แม้จะเติบโตมากับพระนิพนธ์เพลงอันไพเราะ ที่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์เนื้อร้องและทำนองไว้ก็ตามที แต่คุณหญิงแดง-ม.ร.ว.จันทิรา จักรพันธุ์ กลับไม่สนใจในเรื่องของการประพันธ์บทเพลงเฉกเช่นท่านพ่อ เธอยอมรับว่าไม่มีความสามารถในด้านดนตรีเลย หากแต่สายเลือดศิลปินที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ทำให้ราชนิกุลสาวใหญ่คนนี้ สามารถเรียนรู้เรื่องประพันธ์กลอน และต่อกลอนกับเพื่อนกลุ่มนักกวีได้ ในวันที่บ้านเมืองกำลังมีปัญหาขัดแย้ง
คุณหญิงแดงเล่าย้อนความทรงจำรำลึกถึงท่านพ่อว่า ทรงโปรดเพลงแนวบลูส์ ทั้งที่ไม่เคยทรงเรียนดนตรี แต่จะใช้นับข้อนิ้วเวลานิพนธ์เพลง จนกระทั่งปี 2488 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เสด็จนิวัติสู่ประเทศไทย พร้อมด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ขณะนั้น ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช โปรดเกล้าฯ ให้ท่านพ่อเข้าเฝ้าฯ ณ พระที่นั่งบรมพิมาน ในฐานะนักแต่งเพลงสมัครเล่น
“ตอนนั้นท่านพ่อนำโน๊ตเพลงที่นิพนธ์ไว้ถวายรัชกาลที่ 8 เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรแล้ว ได้พระราชทานข้อแนะนำเกี่ยวกับการแต่งเพลงบลูส์ โดยทรงเปียโนสาธิต และสมเด็จพระอนุชาฯ ทรงอธิบาย ต่อมาได้เข้าเฝ้าฯ เพื่อรับพระราชทานทำนองเพลงพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระอนุชาฯ มาใส่คำร้องเพลงแสงเทียน ยามเย็น และสายฝน ตามลำดับ แต่เพลงยามเย็นและสายฝน ได้นำออกสู่ประชาชนก่อนเพลง แสงเทียน จากนั้นได้นิพนธ์คำร้องทั้งไทยและอังกฤษ ถวายอีกรวมทั้งสิ้น 28 เพลง อาทิ ดวงใจกับความรัก อาทิตย์อับแสง เทวาพาคู่ฝัน แก้วตาขวัญใจ ยิ้มสู้ ลมหนาว แสงเดือน พรปีใหม่ ฯลฯ”
เมื่อเวลาผ่านไป “ท่านจักร” มีโอกาสถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ณ “พระตำหนักวิลล่าวัฒนา” ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งที่นั่นเองทำให้ “ท่านจักร” เป่าแซกโซโฟนเป็น
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ท่านพ่อทรงปลาบปลื้มมาก ท่านเล่าว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสอนท่านเป่าแซกโซโฟน โดยให้เป่าเสียงเดียวอยู่เป็นเวลานาน เพื่อให้เสียงที่เป่าออกมาคงที่ เมื่อแน่พระทัยแล้ว จึงทรงสอนการเป่าให้มีเสียงหนักเบา โดยใส่อารมณ์และความรู้สึกเข้าไป เนื่องจากแพทย์ได้กราบบังคมทูลของดเครื่องเป่าไว้ แต่ทรงมีพระราชประสงค์จะทรงดนตรี จึงมีพระราชดำรัสสั่งให้ “ลูกศิษย์” เป็นผู้เป่า และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกดคีย์ด้วยพระองค์เอง โดยอ้อมพระกรโอบจากด้านหลังของลูกศิษย์ เสียงแซกโซโฟนดังไปถึงพระกรรณสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงตกพระทัยมาก รีบเสด็จตามเสียงไป แต่เมื่อทอดพระเนตรภาพ “ครู” กับ “ลูกศิษย์” ก็ทรงพระสรวล ด้วยทรงเห็นว่า เป็นภาพการเป่าแซกโซโฟนที่แหวกแนวเป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานแซกโซโฟนเพื่อลูกศิษย์ไว้ใช้ฝึกฝน ซึ่งท่านพ่อทรงเรียกว่า “ปี่พระราชทาน” ” คุณหญิงแดงบอกเล่าพร้อมรอยยิ้มแห่งความปลื้มปีติ
