>>Celeb Online มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับชายหนุ่มบุคลิกดี “พรเศก ภาคสุวรรณ” หรือที่เรียกกันติดปากว่า “เทดดี้” Reserve Channel Director บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด และเป็นหวานใจของเซเลบสาวสวย “เมย์-เมสินี แก้วราตรี” ซึ่งเทดดี้เคยทำงานฝ่ายขายมาหลายสไตล์ จนมาลงตัวกับงานปัจจุบันที่ผสมผสานงานกับไลฟ์สไตล์ของเขาได้อย่างลงตัว
“ต้องบอกว่างานที่นี่สำหรับผมมันสนุก ผมมาถูกทาง ถูกจริต เป็นงานที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของผมด้วย เพราะปกติผมเป็นคนกินดื่ม เที่ยว ชอบแฮงเอาต์อยู่แล้ว แต่ตอนแรกกว่าจะได้เข้ามาทำก็คุยกันหลายรอบ ต้องปรึกษาคุณแม่ด้วย เพราะคุณแม่ไม่ได้สนับสนุนเรื่องการจำหน่ายแอลกอฮอล์ เนื่องจากเป็นหนึ่งในการผิดศีล แต่ผมจะมองอีกแบบ มองว่าเราไม่ได้ส่งเสริมให้คนเมาไม่ได้สติ แต่เราส่งเสริมให้คนรู้จักดื่ม รู้จักฉลองอย่างมีความรับผิดชอบ
ตอนนี้สิ่งที่พวกเราพยายามจะสร้างขึ้นมาคือ Drinking Culture ซึ่งคืออะไรก็ตามที่เป็นการดื่มอย่างถูกต้องและรู้สึกถึงรสชาติ คล้ายๆ Cocktail Culture ตอนนี้เราเริ่มรู้แล้วว่า ค็อกเทลมันมีตั้งแต่การทำ เราจะเรียนรู้คำว่าบาร์เชฟ คือเหมือนเชฟที่ทำอาหาร แต่บาร์เชฟ คือเชฟที่ทำเครื่องดื่ม โดยเอาแอลกอฮอล์มาผสมเข้ากับส่วนผสมอื่น ให้ออกมาเป็นค็อกเทล การเสิร์ฟก็ต้องมีพรีเซนเตชั่น คือทำอย่างไรก็ได้ให้คนเอนจอยกับการดื่ม มากกว่าดื่มให้หมดไป
ก่อนหน้านี้ผมเคยเปิดผับเสิร์ฟแอลกอฮอล์ ด้วยความที่เราชอบเที่ยวอยู่แล้ว แต่สไตล์การดื่มตอนนั้นกับตอนนี้คนละแบบกัน เพราะเรารู้ถึงวิธีการดื่มเพิ่มขึ้น ซึ่งคนที่เข้ามาในวัฒนธรรมการดื่มได้มักจะเริ่มจากเพื่อน เพื่อนดื่มอะไรเราก็จะดื่มตาม แต่พอสักพักพอเราได้เรียนรู้ เราก็จะรู้ว่าอะไรที่เหมาะกับเรา และมีโอกาสได้ทดลองง่ายขึ้น ไม่เหมือนแต่ก่อน ยิ่งตอนนี้ยิ่งง่ายเพราะข้อมูลข่าวสารในอินเทอร์เน็ตมันแพร่หลาย
ผมเป็นคนชอบดื่ม ถ้าเกิดมีร้านใหม่ๆ ก็จะไปลองกิน เวลาไปต่างประเทศก็จะไปดูว่าวัฒนธรรมการกินดื่มของเขาเป็นอย่างไร เพื่อจะไปเรียนรู้ เราทำงานด้านนี้ และชอบอยู่แล้วด้วย มันเลยง่าย เป็นงานที่ทำแล้วเอนจอยมาก มีคนถามว่าออกไปอีเวนต์ทุกคืน ไม่เหนื่อยบ้างหรือ!? ผมบอกไปว่ามันคือส่วนหนึ่งของงาน มันก็เหนื่อย แต่ความรู้สึกมันกึ่งๆ ทำงาน กึ่งไลฟ์สไตล์ของเราด้วย จึงไม่รู้สึกว่าเรากำลังทำงานอยู่”
