หากหลับตาแล้วนึกย้อนกลับไปในอดีตสำหรับสตรีในวัย 60 ปีขึ้นไป เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักชุดชั้นใน "พรรณี แปดริ้ว" เพราะถือเป็นยกทรงชั้นแนวหน้าที่ช่วยรักษาหน้าอกคู่สวยของสาวๆ ไทยรุ่นป้า ๆ ให้งดงามตามแบบฉบับสาวไทย
จากวันนั้นถึงวันนี้ใครจะรู้ว่า พรรณี คุณประเสริฐ เจ้าของแบรนด์จะยังคงมีความสุขและสนุกสนานกับการสันสร้างงานของเธออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
สัปดาห์นี้เจ้าของยกทรงดัง พรรณี แปดริ้ว ...พรรณี คุณประเสริฐ เปิดตัวให้เราได้สัมภาษณ์ด้วยรอยยิ้มสดใสเป็นกันเอง โดยเธอเริ่มต้นเล่าย้อนถึงอดีตในวัยเด็ก ก่อนจะกลายเป็นหญิงผู้สร้างตำนานยกทรงดังเมืองแปดริ้วกับเราว่า สมัยอยู่มัธยมปลาย เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยความเป็นห่วงคุณอาจึงพาเข้ากรุงเทพฯ เมื่อสงครามสงบ เธอไม่คิดจะกลับไปเรียนต่อ แต่ด้วยความเป็นคนไม่ชอบเรียนหนังสือ จึงหาเรื่องที่จะไม่กลับไปเรียน โดยมานั่งนึกว่าจะทำอะไรดี พอดีเห็นโฆษณาสอนตัดเสื้อจึงไปสมัครเรียนและกลับมาเปิดร้านรับตัดเสื้อที่แปดริ้ว ปราจีนบุรี จนเมื่อเหตุการณ์บ้านเมืองเป็นปกติแล้ว กระแสแฟชั่นต่างชาติมีมาถึงไทยมากมาย รวมถึงเสื้อชั้นใน
อนึ่ง “ยกทรง” เดิมเรียกว่า "เปลนม" เข้ามาพร้อมกับชุดชั้นในสตรีอื่น ๆ ตั้งแต่ในยุครัชกาลที่ 4 แต่ได้รับความแพร่หลายอย่างแท้จริง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองนี้เอง
“ตอนนั้นผู้หญิงไทยเริ่มสนใจเรื่องความสวยความงาม จากเดิมเรื่องเสื้อชั้นในเป็นเรื่องไกลตัว ก็เริ่มมีการนำเข้าจากต่างประเทศบ้าง ดิฉันก็อยากเย็บได้บ้างแต่เราไม่มีพื้นฐานตรงนี้ พอรู้ว่ามีโรงเรียนสอนเรื่องการตัดชุดชั้นใน ก็เลยเข้ากรุงเทพฯ ไปสมัครเรียนที่ “วีรี สีลม” ไปเรียนประมาณปีกว่าจนจบหลักสูตรก็กลับมาเปิดร้านตัดเย็บยกทรงเลย ตอนนั้นลูกค้าเยอะมาก" พรรณี กล่าว
ร้านยกทรงพรรณีเปิดได้ เพียงไม่นานชื่อเสียงก็ดังกระจายไปทั่วทิศ ด้วยความเป็นยกทรงไทย คุณภาพดี ราคาไม่แพง ที่สำคัญเป็นยกทรงสั่งตัดเฉพาะสำหรับลูกค้า โดยพรรณีบอกว่าสมัยนั้นเธอเลือกใช้ผ้าฝ้ายธรรมชาติ เนื่องจากผ้าฝ่ายหาง่ายสามารถซึมซับเหงื่อ และยังระบายอากาศได้ดีเหมาะกับภูมิอากาศของประเทศไทย
ขณะที่กำลังมีความสุขกับการทำงาน พรรณี ก็ต้องเจออุปสรรคสำคัญในวิชาชีพ เมื่อ วิวัฒนาการด้านสิ่งทอเจริญขึ้น มีการนำเข้าชุดชั้นในต่างประเทศเข้ามา ลูกค้าที่เคยใช้ชุดชั้นในของเธอหันไปเกาะยกทรงนอกที่ทำด้วยผ้ายืดลายลูกไม้แสนสวย ตรงนี้ทำให้ พรรณี ต้องปรับกลยุทธ์การทำงานให้ทันกระแส โดยไปเลือกหาผ้ายืดชั้นดีมาให้ลูกค้า แต่ยังคงให้ความสำคัญกับผ้าฝ้าย เพราะยึดถือเรื่องคุณภาพของผ้าและความเหมาะสม
