ART EYE VIEW---เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีฝีมือในด้านการวาดภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องจากเมื่อครั้งยังเรียนระดับอาชีวศึกษา ที่ จ.สงขลา เคยลองวาด และรู้สึกว่าวาดไม่สวย มีผลทำให้ ซุฟ - สราวุธ อิสรานุวรรธน์ แทบไม่มีความมั่นใจที่จะวาดอีกเลย
เขาได้แต่เก็บความรู้สึกนี้ไว้กับตัวเองอย่างเงียบๆ ไม่เคยบอกเล่าให้ใครฟัง เพราะปกติเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองค่อนข้างสูง
“กลัวคนบอกว่า ป๊อด (กลัว ปอดแหก ไม่กล้า ) นี่หว่า เพราะผมเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูงมากนะฮะ ก็เลยกลัวว่าคนจะรู้ว่าเรามีความไม่มั่นใจบางอย่างอยู่ เพราะตั้งแต่เด็กๆแล้ว ผมเป็นคนนึงที่รู้สึกว่าตัวเองวาดรูปได้ดี เคยส่งประกวด และก็มั่นใจในฝีมือตัวเองว่า โอ้ย... ฉันเก่งๆๆ”
มีช่วงที่มาเรียนมหาวิทยาลัย ที่ทำให้เราได้รู้ว่า มีคนที่เขาเก่งกว่าเราเยอะมาก และยิ่งเมื่อออกมาทำงาน ก็ยิ่งรู้ว่าตัวเรามันน้อยนิดมาก
ซึ่งการที่ผมรู้สึกว่าตัวเองวาดภาพพระองค์ท่านได้ไม่เหมือน มันทำให้ผม Down มากๆ ควาาม Self มันก็เริ่มหายไป”
เหตุเพราะปิ๊ง “หญิงแต้ว”
กระทั่งเรียนจบระดับปริญญาตรี เอกจิตรกรรม สาขาทัศนศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปทำงานโรงงานทำอาหารส่งออกอยู่พักใหญ่ โดยแทบไม่ทำงานศิลปะเลย แล้วได้กลับมาทำงานโฆษณาที่ บริษัท Doublehead Studio
ทำให้ได้ฝึกวาดภาพพอร์เทรต ด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ทำ Storyboard (แผ่นป้ายที่เขียนเรียบเรียงฉากหรือเรื่องราวที่จะถ่ายทำ)
“เพราะงานที่ทำทุกวัน ผมต้องวาดภาพคน ด้วยคอมพิวเตอร์ทุกวัน ต้องทำเป็นไฟล์ดิจิตอล เพื่อที่จะแก้ไขงานได้ง่าย ซึ่งในความรู้สึกของผม มันก็ไม่ได้ต่างจากการวาดภาพทั่วไป เพียงแค่เราเปลี่ยนจากที่เคยใช้ดินสอ หรือใช้สีวาดภาพบนกระดาษหรือบนผ้าใบ มาใช้เม้าส์ปากกา วาดบนคอมพิวเตอร์ ดังนั้นทักษะ เดิมๆ ที่เราเคยเรียนมา มันก็ยังได้ใช้เหมือนเดิม”
ขณะเดียวกัน สราวุธได้เลือกคนหรือเรื่องราวที่อยู่ในกระแสของละครและภาพยนตร์มาฝึกวาด เมื่อวาดเสร็จก็มักจะนำไปโพสต์บนโซเชียลมีเดีย
“อย่างภาพที่วาดเกี่ยวกับละครเรื่อง “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” กับ “ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น” เป็นงานที่ทำให้คนรู้จักผม เพราะวาดเสร็จผมก็โพสต์ ก็เลยมีคนตามดูงานอยู่เรื่อยๆ