สำหรับผลงานเพลงพระนิพนธ์ของ “ท่านจักร” มีทั้งหมด 68 เพลง เพลงที่นิพนธ์ร่วมกับศิลปินท่านอื่น 25 เพลง มีหลายเพลงที่คณะสุนทราภรณ์นำไปบรรเลง อาทิ เพลงชะตาฟ้า ฝากรัก เกาะสวรรค์ เป็นต้น
นอกจากพระปรีชาสามารถด้านการดนตรี ยังมีด้านวรรณศิลป์อันเป็นที่ปรากฏสภากวีโลกจึงถวายปริญญา Doctor of Literature เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2531 และในปี 2532 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถวายพระเกี้ยวทองคำในโอกาสของการรณรงค์เพื่อภาษาไทย
เมื่อถามว่า “ท่านจักร” ถ่ายทอดหรือสอนเรื่องการประพันธ์เพลงกลอนให้ลูกๆ บ้างหรือไม่ คุณหญิงแดงยอมรับว่า ท่านจักรเคยถาม แต่เธอถนัดเรื่องคณิตศาสตร์และศิลปะมากกว่าภาษาศาสตร์ ซึ่งท่านจักรก็ไม่ได้บังคับแต่อย่างใด
หลัง “ท่านจักร” สิ้นชีพตักษัยเพียงไม่กี่ปี เรื่องราวของโซเชียลเน็ตเวิร์กได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของคนรุ่นใหม่ คุณหญิงแดงก็สนใจเรียนรู้ จนได้รับเชิญเข้ากลุ่มกวี ทำให้ได้อ่านคอมเม้นต์โต้ตอบโดยการต่อกลอน
“อ่านแล้วสนุกมาก อยากเข้าไปโต้ตอบด้วยแต่เขียนไม่เป็น จนกระทั่งเดือนมิถุนายน 2555 จำได้แม่นว่าเป็นวันที่ 12 เห็นผังโคลงสี่สุภาพ เลยลองหัดเขียน รุ่งขึ้นโพสต์ลงเฟสบุ๊กปรากฏว่ามีคนชม พี่เลยกล้าลองเขียนกาพย์ กลอน และฉันท์ สนุกและมีความสุขมาก เวลาเห็นบทกวีในเฟสบุ๊ก ถ้าสนใจในเนื้อหาและมีเวลาจะเข้าไปเขียนด้วย”
กลอนบทแรกในชีวิตที่เธอเรียนรู้ด้วยตัวเองนั้น เธอบอกว่าทำให้นึกถึงท่านพ่อขึ้นมาทันที หากท่านพ่อยังมีพระชนม์ชีพ เธอคงได้นำไปอวดและขอคำแนะนำเรื่องเทคนิคการเขียน
เมื่อถามถึงกิจกรรมในยามว่าง คุณหญิงแดงยอมรับว่า ระหว่าง 8 ปีที่ผ่านมา จากผู้หญิงที่ชอบอ่านหนังสือ ดูภาพยนตร์ และพบปะสังสรรค์กับพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ตอนนี้เธอกลับใช้เวลาส่วนใหญ่ ติดตามสถานการณ์บ้านเมือง เริ่มจากเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อธิปไตยของชาติ ขบวนการทุจริตอันจะนำชาติไปสู่ความล่มสลาย คำสอนของท่านพ่อหยั่งรากลึกลงในจิตวิญญาณ ทำให้ไม่สามารถทำใจให้เป็นไทยเฉยได้
ม.ร.ว. จันทิรา จักรพันธุ์ กล่าวถึงการร่วมกิจกรรมทางการเมืองว่า "เรื่องนี้ไม่มีใครบังคับใครได้" เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา นอกจากเธอกับพี่สาวและน้องสาวแล้ว ยังมีสมาชิกราชสกุล “จักรพันธุ์” และราชสกุลอื่นๆ รุ่นเดียวกับเธอ และรุ่นหนุ่มสาวอีกจำนวนมาก
“ก่อนหน้านั้นเคยไปร่วมชุมนุมหลายครั้ง ดีใจว่าคนเป็นแสน แต่วันนั้น แน่นจนน้องสาวข้ามมาจากอีกฟากถนน ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง รู้สึกตื้นตันใจมาก ที่เห็นพี่น้องร่วมชาติตระหนักถึงความอยู่รอดของบ้านเมือง ต่างออกมาแสดงพลังบนถนนราชดำเนิน “ถนนแห่งประวัติศาสตร์การเรียกร้องทางการเมือง” ร่วมกันถึง 2 ล้านกว่าคน เป็นภาพที่สวยงามมาก”
ก่อนจากกันในวันนั้น คุณหญิงแดงยังฝากข้อคิดไว้อย่างเรียบง่าย แต่มีความหมายว่า “ประเทศเราต้องการผู้มีคุณธรรม และจริยธรรม เห็นแก่ผลประโยชน์ชาติและประชาชน มาปกครอง เพื่อคงไว้ซึ่งประชาธิปไตยอันแท้จริง อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข”
