมบ้าบนเวที คุณคล้ายจันทร์ก็เห็นด้วย “บอกดีเลยขอบคุณที่มาช่วยกัน” วันรุ่งขึ้นก็ได้ขึ้นนำเต้น “ซุมบ้า” บนเวทีอโศก ปรากฏคนชอบมาก เพราะสนุก ได้ออกกำลังกายที่ไม่หนัก ใครที่ได้เต้นจะรู้สึกเลยนอกจากช่วยเผาผลาญไขมันแล้ว ยังมีลุ้นอีกด้วยว่า เพลงต่อไปจะเป็นแนวไหน ช้าหรือเร็ว”

 
ครูหนุ่มกล่าวพร้อมยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีว่า เขาไม่คิดว่าสิ่งเล็กๆ ที่เขานำไปมอบให้คนที่ออกมาสู้เพื่อชาติ จะได้รับความสนใจมากเช่นนี้ เพราะการออกกำลังกายสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งแต่ละคนจะชอบและมีความถนัดไม่เหมือนกัน “ตอนนี้มีหลายเวทีอยากให้ไปอีก อย่างอาทิตย์ก่อนไป 3 เวทีเลย คือที่ อโศก ราชประสงค์ และลุมพินี คนเต้นสนุกกันมาก แล้วเพลงที่ผมเอามาเป็นเพลงถูกลิขสิทธิ์ ที่ “ซุมบ้าอเมริกา” ส่งมาให้ เพราะผมเป็นสมาชิก และเป็นพรีเซนเตอร์ซุมบ้าในไทย ซึ่งเป็นเพลงที่สนุก พอเห็นคนชอบเห็นคนยิ้มผมก็ดีใจหายเหนื่อยแล้วครับ”

 
แม้จะมีภารกิจมากมายแค่ไหน หากแต่ครูหนุ่มก็ยืนยันว่า การได้ขึ้นนำเต้นซุมบ้าบนเวทีการเมืองครั้งนี้ เขาทำด้วยความเต็มใจและดีใจที่ได้ช่วยชาติ แม้จะไม่ได้ไปสู้รบด้วยปืนผาหน้าไม้ เหมือนทหาร-ตำรวจ หรือใช้วิชาความรู้ไปสู้เรื่องตัวบทกฎหมาย หากแต่ “ซุมบ้ากู้ชาติ” ก็ช่วยให้มวลชนมีความสุข พร้อมๆ กับมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง อยู่สู้กับระบอบทักษิณนี้ต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น