เสียงตอบรับที่ดีจากผู้ที่ได้ชมผลงาน ทำให้เขาวาดอย่างต่อเนื่อง และยังสร้างรายได้ให้อีกทาง
“งานที่ผมโพสต์ในช่วงที่มีละครสุภาพบุรุษจุฑาเทพออกอากาศ มีคนชอบเยอะมาก สิ่งที่ทำให้ผมคิดอยากวาดละครเรื่องนี้ มันเกิดจากการที่ผมชอบ หญิงแต้ว หรือ หม่อมเจ้าหญิงวรรณรสา ในตอน คุณชายปวรรุจ คือผมชอบละครหรือชอบหนังเรื่องไหน ผมก็วาด
ผมวาดขึ้นมาภาพนึงก่อน แล้วบังเอิญว่าน้องสาวผมก็ชอบละครเรื่องนี้ ก็เลยมาบอกว่าทำไมแกไม่วาดคุณชายปวรรุจด้วย พอวาดเยอะเข้า น้องก็มาบอกอีกว่า ทำไมแกไม่วาดภาพคนนั้นภาพคนนี้บ้าง
พอวาดไปสักพักคนก็จะมีคนในโซเชียลมีเดียเข้ามาถามอีกว่า รับวาดภาพคนทั่วไปหรือเปล่าคะ ก็เลยเป็นหนทางทำให้เรามีรายได้ไปด้วย
บางคนจะแต่งงานก็มาบอกว่าอยากจะได้ภาพตรีมนั้นตรีมนี้ โดยขอให้ภาพของหนู ใส่ชุดเหมือนคุณกรองแก้ว (นางสาวศรีสยาม) ในตอน คุณชายพุฒิภัทร
งานที่เกิดจากวาดละครเรื่องนี้ จึงทำให้ผมเป็นที่รู้จักมากขึ้นประมาณนึง อย่าง อินสตราแกรม ของผม ตอนแรกมีคนติดตามอยู่แค่ 20 คน พอผมโพสต์งานพวกนี้เข้า จนถึงตอนนี้มีคนติดตาม 6,000 กว่าคนแล้วครับ มากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
บางคนก็สงสัยว่า มันเป็นภาพอะไร ใช้โปรแกรมอะไรทำ แล้วใช้App( Application ) หรือเปล่า ก็ต้องอธิบายกันไป บางทีก็มีคนมาช่วยตอบให้ คือบางคนอธิบายไปเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่างานมันถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องไปว่าเขา ถ้าเขาไม่เข้าใจ เพียงแต่ว่าเขาเห็นงานแล้วเขาชอบ ก็เลยถาม
ซึ่งความจริงแล้ว งานของผม เป็นงานที่ถูกวาดขึ้นด้วยโปรแกรม Photoshop ครับ ไม่ได้เป็นการเอาภาพถ่ายมาสแกนลงคอมพิวเตอร์แล้วเอามารีทัช แต่เป็นการวาดขึ้นใหม่หมดในคอมพิวเตอร์”
วาดพ่อหลวง ด้วย Photoshop
แม้ความมั่นใจที่เคยหดหาย จะค่อยๆถูกเรียกคืนกลับมาบ้างแล้ว ทว่าสราวุธก็ยังไม่มั่นใจที่จะวาดภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยู่ดี กระทั่งเมื่อไม่กี่เดือนมานี้