"ดิฉันใช้ผ้ายืดของเยอรมัน เพราะคุณภาพดีกว่าผ้ายืดของแถบเอเชีย ตะขอก็ใช้ของยุโรป เลือกอย่างดีหมด เพราะคิดว่าเราลงทุนเลือกของดีมาใช้ สินค้าก็มีคุณภาพใช้งานได้นาน แต่ถ้าถามดิฉันชอบผ้าฝ้ายมากว่า ผ้ายืดมีทั้งข้อดีและเสีย เพราะมีสารเคมีที่อาจจะก่อ ให้เกิดอาการแพ้ต่างๆเช่น ผื่นแดง ที่อาจมีอาการคัน หรือแสบบริเวณผิวหนังด้วย" เจ้าของชุดชั้นในพรรณี แปดริ้ว บอกเล่าพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อถามถึงชุดชั้นในในปัจจุบัน พรรณีบอกพัฒนาไปมาก ซึ่งเธอถือเป็นเรื่องดี เพราะทำให้หญิงไทยมีทางเลือกมากขึ้น นอกจากนี้เธอเองก็ได้พัฒนาและออกแบบชุดชั้นในที่มีแบบหลากหลาย มากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้ลูกค้าผิดหวัง
“ลูกค้าจะชอบอะไรเเตกต่างกัน เราก็ต้องหาให้ทันความต้องการ อย่างของพรรณีจะวัดไซส์ตัด ดิฉันจะเก็บข้อมูลลูกค้าหมดทุกคน เรียกว่า “พรรณี” เป็นชุดชั้นในยี่ห้อเดียวที่มีไซส์เยอะกว่ายี่ห้ออื่น (หัวเราะ) คือมีขนาดไซส์ถี่มาก”
แม้วันเวลาจะล่วงเลยมานานหลายสิบปี พรรณีก็ยังสนุกสนานกับการทำงาน สนุกกับการทำงานในแบบของเธอ "การดูแลลูกค้าสำคัญมาก (เน้นเสียง) ลูกค้าที่เข้ามาดิฉันจะต้องวัดไซส์ให้หมดและเก็บเข้าสมุด ดิฉันต้องซื่อสัตย์กับเขา จึงต้องให้ความสำคัญกับงานทุกชิ้น ต้องอารีย์อารอบตรงไปตรงมา ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก ทุกอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ตอนนี้ยังดูแลเองหมดกำชับพนักงานเย็บตะเข็บต้องแน่นหนา ไม่ใช่ลูกค้านำไปใส่ได้ไม่กี่ครั้งก็ตะเข็บหลุดแบบนี้ไม่ดี อีกอย่างเราไปได้ดูแลงานใกล้ชิดก็เท่ากับเป็นการฝึกเด็ก และให้ลูกค้าได้สินค้าดีมีคุณภาพ"
ด้วยคุณภาพและความจริงใจที่พรรณีมีให้เเก่ลูกค้านับตั้งแต่วันแรกที่เปิดร้าน พรรณีคนนี้ยังเดินขึ้น-ลงบันไดควบคุมการตัดเย็บชุดชั้นในแบรนด์ตัวเองอย่างใกล้ชิด เอาใจใส่ในฝีจักรและทุกตะเข็บ
พรรณี ในวัย 82 ปี ยังคงแข็งแรงและมีรอยยิ้มให้กับลูกค้า ลูก-หลาน ตลอดจนพนักงานในความปกครองอยู่เสมอต้นเสมอปลาย รอยยิ้มของเธอทำให้เราต้องถามถึงการดูแลสุขภาพ ซึ่งเธอตอบพร้อมรอยยิ้มสดใสว่า “ทำทุกอย่างที่หมอห้ามค่ะ (หัวเราะ) ไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษ ลูกจะก็พาไปตรวจร่างกายตลอด สุขภาพเป็นไปตามวัยค่ะ อาจเป็นเพราะดิฉันไม่คิดมากอารมณ์ดีตลอด เสร็จจากงานกลับบ้านก็เปิดโทรทัศน์ดูไปเรื่อยๆ ชอบดูอะไรที่สบายใจ เรื่องไหนที่เสียงดัง เถียงกันไปมาก็ไม่ดูเพราะดูแล้วก็หดหู่ใจ”
ก่อนจากกันเราเธอบอกว่าทุกวันนี้ภูมิใจที่แบรนด์ “พรรณี แปดริ้ว” ยังเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า อนาคตหลังจากนี้ไม่คิดอะไรแล้ว “ไม่เคยฝากฝังให้ลูกหลานดูแลแทนเลย เพราะทุกคนก็มีหน้าที่การงานทำหมดแล้วเราหมดห่วง แต่ถ้าใครสนใจก็เอาไปทำได้ แต่ขอให้ดูแลและให้ความสำคัญกับลูกค้าเหมือนที่เราทำมา”
คงเพราะความมั่นคง ยึดมั่นในหลักการนี้เอง ที่เป็นเสน่ห์สำคัญทำให้ชื่อเสียงของ “พรรณี แปดริ้ว” ยังคงเป็นยกทรงของหญิงไทยที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องยาวนานมากว่า 50 ปี
ภาพโดย วรวิทย์ พานิชนันท์