By Lady Manager
กระแสผูกปิ่นโตสุขภาพเพื่อตอบสนองคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักฮิตฮอตไม่เลิก ตอนนี้มีเจ้าใหม่ไม่สร้างภาพกินแล้วหุ่นเป๊ะอย่างนางแบบ และไม่เน้นอาหารต่างชาติหน้าตาสวย หากเสิร์ฟเมนูหลากหลายคุ้นลิ้นคนไทย ที่สำคัญ ต้องพบแพทย์ก่อนเข้าคอร์ส
ชื่อตรงๆ Dr.Diet
เราไปทำความรู้จัก เพื่อเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้อ่านที่กำลังมีปัญหาน้ำหนักและไม่มีเวลาเข้าครัวเองค่ะ
จากปสก.เคยอ้วน พึ่งไดเอทเดลิเวอรี่เมืองนอก
“ผมไปอยู่นิวยอร์ค 2 เดือน น้ำหนักเพิ่มขึ้นมา 5 กิโลกรัม” คุณจิ๊บ-อรรถสิทธิ์ ศิริรัตนอนันต์ ผู้บุกเบิกก่อตั้งดร.ไดเอท (Dr.Diet) เริ่มต้นกล่าวที่มา
“ปริมาณอาหารที่นั่นปริมาณเยอะมาก เราก็โอ๊ย ไม่ไหวแล้ว ไม่อยากกลับเมืองไทยสภาพนี้ ลองค้นหาวิธีลดน้ำหนักจนเจอวิธีที่น่าสนใจ เค้าสอนให้เราคำนวณแคลอรี่ของอาหารที่เรารับประทาน และจัดเมนูที่เหมาะกับตัวเรา ใช้เวลาเดือนเดียวก็น้ำหนักกลับมาปกติ รู้สึกสบายๆ ไม่ต้องอดอาหาร ที่สำคัญ รู้สึกเลยว่าสุขภาพดีขึ้น โดยเฉพาะระบบขับถ่ายดีขึ้นมากๆ”
ความที่เป็นนักธุรกิจหัวการตลาดจึงคิดว่าถ้าเมืองไทยมีบริการส่งอาหารสุขภาพคุมน้ำหนักแบบนี้ต้องได้รับความสนใจแน่ แต่เพื่อความรอบคอบ เขาขอทำวิจัยดูตลาดก่อน
“จากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยครั้งที่ 4 พ.ศ. 2552 ความชุกของภาวะอ้วนในประชากรไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป พบว่า เพศชายร้อยละ 28.3 และเพศหญิงร้อยละ 40.7 มีภาวะอ้วน แสดงว่าผู้หญิงเกือบครึ่งประเทศอ้วน โดยความชุกสูงสูดในกลุ่มอายุ 45 -59 ปี โดยเฉพาะคนเมืองอย่าง คนกรุงเทพประสบกับปัญหาโรคอ้วนมากกว่าคนจังหวัดอื่นๆ”
เขาพูดถึงอันตรายจากภาวะอ้วน ทำให้ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ภาวะคลอเลสเตอรอลในเส้นเลือดสูง ไขมันดีๆ อย่าง HDL หล่นฮวบ ปล่อยให้ตัวร้ายอย่าง LDL กระฉูด ได้มากกว่าคนไม่อ้วนถึง 2 เท่าตัวเลยทีเดียว
“ก็เออนะ น่าจะมีตลาดตรงนี้อยู่ ก็มาคุยกับหมอกับนักโภชนาการ จะทำยังไงไม่ให้ฉาบฉวย ลดแล้วลดต่อเนื่อง”
กุญแจหลัก->ปรับทัศนคติการกิน
คุณจิ๊บบอกคอนเซ็ปต์ชัดเจนว่า
“ดร.ไดเอทมาจากหมอ เราไม่เชื่อว่าการลดความอ้วนมาจากการเห็นนางแบบสวย และชั้นก็จะผอมตามนางแบบ คนกินจะรู้ว่าต้องกินยังไง ดัชนีมวลกายเท่าไร ต้องออกกำลังกายอะไร คือ เราจะทำให้เป็นของคนนั้นโดยเฉพาะ เพราะความอ้วนก็เป็นโรคชนิดหนึ่ง ให้หมอจัดดูแลเป็นรายคนเลย