“วันคล้ายวันเกิดของผมเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้ ผมไปเปิดแฟ้มดู เพราะงานผมเยอะมาก งานไหนเป็นงานจ้าง งานไหนเป็นงานเขียนเล่น ผมจะทำแยกแฟ้มไว้ จนได้ไปเห็นภาพวาดสีน้ำภาพหนึ่งของตัวเอง ซึ่งเป็นภาพพระองค์ท่าน อยู่ในพระอิริยาบถที่พระพักตร์มองเฉียงนิดนึง ก็ตกใจว่า โอ้.. เรายังมีงานสีน้ำที่วาดพระองค์ท่านอยู่ด้วยเหรอ เพราะงานสีน้ำผมมีเก็บไว้น้อยมาก เนื่องจากสมัยก่อน ยังไม่มีกล้องดิจิตอลถ่ายเป็นไฟล์เก็บไว้ จึงทำให้ งานบางส่วนหายไปหมด พอเจอภาพพระองค์ท่าน เลยเอามานั่งดู ซึ่งภาพนี้วาดขึ้นตอนเรียนจบแล้ว แต่วาดจนลืมไปแล้วว่าเคยวาด มีแค่ภาพเดียวที่ยังเหลืออยู่
เลยได้มานั่งคิดดูว่า งานที่เราวาดด้วยคอมพิวเตอร์ เราวาดคนอื่นเยอะมากเลยนะ แต่เราจะไม่วาดพระองค์ท่านเลยเหรอ เราน่าจะมั่นใจได้แล้วนะ เพราะฝึกฝนด้วยการวาดคนอื่นมาเยอะแล้ว และทำได้ดีขึ้นบ้างแล้ว
ด้วยเหตุนี้ วันคล้ายวันเกิดของตัวเอง ก็เลยลองวาดภาพพระองค์ท่านขึ้นมาภาพหนึ่ง พระพัตร์มองก้มนิดนึง และแย้มพระสรวลที่มุมปาก เอ... ก็สวยดีนะ เป็นภาพลายเส้น
ยังคงวาดด้วยโปรแกรมPhotoshop แต่จริงๆ แล้ว คอมพิวเตอร์ก็มีหลายโปรแกรมที่เอาไว้สำหรับวาดภาพได้ แต่ผมวาดพระองค์ท่านด้วยโปรแกรมนี้ เพราะถนัดด้วย และงานที่ทำอยู่ก็ใช้ด้วย”
เมื่อวาดเสร็จ สราวุธไม่รีรอที่จะนำไปโพสต์ให้คนอื่นๆช่วยติชม เช่นเคย
“ผมเป็นพวกขี้อวดอยู่แล้ว(หัวเราะ) ที่เลือกวาดลายเส้น เพราะว่ามันเรียบง่ายดี และทุกวันนี้ ผมก็ยังรู้สึกว่าตัวเองเขียนแบบลายเส้นได้ดีกว่าที่จะลงสี พอมั่นใจขึ้น ก็วาดเรื่อยๆ แต่ไม่ได้ตั้งใจจะนำไปทำอะไร”
ทว่าที่ผ่านมาผลงานได้ถูกคนขอไปใช้เยอะมาก ซึ่งสราวุไม่คิดค่าใช้จ่าย หากไม่ได้นำไปใช้ในเชิงธุรกิจ
ล่าสุดมีคนขอร้องให้ช่วยวาดปกซีดีเพลงที่ทำถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยังเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกเลือกให้เป็นแบบ บันทึกเบื้องหลังการทำงานศิลปะ ไปประกอบมิวสิควิดีโอ
“หลังจากมีคนขอไปใช้เยอะขึ้น ก็เลยพยายามวาดในพระอิริยาบถที่แตกต่างออกไป แล้วช่วงหลังพอเพื่อนเห็นเข้า ก็อยากจะได้ไปติดบ้านบ้าง หรือมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งเขาเปิดคลีนิคใหม่ อยากได้ภาพพระองค์ท่านไปติดเพื่อเป็นสิริมงคล ผมเลยวาดให้แล้วลงสีด้วย
ใครอยากนำไปใช้งานสามารถนำไปปริ้นลงได้ทั้งกระดาษและผ้าใบ เพราะผมทำไฟล์ใหญ่มาก 30x40 นิ้ว คุณภาพมันได้ฮะ”
พ่อทรงทำหลายอย่างได้ดี ทำไมเราจะทำบางอย่างให้ดีไม่ได้