นอกเหนือเวลางานแล้ว กิจกรรมที่เทดดี้กำลังหลงใหลไม่แพ้เรื่องดื่มก็คือการปั่นจักรยาน “ผมปั่นจักรยานมาตั้งแต่เด็กๆ อย่าง BMX หรือเสือหมอบ สมัยก่อนผมกับคุณพ่อประกอบจักรยานเอง ด้วยความที่ผมชอบอะไรที่เป็นเครื่องยนต์ คุณพ่อเลยสนับสนุนให้ไปซื้อชิ้นส่วนต่างๆ มาประกอบเอง ทำสีเอง เชื่อมต่อเอง ตอนเรียน ม.3 ก็ปั่นจากบ้านแถวบางนา ไปบางปะกง ประมาณ 60 กิโลเมตรเห็นจะได้ หรือไม่ก็ไปปั่นที่เวลโลโดรม ในสนามกีฬาหัวหมาก ขี่จักรยานไปซื้ออะไหล่ที่วรจักร แต่พอเราโตขึ้นต้องเรียน ต้องทำงาน ไม่ว่าง จึงเก็บไว้ก่อน ไม่ได้ไปยุ่งกับมันอีก
จนประมาณปีที่แล้ว ผมพอมีเวลาจึงกลับมาสนใจอีกครั้ง และพอดีผมกับภรรยา (เมสินี) เขามาปั่นเป็นเพื่อนผมด้วย มันจึงเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่สนุก แต่ตอนนี้ผมจะปั่นตอนเช้า ส่วนวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็จะปั่นออกไปที่สวนลุมพินี ปั่นเสร็จก็ไปวิ่ง วิ่งเสร็จปั่นต่อ เวลาขี่จักรยานจะเจอทางใหม่ๆ เยอะ ผมว่าคนปั่นจักรยานจะเห็นอะไรที่คนอื่นเขาไม่เห็นนะ แต่ปั่นจักรยานในกรุงเทพฯ ก็ต้องระวังหน่อย”
อีกอย่างที่เราคาดไม่ถึงเพราะภาพลักษณ์เทดดี้ ดูเป็นหนุ่มในเมืองที่รักการแฮงเอาต์ แต่ตอนนี้เขาขอปลีกตัวออกต่างจังหวัดในวันว่างเพื่อดูแลผืนนาประมาณ 60 ไร่ มรดกตกทอดที่เขาได้รับมา
“เป็นที่นาที่อำเภอแปดริ้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา สมัยก่อนคุณพ่อเคยให้เขาเช่าทำนาแล้วมันยุ่งยาก คุณพ่อจึงปล่อยไว้เฉยๆ แต่ผมเห็นมันอยู่เฉยๆ มานานแล้ว คิดว่าน่าจะทำอะไรให้มันมีประโยชน์ จึงกลับไปดูว่าพอจะทำอะไร พัฒนาอะไรได้บ้าง จากนั้นได้ไปคุยกับผู้ใหญ่บ้านที่นั่น บอกกับเขาว่าผมอยากจะทำนา ทางผู้ใหญ่บ้านจึงมาแนะนำ หาคนมาช่วย ตอนนี้ทำมา 3 ครั้งแล้ว ประมาณ 2 ปีกว่า ได้ผลผลิตดีขึ้นมาเรื่อยๆ เก็บเกี่ยวครั้งที่แล้วได้ประมาณ 38 ตัน ซึ่งเยอะเหมือนกัน
ช่วงนี้พอวันหยุดเสาร์อาทิตย์ผมก็จะไปดูแลนา และผมไปปลูกบ้าน 2 หลังไว้ตรงนั้น เป็นบ้านไม้ตรงที่นาของผม ผมชอบของเก่า ไปซื้อไม้เก่ามาจากมุกดาหาร ขับไปดู และจ้างคนไปยกมาจากมุกดาหาร ซื้อยกมาทั้งหลังเลย แล้วค่อยๆ มาปลูกสร้างใหม่ที่นี่ แต่ผมดีไซน์เองนะครับ”
ชีวิตของผมตอนนี้โฟกัสไม่กี่อย่าง อย่างจักรยานกับการทำนา ก็เป็นสองสิ่งที่ผมโฟกัสอยู่ ในอนาคตก็อยากจะทำรีสอร์ตเล็กๆ เพราะที่ดินของผมอยู่ติดกับลำคลองนครเนื่องเขต เป็นคลองที่ ร.5 เคยเสด็จประพาสทางชลมารค และที่นั่นอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ขับรถประมาณ 45 นาทีก็ถึง ซึ่งน่าจะเป็นสเต็ปต่อไปในปีหน้า”
อีกสิ่งหนึ่งที่เราสังเกตได้ชัด คือ เทดดี้ชอบพวกของวินเทจ ซึ่งเขาบอกว่าได้รับอิทธิพลมาเต็มๆ จากคุณพ่อ “คุณไพรัช ภาคสุวรรณ”
“ไอดอลคือคุณพ่อครับ ผมซึมซับอะไรจากเขามาเยอะ สมัยก่อนพ่อผมเที่ยวเยอะ ร้านในพัฒนพงษ์ไม่มีร้านไหนไม่รู้จักเขา พ่อทำงานเป็นเซลส์อยู่บริษัทไอบีเอ็ม ได้รางวัลตลอด ขับรถสปอร์ต กินเหล้าสูบบุหรี่ แต่พอมาเจอคุณแม่แล้วหยุดหมดทุกอย่าง ก่อนหน้านี้คุณพ่อนับถือศาสนาคริสต์ แต่มาอยู่กับคุณแม่ก็ไปสายกรรมฐาน ตามรับใช้ครูบาอาจารย์ เพราะคุณพ่อรักคุณแม่มาก ผมจึงมองท่านเป็นไอดอล เพราะเราได้อยู่ใกล้ชิดท่านมากที่สุดจนสนิทสนมกัน และคุณพ่อเป็นคนชอบแต่งตัวเหมือนกันอีก
คุณพ่อผมไม่เคยซื้อรถใหม่เลยนะครับ รถของคุณพ่อจะมีเรื่องราวทุกคัน ตอนเด็กๆ เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงซื้อรถรุ่นนี้ โมเดลนั้น เมื่อไม่นานมานี้ผมได้ไปเที่ยวที่เวโรนา ประเทศอิตาลี และไปเจอรถรุ่นเดียวกับที่คุณพ่อเคยมี กลายเป็นรถสะสมไปแล้ว ซึ่งสมัยเด็กๆ เรานั่งไปโรงเรียนทุกวัน และท่านมีรถวินเทจเยอะ
ทุกวันนี้นอกจากจักรยานแล้ว ผมยังมีรถวินเทจมากกว่าจักรยานอีกนะ มีปอร์เช่อยู่ 3 คัน มีเบนซ์หางปลาอยู่ 1 คัน มีมอเตอร์ไซค์วินเทจอีก 2 คัน จอดอยู่ในห้องกระจกแต่ยังขับได้ทุกคัน วันหยุดเสาร์อาทิตย์ ผมมีหน้าที่ไปติดเครื่องและขับออกมา เช็ดถู และถอยกลับเข้าไป ถ้าคนชอบจริงๆ แค่ได้ขับออกมานิดเดียวก็แฮปปี้แล้ว แค่ได้มองรถเฉยๆ ก็มีความสุขแล้ว”
ขนาดเวลาไปท่องเที่ยวต่างประเทศ เทดดี้ยังคงคอนเซ็ปต์หนุ่มรักเครื่องยนต์ เพราะเขาจะต้องเช่ารถเพื่อขับรถออกท่องเที่ยวไปยังเมืองต่างๆ ด้วยตัวเอง “ทุกที่ที่ผมไป ผมจะไปเช่ารถขับเอง ซึ่งรถที่ผมเช่า ก็ต้องเป็นรถที่ผมอยากขับด้วยนะ ล่าสุดขับรถข้ามเทือกเขาทิตลิส ที่สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งประทับใจสุดๆ เพราะทางมันสวยมาก แต่ก็น่ากลัวด้วย เพราะทางแคบและเป็นเหวลึก เราก็ไปแบบมีจีพีเอสอันนึง โดยตอนแรกก็ไม่รู้ว่าทางที่เราจะไปมันต้องข้ามเขา พอไปถึงก็เห็นภูเขาที่มีหิมะปกคลุม มีหมู่บ้านเป็นระยะๆ ทุกที่ที่ไปเที่ยวและได้ขับรถผมแฮปปี้หมดทุกทริป
มีทริปนึงตอนนั้นขับรถจากออสเตรียไปเช็ก แล้วขับจากเวโรนาไปมิลาน จากมิลานไปสวิส ขับไปกับภรรยา โชคดีที่เขาเป็นคนชอบนั่งรถ เวลาขับไปเจออะไรน่าสนใจที่ไหนก็จอดเลย พวกเรามีที่แพลนอยากจะไปอีกก็คือ สหรัฐอเมริกา ซึ่งน่าจะเป็นทริปใหญ่ ทั้งผมและเมย์มีกิจกรรมที่ลุยๆ เหมือนกัน ไปไหนก็ไปด้วยกันได้หมด”
ไม่เฉพาะเรื่องเครื่องยนต์ แม้แต่การแต่งตัวเทดดี้ก็ชอบสไตล์วินเทจเช่นกัน “ผมแต่งแนวนี้เป็นปกติ เวลาไปงานที่ไหนก็จะมีคนมาบอกว่าเราแต่งตัวจัดนะ คือผมแค่อยากแต่งตัวให้มีกิมมิกนิดๆ และผมชอบสะสมรองเท้าด้วยครับ มีอยู่เกือบร้อยคู่ ขนาดภรรยายังบอกว่าของผมมีเยอะกว่าเธออีก เธอจึงถามว่าทำไมผมถึงชอบซื้อรองเท้าเยอะจัง เวลาผมไปที่ไหนแล้วเห็นรองเท้าไม่ได้เลยนะ ยิ่งถ้าเจอรองเท้าหนังมีลายฉลุ ที่เป็นทรงวินเทจ ต้องปรี่เข้าไปดู ไปต่างประเทศทุกทีต้องซื้อกลับมา ไม่รู้เป็นไร อย่างน้อยๆ ต้องได้รองเท้า 1 คู่กลับมา”
ต้องเรียกว่าเป็นชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตได้คุ้มค่าคนหนึ่ง ซึ่งเทดดี้ถือคติที่ว่า ชีวิตคนเราสั้น ดังนั้น อยากจะทำอะไรให้ทำเลย “ผมอยากทำอะไรก็จะทำ อยากซื้ออะไรซื้อ ถ้าไม่เดือดร้อนคนอื่นนะ ผมจะทำให้ครอบครัวมีความสุข คนรอบข้างมีความสุข ผมมีความสุข ชีวิตผมแฮปปี้แล้ว”
“คราวที่ผมไปเวโรนา มันมีงานวินเทจ คาร์ แรลลี่ ซึ่งบังเอิญเป็นวันเดียวกับที่ผมไปที่นั่นพอดี ผมเห็นแล้วถูกใจมาก ถูกใจจริงๆ เลยนะ เห็นแล้วอะดรีนาลีนหลั่งเลย ผมถ่ายรูปเพียบ ทุกอย่างมันพอดีมาก รถแต่ละคันสวยมาก ตอนนี้ก็ลองดูว่าถ้าปีหน้ามีก็จะไปอีก จะไปถ่ายทำเป็นวิดีโอเลย” :: Text by FLASH
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net และ ติดตาม CelebStagram ได้ที่ http://www.manager.co.th/celebonline/celebstagram/