“กุญแจหลักของดร.ไดเอทคือ ปรับทัศนคติการกินก่อน เราก็ถามหมอว่าปรับยังไง หมอก็บอกว่าสมมุติคนเราทำบางอย่างให้เป็นนิสัย เช่น ตื่นมาให้เข้าห้องน้ำ ถ้าทำต่อเนื่องสัก 7 วัน ร่างกายจะอัตโนมัติตื่นปึ้บ กินน้ำ 1 แก้วก็เข้าห้องน้ำแล้ว สิ่งที่ง่ายก็ปรับได้เร็ว สิ่งที่ยากก็ปรับได้ยาก ต้องใช้เวลา
ทีนี้เรื่องการกิน มันเป็นเรื่องยาก เพราะว่าคนเรามีสิ่งยั่วยุเยอะ และเป้าหมายของแต่ละคนก็จะต่างกัน ก็ทำ research ผลออกมาต้อง 28 วัน จัดให้กินตามโปรแกรม แต่ใน 1 สัปดาห์เราส่งแค่ 6 วัน วันที่ 7 จะเป็นวันเบรก อยากกินอะไรก็กิน เอนจอยตัวเอง
แต่เอาเข้าจริง คนจะเริ่มชินและชอบ จะหากินอะไรที่เหมือนอยู่ในคอร์ส อย่างเขี่ยไข่แดงออกเอง เขี่ยหนังไก่ออกเอง เราใช้หลักความเคยชิน
หรือหลายคนเกิดมาไม่เคยกินข้าวกล้อง แต่ความที่เราเสิร์ฟแต่ข้าวกล้อง แรกๆ ก็เหมือนเด็กหัดกินผัก พอเริ่มกินเป็นก็จะเริ่มติด ข้าวกล้องย่อยยากกว่า ทำให้หิวช้ากว่า แต่มีสารอาหารมีไฟเบอร์มากกว่า”
หลังจากหมดคอร์สแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องเข้าคอร์สต่อ แต่ไลฟ์สไตล์และมุมมองจะเปลี่ยนไป หันมาดูแลใส่ใจเรื่องอาหารการกินอย่างถูกต้องมากขึ้น
เคล็ดลับ->ซอยมื้อ กินสมดุล ไม่โหยไม่อ้วน
นอกจากคุณจิ๊บทำงานร่วมกับหมอแล้ว เขายังทำงานร่วมกับนักโภชนาการด้วย
“เราก็ถามนักโภชนาการว่ากินยังไงไม่ให้รู้สึกโหย ก็ลองสูตรลดความอ้วนหลายสูตร สุดท้ายมาจบที่สูตรกิน 5 มื้อ คือ มื้อเช้า, Morning break, มื้อเที่ยง, Afternoon break, และมื้อเย็น กินในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ใช่กินใหญ่จัดหนัก
เพียงแค่ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ร่างกายจะเริ่มปรับตัวแล้วว่าจากที่เคยกินเยอะ มากินน้อยลง สมองจะสั่งการเองว่าอิ่มแล้ว
พอเริ่มสัปดาห์ที่สอง จากที่เคยกินข้าวพูนๆ ทีนี้ครึ่งทัพพีก็อิ่มแล้ว”
ทว่าไม่ใช่แค่จัดให้กินในปริมาณน้อยๆ หลายๆ มื้อ ดร.ไดเอทยังจัดสรรปริมาณสารอาหารในแต่ละมื้อให้ถูกต้องตามหลักการคุมน้ำหนักด้วย
“ไม่ใช่กินน้อยอย่างเดียว ต้องกินให้ถูกต้องด้วย เจ้าอื่นบอกต้องแป้งน้อย No Carbohydrate แต่มีหลายวิจัยออกมาว่าการกินแป้งน้อยทำให้เลือดคนเรามีความเป็นกรดสูง ไม่เกิดสมดุลในร่างกาย มันก็ไม่ดี สูตรนี้ไม่เวิร์ค หรือบางเจ้าให้กินตามกรุ๊ปเลือด ซึ่งตลกมาก มันเหมือนการหาเลขเบอร์โทรศัพท์ด้วยการไปดูหมอดู มันไม่ได้มีวิจัยอะไรออกมาว่ากรุ๊ปเลือดนี้ต้องกินนี้ เหมือนราศีนี้ต้องนิสัยแบบนี้
ดร.ไดเอทใช้สูตรบาลานซ์ไดเอท คือ การกินอย่างสมดุล แป้ง 50% ไขมัน 25% โปรตีน 25% แกะมาดูอาจเห็นว่าทำไมข้าวนิดเดียว ความจริงแล้ว แป้งไม่จำเป็นต้องมาในรูปแบบข้าว มันอยู่ในผักด้วย อย่างถ้าเราเลือกกินใบ มันก็กากเยอะ แต่ถ้ากินตรงก้าน ก็เป็นแป้ง หรือบอกไขมัน 25% บางคนตกใจ เอ๊ะ! เยอะ ยี่ห้า แต่พอเปิดดู ไม่เห็น ไม่มีอาหารมันๆ เลย เพราะความจริงแล้ว ไขมันที่ซ่อนอยู่ในโปรตีนก็มี หรือแม้กระทั่งเครื่องปรุง นี่คือสูตรกินอย่างสมดุลของเรา”
เสน่ห์->เมนูไม่ซ้ำจากหลากหลายเชฟ ปรึกษาหมอทุกอาทิตย์
คุณจิ๊บยืนยัน เมนูไม่ซ้ำเลยใน 28 วัน แถมสับเปลี่ยนรสมือตลอด
“รับรองเมนูไม่ซ้ำเลยใน 28 วัน แต่แม้เมนูไม่ซ้ำ เราก็อาจรู้สึกรสชาติคล้ายกัน เราก็เลยต้องเปลี่ยนเชฟเปลี่ยนร้าน ให้คนกินแล้วรู้สึกไม่เบื่อ เราจะมีอาหารทั้งสปาเก็ตตี้ สเต็ก ส้มตำ คนจะลุ้นวันนี้จะมีอะไรมาเสิร์ฟ
ยกตัวอย่างเช่น อาหารเช้า มีทั้งข้าวต้ม โจ๊ก แซนวิช, ช่วงเบรก มีวุ้น มีผลไม้ แครกเกอร์, มื้อเย็น มีสลัด สเต็กซึ่งใช้ปลาใช้ไก่ ฯลฯ”
น่าสนใจสุด คือ คุณต้องพบหมอก่อนเข้าคอร์ส พร้อมทั้งปรึกษาหมอได้ทุกสัปดาห์
อันดับแรกต้องพบหมอก่อน อายุเท่าไร มีโรคประจำตัวไหม หมอจะเป็นคนบอกเราว่าคนนี้ควรกินอะไร ปริมาณแคลอรี่เท่าไร แพ้อาหารอะไร หมอจะบอกอย่างละเอียด และทุกสัปดาห์มาปรึกษากับหมอ 6 วันที่ผ่านมาเป็นไง รู้สึกยังไง แต่ถ้าไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา แต่เราแนะนำให้มา เพราะเงินที่เสียไปรวมค่าปรึกษาหมอแล้ว ไม่ต้องเสียเพิ่ม น้ำหนักบางคนเริ่มลดแล้ว ก็อาจควรกระชับสัดส่วนด้วย ซึ่งหมอจะคอยแนะนำ
ถ้าไม่เจอหมอก็กลายเป็นเหมือนกินอาหารเสริม คือ ไม่รู้ว่าช่วยลดความอ้วนหรือเปล่า เราต้องการคุมคอนเซ็ปต์อยากให้เสถียร ไม่เกิดโยโย่ทีหลัง”
เชื่อว่า สาวทำงานที่กำลังต้องการควบคุมน้ำหนัก แต่ไม่สะดวกทำเองหรือทำกับข้าวไม่เป็น และไม่รู้ว่าควรกินอะไร ปริมาณเท่าไร อาจเริ่มสนใจเจ้าใหม่ทางเลือกนี้ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม www.facebook.com/Drdiet.meals หรือโทร. call center 085-343-9888
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
กระแสผูกปิ่นโตสุขภาพเพื่อตอบสนองคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักฮิตฮอตไม่เลิก ตอนนี้มีเจ้าใหม่ไม่สร้างภาพกินแล้วหุ่นเป๊ะอย่างนางแบบ และไม่เน้นอาหารต่างชาติหน้าตาสวย หากเสิร์ฟเมนูหลากหลายคุ้นลิ้นคนไทย ที่สำคัญ ต้องพบแพทย์ก่อนเข้าคอร์ส
ชื่อตรงๆ Dr.Diet
เราไปทำความรู้จัก เพื่อเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้อ่านที่กำลังมีปัญหาน้ำหนักและไม่มีเวลาเข้าครัวเองค่ะ
จากปสก.เคยอ้วน พึ่งไดเอทเดลิเวอรี่เมืองนอก
“ผมไปอยู่นิวยอร์ค 2 เดือน น้ำหนักเพิ่มขึ้นมา 5 กิโลกรัม” คุณจิ๊บ-อรรถสิทธิ์ ศิริรัตนอนันต์ ผู้บุกเบิกก่อตั้งดร.ไดเอท (Dr.Diet) เริ่มต้นกล่าวที่มา
“ปริมาณอาหารที่นั่นปริมาณเยอะมาก เราก็โอ๊ย ไม่ไหวแล้ว ไม่อยากกลับเมืองไทยสภาพนี้ ลองค้นหาวิธีลดน้ำหนักจนเจอวิธีที่น่าสนใจ เค้าสอนให้เราคำนวณแคลอรี่ของอาหารที่เรารับประทาน และจัดเมนูที่เหมาะกับตัวเรา ใช้เวลาเดือนเดียวก็น้ำหนักกลับมาปกติ รู้สึกสบายๆ ไม่ต้องอดอาหาร ที่สำคัญ รู้สึกเลยว่าสุขภาพดีขึ้น โดยเฉพาะระบบขับถ่ายดีขึ้นมากๆ”
ความที่เป็นนักธุรกิจหัวการตลาดจึงคิดว่าถ้าเมืองไทยมีบริการส่งอาหารสุขภาพคุมน้ำหนักแบบนี้ต้องได้รับความสนใจแน่ แต่เพื่อความรอบคอบ เขาขอทำวิจัยดูตลาดก่อน
“จากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยครั้งที่ 4 พ.ศ. 2552 ความชุกของภาวะอ้วนในประชากรไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป พบว่า เพศชายร้อยละ 28.3 และเพศหญิงร้อยละ 40.7 มีภาวะอ้วน แสดงว่าผู้หญิงเกือบครึ่งประเทศอ้วน โดยความชุกสูงสูดในกลุ่มอายุ 45 -59 ปี โดยเฉพาะคนเมืองอย่าง คนกรุงเทพประสบกับปัญหาโรคอ้วนมากกว่าคนจังหวัดอื่นๆ”
เขาพูดถึงอันตรายจากภาวะอ้วน ทำให้ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ภาวะคลอเลสเตอรอลในเส้นเลือดสูง ไขมันดีๆ อย่าง HDL หล่นฮวบ ปล่อยให้ตัวร้ายอย่าง LDL กระฉูด ได้มากกว่าคนไม่อ้วนถึง 2 เท่าตัวเลยทีเดียว
“ก็เออนะ น่าจะมีตลาดตรงนี้อยู่ ก็มาคุยกับหมอกับนักโภชนาการ จะทำยังไงไม่ให้ฉาบฉวย ลดแล้วลดต่อเนื่อง”
กุญแจหลัก->ปรับทัศนคติการกิน
คุณจิ๊บบอกคอนเซ็ปต์ชัดเจนว่า
“ดร.ไดเอทมาจากหมอ เราไม่เชื่อว่าการลดความอ้วนมาจากการเห็นนางแบบสวย และชั้นก็จะผอมตามนางแบบ คนกินจะรู้ว่าต้องกินยังไง ดัชนีมวลกายเท่าไร ต้องออกกำลังกายอะไร คือ เราจะทำให้เป็นของคนนั้นโดยเฉพาะ เพราะความอ้วนก็เป็นโรคชนิดหนึ่ง ให้หมอจัดดูแลเป็นรายคนเลย
“กุญแจหลักของดร.ไดเอทคือ ปรับทัศนคติการกินก่อน เราก็ถามหมอว่าปรับยังไง หมอก็บอกว่าสมมุติคนเราทำบางอย่างให้เป็นนิสัย เช่น ตื่นมาให้เข้าห้องน้ำ ถ้าทำต่อเนื่องสัก 7 วัน ร่างกายจะอัตโนมัติตื่นปึ้บ กินน้ำ 1 แก้วก็เข้าห้องน้ำแล้ว สิ่งที่ง่ายก็ปรับได้เร็ว สิ่งที่ยากก็ปรับได้ยาก ต้องใช้เวลา
ทีนี้เรื่องการกิน มันเป็นเรื่องยาก เพราะว่าคนเรามีสิ่งยั่วยุเยอะ และเป้าหมายของแต่ละคนก็จะต่างกัน ก็ทำ research ผลออกมาต้อง 28 วัน จัดให้กินตามโปรแกรม แต่ใน 1 สัปดาห์เราส่งแค่ 6 วัน วันที่ 7 จะเป็นวันเบรก อยากกินอะไรก็กิน เอนจอยตัวเอง
แต่เอาเข้าจริง คนจะเริ่มชินและชอบ จะหากินอะไรที่เหมือนอยู่ในคอร์ส อย่างเขี่ยไข่แดงออกเอง เขี่ยหนังไก่ออกเอง เราใช้หลักความเคยชิน
หรือหลายคนเกิดมาไม่เคยกินข้าวกล้อง แต่ความที่เราเสิร์ฟแต่ข้าวกล้อง แรกๆ ก็เหมือนเด็กหัดกินผัก พอเริ่มกินเป็นก็จะเริ่มติด ข้าวกล้องย่อยยากกว่า ทำให้หิวช้ากว่า แต่มีสารอาหารมีไฟเบอร์มากกว่า”
หลังจากหมดคอร์สแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องเข้าคอร์สต่อ แต่ไลฟ์สไตล์และมุมมองจะเปลี่ยนไป หันมาดูแลใส่ใจเรื่องอาหารการกินอย่างถูกต้องมากขึ้น
เคล็ดลับ->ซอยมื้อ กินสมดุล ไม่โหยไม่อ้วน
นอกจากคุณจิ๊บทำงานร่วมกับหมอแล้ว เขายังทำงานร่วมกับนักโภชนาการด้วย
“เราก็ถามนักโภชนาการว่ากินยังไงไม่ให้รู้สึกโหย ก็ลองสูตรลดความอ้วนหลายสูตร สุดท้ายมาจบที่สูตรกิน 5 มื้อ คือ มื้อเช้า, Morning break, มื้อเที่ยง, Afternoon break, และมื้อเย็น กินในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ใช่กินใหญ่จัดหนัก
เพียงแค่ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ร่างกายจะเริ่มปรับตัวแล้วว่าจากที่เคยกินเยอะ มากินน้อยลง สมองจะสั่งการเองว่าอิ่มแล้ว
พอเริ่มสัปดาห์ที่สอง จากที่เคยกินข้าวพูนๆ ทีนี้ครึ่งทัพพีก็อิ่มแล้ว”
ทว่าไม่ใช่แค่จัดให้กินในปริมาณน้อยๆ หลายๆ มื้อ ดร.ไดเอทยังจัดสรรปริมาณสารอาหารในแต่ละมื้อให้ถูกต้องตามหลักการคุมน้ำหนักด้วย
“ไม่ใช่กินน้อยอย่างเดียว ต้องกินให้ถูกต้องด้วย เจ้าอื่นบอกต้องแป้งน้อย No Carbohydrate แต่มีหลายวิจัยออกมาว่าการกินแป้งน้อยทำให้เลือดคนเรามีความเป็นกรดสูง ไม่เกิดสมดุลในร่างกาย มันก็ไม่ดี สูตรนี้ไม่เวิร์ค หรือบางเจ้าให้กินตามกรุ๊ปเลือด ซึ่งตลกมาก มันเหมือนการหาเลขเบอร์โทรศัพท์ด้วยการไปดูหมอดู มันไม่ได้มีวิจัยอะไรออกมาว่ากรุ๊ปเลือดนี้ต้องกินนี้ เหมือนราศีนี้ต้องนิสัยแบบนี้
ดร.ไดเอทใช้สูตรบาลานซ์ไดเอท คือ การกินอย่างสมดุล แป้ง 50% ไขมัน 25% โปรตีน 25% แกะมาดูอาจเห็นว่าทำไมข้าวนิดเดียว ความจริงแล้ว แป้งไม่จำเป็นต้องมาในรูปแบบข้าว มันอยู่ในผักด้วย อย่างถ้าเราเลือกกินใบ มันก็กากเยอะ แต่ถ้ากินตรงก้าน ก็เป็นแป้ง หรือบอกไขมัน 25% บางคนตกใจ เอ๊ะ! เยอะ ยี่ห้า แต่พอเปิดดู ไม่เห็น ไม่มีอาหารมันๆ เลย เพราะความจริงแล้ว ไขมันที่ซ่อนอยู่ในโปรตีนก็มี หรือแม้กระทั่งเครื่องปรุง นี่คือสูตรกินอย่างสมดุลของเรา”
เสน่ห์->เมนูไม่ซ้ำจากหลากหลายเชฟ ปรึกษาหมอทุกอาทิตย์
คุณจิ๊บยืนยัน เมนูไม่ซ้ำเลยใน 28 วัน แถมสับเปลี่ยนรสมือตลอด
“รับรองเมนูไม่ซ้ำเลยใน 28 วัน แต่แม้เมนูไม่ซ้ำ เราก็อาจรู้สึกรสชาติคล้ายกัน เราก็เลยต้องเปลี่ยนเชฟเปลี่ยนร้าน ให้คนกินแล้วรู้สึกไม่เบื่อ เราจะมีอาหารทั้งสปาเก็ตตี้ สเต็ก ส้มตำ คนจะลุ้นวันนี้จะมีอะไรมาเสิร์ฟ
ยกตัวอย่างเช่น อาหารเช้า มีทั้งข้าวต้ม โจ๊ก แซนวิช, ช่วงเบรก มีวุ้น มีผลไม้ แครกเกอร์, มื้อเย็น มีสลัด สเต็กซึ่งใช้ปลาใช้ไก่ ฯลฯ”
น่าสนใจสุด คือ คุณต้องพบหมอก่อนเข้าคอร์ส พร้อมทั้งปรึกษาหมอได้ทุกสัปดาห์
อันดับแรกต้องพบหมอก่อน อายุเท่าไร มีโรคประจำตัวไหม หมอจะเป็นคนบอกเราว่าคนนี้ควรกินอะไร ปริมาณแคลอรี่เท่าไร แพ้อาหารอะไร หมอจะบอกอย่างละเอียด และทุกสัปดาห์มาปรึกษากับหมอ 6 วันที่ผ่านมาเป็นไง รู้สึกยังไง แต่ถ้าไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา แต่เราแนะนำให้มา เพราะเงินที่เสียไปรวมค่าปรึกษาหมอแล้ว ไม่ต้องเสียเพิ่ม น้ำหนักบางคนเริ่มลดแล้ว ก็อาจควรกระชับสัดส่วนด้วย ซึ่งหมอจะคอยแนะนำ
ถ้าไม่เจอหมอก็กลายเป็นเหมือนกินอาหารเสริม คือ ไม่รู้ว่าช่วยลดความอ้วนหรือเปล่า เราต้องการคุมคอนเซ็ปต์อยากให้เสถียร ไม่เกิดโยโย่ทีหลัง”
เชื่อว่า สาวทำงานที่กำลังต้องการควบคุมน้ำหนัก แต่ไม่สะดวกทำเองหรือทำกับข้าวไม่เป็น และไม่รู้ว่าควรกินอะไร ปริมาณเท่าไร อาจเริ่มสนใจเจ้าใหม่ทางเลือกนี้ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม www.facebook.com/Drdiet.meals หรือโทร. call center 085-343-9888
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net