แม้จะเพิ่งกลับมาวาดภาพพระองค์ท่าน ในเวลาเพียงไม่นาน แต่ด้วยความที่วาดเยอะและวาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระหว่างที่หาภาพเพื่อมาใช้เป็นภาพต้นแบบสำหรับวาดในคอมพิวเตอร์ ทำให้สราวุธรู้สึกประทับใจใน พระราชกรณียกิจอันมากมายของพระองค์ท่านที่ทรงทำเพื่อประชาชน รวมถึงพระราชกรณียกิจส่วนพระองค์ ซึ่งเป็นการ ยากที่คนเพียงคนเดียวจะสามารถทำไปพร้อมๆกันได้และทำได้ดี จึงเป็นกำลังใจให้เขามุ่งมั่นที่จะเพียรพยายามทำบางอย่างที่ตัวเองสามารถทำได้ให้ดีที่สุด
"เพราะก่อนที่ผมจะวาดผมต้องหาภาพต้นแบบก่อน ระหว่างที่หา ก็ทำให้รับรู้ว่าพระองค์ท่านมีพระราชกรณียกิจเยอะมากๆ เฉพาะพระราชกรณียกิจที่ทำเพื่อประชาชนก็เยอะมากอยู่แล้ว ไม่นับรวมในส่วนของงานอดิเรก ก็ยังเยอะด้วย ทั้งด้านกีฬา ดนตรี ศิลปะฯลฯ ทำไมพระองค์ท่านทรงทำได้มากมายขนาดนั้น และทำได้ดีด้วย
ขณะที่ตัวผมเอง มีแค่งานศิลปะะอย่างเดียวเท่านั้นที่ผมรู้ว่าผมทำได้ ผมจึงได้ถามตัวเองว่า แค่นี้ยังไม่กล้าที่จะทำอีกหรือ ยังไม่พยายามอีกหรือ
ถึงตอนนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า ผมกลับมา Self นะครับ แต่มีกำลังใจที่จะทำ กระเตื้องขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ไม่ได้ฝังตัวเองไว้ข้างล่างแล้ว
ผมคิดว่า สิ่งที่พระองค์ท่านทำ ไม่ได้ต้องการจะบอกหรอกว่า คนอื่นต้องทำให้ได้อย่างพระองค์ท่านบ้าง เพราะทรงเห็นอยู่ว่าแต่ละคนต่างมีศักยภาพที่จะแสดงออกมากแค่ไหน ไม่ได้บอกว่าใครต้องทำอะไร แค่ทรงทำให้ดูเป็นตัวอย่าง เพื่อที่เราจะได้ทำในสิ่งที่เราทำได้ ให้ดีที่สุด”
Digital Artist
สราวุธยังสนุกกับการวาดภาพบนคอมพิวเตอร์ และคิดว่าส่วนหนึ่งที่คนติดตามชมผลงานของเขาเพราะว่าเขาเริ่มมีสไตล์เป็นของตัวเองมากขึ้น และผลงานสามารถสื่อสารกับผู้คนได้ง่าย อีกทั้งยังมีเสน่ห์คล้ายภาพสีน้ำ
“งานของผมมีการใส่ลายเส้นลงไปในรายละเอียดเยอะ เน้นดวงตา เน้นปาก ผมเขียนพอร์เทรตเเยอะ สิ่งที่ผมเน้น จึงเป็นเรื่องของการสื่ออารมณ์ด้วยดวงตาและใ บหน้า และมีวิธีการลงสีที่แม้จะเป็นงานดิจิตอลก็จริง แต่ดูแล้วมีอารมณ์คล้ายภาพที่วาดด้วยสีน้ำ ดูใสๆสว่างๆ และด้วยความที่เป็นภาพเหมือน คนจึงดูและชอบได้ง่ายขึ้น
ถ้าเป็นกลุ่มของคนที่เขาเขียนดิจิตอลด้วยกัน จะรู้ว่า เมื่อช่วงเริ่มต้นจะเขียนคล้ายๆลักษณะนี้ เป็นภาพแบนๆ แล้วเน้นน้ำหนัก เหมือนเราเวาดภาพดรออิ้ง แต่คนที่วาดมาได้สักพักจะมีสไตล์การสะกิดแสง ปล่อยบางช่วง เช่น ทำให้ส่วนศีรษะของแบบกับฉากหลังให้หายกลืนกัน สไตล์ของผมจะเป็นแบบนั้น คนที่ตามงานเรามาเรื่อยๆ ก็จะได้เห็นว่างานเรามีวิวัฒนการอย่างไร และเริ่มจำเอกลักษณ์ตรงนี้ได้”
