>>เหลือบตามองทางไหน สาวๆ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะวัยรุ่น วัยทำงาน วัยผู้ใหญ่ ทุกวันนี้ต่างให้ความสำคัญกับการดูแลความงามของผมไม่ต่างจากการแต่งหน้าหรือแต่งกายแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นการจัดแต่งทรง การดูแลรักษา บำรุงเส้นผม ล้วนแต่ผ่านการเลือกสรรอย่างใส่ใจ โดยหารู้ไม่ว่าบางครั้งทรงผมสวยๆ ก็ต้องแลกมากับความเสี่ยงผมเสีย วันนี้เราพาคุณไปรู้จักกับ 3 ทรงผมสุดฮิตที่ทำให้ผมอ่อนแอและเสียง่าย พร้อมกับคำแนะนำในการป้องกันเพื่อให้คุณสามารถทำผมสวยๆ ได้ดั่งใจโดยไม่ต้องกังวลว่าเส้นผมจะเสียเหมือนอย่างที่เป็นมาอีกต่อไป
โดยทรงผม 3 สไตล์ ที่สาวไทยนิยมทำนั้นได้แก่
1. Fuzzy Curls หรือทรงผมบิดเกลียวม้วนเป็นลอนฟูสวย โดยใช้การม้วนผมด้วยแกนไฟฟ้า เพื่อให้ผมฟูฟุ้งสวยมีมิติอันเป็นสาเหตุให้ผมเสียไร้น้ำหนัก เพราะการจะทำให้ผมเป็นลอนม้วนสวยอยู่ตัวไปตลอดวัน ต้องใช้ความร้อนสูง ซึ่งบางครั้งตั้งค่าสูงถึง 180 80 องศาเซลเซียสขึ้นไป อันเป็นความร้อนที่เกินกว่าโครงสร้างเส้นผมจะรับได้ และจะทำให้ผมอ่อนแอและเสียง่าย
ทรงที่ 2 Super Straight Hair สาวๆ ที่นิยมผมตรง ซึ่งปกติธรรมชาติสาวไทยมักจะผมตรงอยู่แล้ว แต่สาวๆ ทั้งหลายก็ยังอยากได้ผมที่ตรงเรียบแบบสุดเป๊ะ จึงต้องพึ่งพาการไดร์ผม เพื่อใช้ความร้อนในการจัดทรง ที่แม้จะไม่ได้ใช้ความร้อนสูง แต่การจะทำให้ผมเรียบตรงทั้งศีรษะนั้น ต้องอาศัยการไดร์เป็นเวลานาน และถ้าอยากสวยรักษาลุคก็ต้องไดร์ตรงนานๆ ทุกวัน การถูกความร้อนนานๆ ก็ทำให้เป็นที่มาของปัญหาเส้นผมแห้งเสียในระยะยาวได้
ทรงที่ 3 Vintage Big Hair เป็นทรงที่ฮิตมากตั้งแต่ปีที่แล้ว กับอิทธิพลของภาพยนตร์เรื่อง The Great Gatsby ที่ทำเอากระแสการแต่งตัว แต่งหน้า แต่งกายสไตล์วินเทจคลาสสิก หรือที่รู้จักกันในเทรนด์ที่เรียกว่า Gatsby กลายเป็นเทรนด์ฮิตติดลมบนต่อเนื่องมานานหลายเดือน ซึ่งทรงผมในสไตล์นี้ เน้นให้หยองพองฟูแบบวินเทจสไตล์ดาราฮอลลีวูดยุคเก่า ซึ่งนอกจากจะแต่งผมให้อยู่ทรงด้วยความร้อนแล้ว ทรงผมแบบเก๋ๆ ทรงนี้ยังต้องอาศัยการยีผมเพื่อเพิ่มวอลุ่มให้โคนผมอีกด้วย ซึ่งเป็นการเปิดเกล็ดผม ทำให้เส้นผมอ่อนแอ และบางครั้งต้องใช้สารเคมีในการช่วยจัดทรง ซึ่งเมื่อเกล็ดผมเปิดแล้วสารเคมีเหล่านี้ก็จะยิ่งเข้าไปทำลายเส้นผมได้ง่ายอีกด้วย
ดังนั้นถ้าสาวๆ คนไหนอยากจะทำทรงผมสวยๆ 3 ทรงนี้ คุณต้องรู้จักที่จะบำรุงรักษาและปกป้องเส้นผม เพื่อที่ความร้อนและสารเคมีต่างๆ จะไม่ไปทำลายให้ผมเสียได้โดยง่าย วิธีการบำรุงที่ง่ายที่สุดคือการใช้ครีมนวดผม อันเป็นวิถีทางที่สาวไทยหลายคนมองข้ามไป ด้วยความเชื่อและความเข้าใจที่ว่าครีมนวดผม นั้นทำให้ผมมัน และรู้สึกหนักผม ไม่เบาสบาย ซึ่งด้วยอากาศเมืองร้อนอย่างเมืองไทยสาวๆ ทั้งหลายก็หงุดหงิดไม่พอใจกับความหนักและความมันของเส้นผมอยู่แล้ว ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงการบำรุงผมอย่างล้ำลึกเป็นประจำจากความเข้าใจผิดนี้ เพราะที่จริงแล้วครีมนวดผมมีหลากหลายแบบ และยิ่งสูตรใหม่ๆ ที่แต่ละแบรนด์พยายามพัฒนาขึ้นมาก็ต่างแก้ปัญหานี้แล้วทั้งนั้น
เหมือนอย่างโดฟที่ทุ่มเงินและเวลาในการพัฒนาเทคโนโลยีการปกป้องเส้นผมแบบใหม่ในผลิตภัณฑ์ “โดฟ คอนดิชันเนอร์ สูตรใหม่” ด้วยการใช้นวัตกรรม “เคราติน รีแพร์ แอ็คทีฟ” ที่ช่วยอุดรูพรุนด้วยการเติมเคราตินถึงชั้นเซลล์ผม แต่ยังให้ความรู้สึกเบาสบายมีชีวิตชีวา พร้อมด้วยการใช้แผ่นไมโครชีต ซึ่งเป็นลักษณะการเรียงตัวของผลิตภัณฑ์แบบเป็นแผ่นเรียบๆ ที่จะกระจายช่วยปกป้องเส้นผมได้อย่างครอบคลุมกว่าเนื้อผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เป็นรูปทรงกลม แถมยังช่วยทำให้ผมลื่น ไม่พันกัน หวีให้เป็นระเบียบได้ง่าย
โดยวิธีการใช้ครีมนวดผมนั้นก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย เพียงหลังจากสระผมแล้วบีบน้ำออกให้ผมเปียกเพียงหมาดๆ เพื่อให้สารบำรุงในครีมนวดผมสามารถตรงเข้าสู่เซลล์ผมได้อย่างเต็มที่ ใส่ครีมนวดผมในปริมาณพอเหมาะ คือสำหรับผมยาวประมาณครึ่งหลัง ควรใช้ปริมาณครีมนวดผมประมาณ 1 ฝ่ามือ แต่หากผมยาวมากหรือหนาเป็นพิเศษก็ควรเพิ่มปริมาณให้มากขึ้น โดยการชโลมที่กึ่งกลางผมแล้วลูบไปตามความยาวของเส้นผม โดยเน้นบริเวณปลายผมให้มาก แล้วทิ้งไว้ 1-2 นาที เพื่อช่วยให้ครีมนวดผมสามารถเข้าถึงเส้นผมได้ทั่วถึงที่สุด จากนั้นล้างออกด้วยน้ำตั้งแต่โคนไปสู่ปลายผม ซึ่งจะช่วยปิดเกล็ดผมและเก็บกักความชุ่มชื้นไว้ภายใน
นอกจากการใช้ครีมนวดผมอย่างถูกวิธีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งคือควรเลือกใช้ครีมนวดผมให้ถูกกับสภาพและความต้องการของเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นผมเสีย, ผมแห้ง, ผมมัน, ผมตรง ฯลฯ เพียงเท่านี้สาวๆ ทั้งหลายก็สามารถมีทรงผมสวยๆ ได้อย่างที่ต้องการ โดยที่สุขภาพผมก็ยังคงดีด้วยไปพร้อมๆ กัน :: Text by FLASH
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net และ ติดตาม CelebStagram ได้ที่ http://www.manager.co.th/celebonline/celebstagram/