สราวุธมองว่าโลกของโซเชียลมีเดีย มีประโยชน์ต่อการทำงานศิลปะของเขาเป็นอย่างมาก เพราะหลายคนที่สร้างสรรค์ผลงานด้วยเทคนิคเดียวสามารถแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ไปด้วยกันได้อย่างง่ายดาย ดังเช่นที่เขาได้เข้าร่วมป็นสมาชิกกลุ่ม Digital Artist
“โปรแกรมนี้ทำได้ด้วยเหรอ พี่ต้องทำยังไง วางเส้น วางเลเยอร์ตรงไหน หรือพี่เริ่มต้นด้วยการวาดด้วยมือก่อน แล้วสแกนมาลงคอมฯ หรือเปล่า แลกเปลี่ยน และบอกกันได้หมด มันเป็นความรู้ ผมว่าดีนะโลกโซเชียลมีเดีย ใครมีเทคนิคอะไรเอามาแลกเปลี่ยน ผมเองก็ได้ศึกษางานของแต่ละคนเหมือนกันว่า ทำไมคนนี้ถึงทำออกมาแล้วมีรูปแบบที่แตกต่างจากคนอื่นได้ เพราะการจะทำงานสายนี้ มันเกิดไม่ได้ครับ ถ้าเราไม่มีสไตล์เป็นของตัวเอง ไม่เช่นนั้นมันจะเหมือนกันหมดเลย
ผมไม่ได้ต้องการเด่นกว่าใครหรอกครับ แต่ถ้าเราไม่หาสไตล์ของตัวเอง เราก็จะไม่มีตัวตน เราทำงานออกมา มันต้องเป็นที่พอใจและเป็นตัวเราด้วย ถ้าเป็นตัวเราไม่ได้ แล้วเป็นแบบคนอื่นก็อย่าทำเลย”
นอกจากนี้เขายังมีความคิดที่จะแสดงผลงานของตัวเองในรูปแบบนิทรรศการด้วย อาจจะเริ่มด้วยการร่วมแสดงกับกลุ่มคนที่ทำงานแขนงเดียวกันก่อน
“เรื่องแสดงงาน ผมคิดตั้งแต่ตอนที่เริ่มกลับมาวาด ว่าน่าจะมีสักครั้งที่เรารวมงานไปแสดง อาจจะแสดงร่วมกับกลุ่มน้องที่ทำงานด้วยกัน หรือทำงานสายเดียวกัน ก็เคยคุยกันว่า เฮ้ย ถ้างานเรายังไม่มากพอ เรารวมกลุ่มกันนำงานไปแสดงไม๊
แล้วตอนนี้ก็มีคนที่หาดใหญ่ที่ได้เห็นงานผม เขาเปิดร้านกาแฟ และมีแกลเลอรี่เล็กๆแสดงงานหมุนเวียน เขาชวนไว้ว่าจะเอางานผมไปแสดง น่าจะแสดงเดือนนี้แหล่ะครับ
ขณะที่การนำภาพวาดชิ้นใหม่ ไปโพสต์ให้คนได้ชมทางโซเชียลมีเดีย ก็ยังจะมีอยู่ต่อไป แม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรมากดดันว่าเขาต้องทำงานต่อเนื่อง
“เพื่อนในโลกโซเชียลมีเดียมันเยอะมาก ใครจะมานั่งสนใจว่าใครไม่มีงานออกมา หรือใครคนนึงหายไปจากชีวิต แต่ผมจะมีเพื่อนหลายคน ตัวอย่าง ป้าอ้อ ที่คอยตามดูงานของเรา แล้วพอเราหายไปก็จะคอยถามว่า ซุฟไม่โพสต์งานอีกแล้วหรือ ความใส่ใจตรงนี้ มันไม่ใช่แรงกดดัน แต่เป็นความรู้สึกดีมากกว่าที่กระตุ้นให้เราวาดงานใหม่ๆออกมา”
Text : อ้อย ป้อมสุวรรณ Photo : วรวิทย์ พานิชนันท์
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews