By Lady Manager
ตกใจเว่อร์นึกว่านั่งไทม์แมชชีนมาเกาหลีตั้งแต่ตอนไหน เพราะเมื่อเหยียบเข้าร้านที่ให้คำปรึกษาด้านศัลยกรรมกิมจิแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ สาวไทยที่เดินเฉียดเรา นี่มันสาวเกาหลีชัดๆ! เพราะหน้าโขกพิมพ์เดียวกันมาแทบแยกไม่ออกว่าคนไทยหรือคนเกาหลี
"ทางเราจะดูแลจัดการหลายๆส่วนให้ลูกค้า ในส่วนที่ลูกค้าต้องเตรียมตัว คือ กระเป๋าเสื้อผ้า พาสปอร์ต ข้าวของใช้ส่วนตัว แต่เรื่องที่พัก รถรับส่ง ตั๋วเครื่องบินทุกอย่างทางบริษัทจะดูแลจัดการให้ เพราะอย่างโรงพยาบาลที่เกาหลีจะมีในเรื่องของล่าม รถรับส่งตั้งแต่สนามบินเลย
ก่อนจะเดินทางต้องติดต่อกับทางเรา ก็จะจองให้ลูกค้าได้รับความสะดวกมากที่สุด เราจะดูแลในส่วนแค่เรื่องการรักษา ศัลยกรรมต่างๆ เรื่องเที่ยวเราไม่ได้ดูแลเป็นแพกเกจให้ลูกค้า แต่ถ้าลูกค้าไม่ทราบว่าต้องจองตั๋วเครื่องบินอย่างไร จองที่พักที่ไหน เราก็จะมีโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆโรงพยาบาลให้ลูกค้าเลือก เพราะจะมีหลายราคา ส่วนตั๋วเครื่องบินเราก็จะอธิบายให้ลูกค้าฟัง ราคาเท่าไหร่ สายการบินไหนบ้าง ลูกค้าก็จะเป็นคนเลือกอีกทีหนึ่ง"
คิม ซุน ฮา (Kim Sun Ha) ผู้บริหาร STMstyle บริษัทเอเจนซี่ให้คำปรึกษาด้านศัลยกรรมความงามเกาหลี อธิบายถึงขั้นตอนการไปศัลยกรรมที่เกาหลี
พร้อมสารพัดคำถามที่จะมาเคลียร์กันเป็นข้อๆ
สาวกิมจิมองปัญหาโครงหน้าสาวไทย
“รูปหน้าจองสาวไทยไม่มีปัญหามากเท่าไหร่แต่จะมีแค่จมูกใหญ่ ปีกจมูกกว้าง เนื้อเยอะ และเรื่องผิว ถ้าวิเคราะห์ถึงเรื่องรูปหน้าจะถือว่าเล็กกว่าคนเกาหลีที่มักมีโหนกแก้มที่ใหญ่ และมีกรามใหญ่
พื้นฐานของคนไทยผิวอาจจะไม่ได้ขาวเหมือนผู้หญิงเกาหลีแต่อยู่ที่การดูแล ตั้งแต่เริ่มต้นเลย คือบำรุงครีมกันแดดต่างๆ
ผิวสาวไทยอาจจะไม่ได้ขาวเหมือนคนเกาหลี แต่เราจะสามารถทำให้ผิวเกลี้ยง เนียนได้ นอกจากเรื่องเทคโนโลยีเลเซอร์ต่างๆ ก็ต้องมีการดูแลส่วนตัวได้" คุณคิม มองและวิเคราะห์รูปหน้าสาวไทย
คิม แท ฮี + เกิร์ลส์เจเนอเรชั่น เบ้าหน้าสุดฮิต
“อย่างผู้หญิงไทยที่เข้ามารับคำปรึกษาจะเน้นทำศัลยกรรมใบหน้า ตา จมูก บอดี้ไลน์ ดูดไขมัน อย่างผู้ชายก็จะเน้นในเรื่องรูปหน้า จมูกเยอะเช่นกัน เป็นลักษณะความสนใจของเขามากกว่า
ส่วนใหญ่จะเอารูปดารามาให้ดู พวกกลุ่มวัยรุ่นจะมีรูปที่ชอบทั้งดาราไทย และเกาหลี และมีอีกกลุ่มที่เขาไม่ต้องการเหมือนใคร แค่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ส่วนใหญ่จะเป็นคิม แท-ฮี และ Girls' Generation แล้วแต่ชอบ สไตล์เกาหลี ชอบตา จมูกแบบนี้แล้วแต่เคส แล้วแต่คน
ถ้าเป็นเคสแก้ จมูก ก็จะเลือกคุณหมอที่เขาเก่งเรื่องแก้ ทำแก้ กับทำครั้งแรกจะไม่เหมือนกัน คนละหมอ ถ้าลูกค้าสนใจเรื่องอื่นก็จะแนะนำโรงพยาบาลอื่น ถ้าเป็นรูปหน้า ตา จมูก ก็จะแนะนำให้เหมาะสมกับเคสของเขา จะเลือกคุณหมอให้
เราเองไม่ได้เลือกโรงพยาบาลให้ลูกค้า แต่ต้องเลือกหมอให้ลูกค้า คุณหมอแก้ตา จมูก จะคนละคนกัน ประสบการณ์ของหมอแก้ศัลยกรรมจะเยอะกว่า” คุณคิมกล่าว
เตรียมหยุดงาน ลาเรียน พักฟื้นกี่วัน
คุณคิม บอกถึงเหตุผลที่ทำไมต้องหอบสังขารเดินทางไปถึงเกาหลีด้วยล่ะ นางเล่าว่า เนื่องจากเมืองไทยไม่อนุญาตให้แพทย์ชาวต่างชาติเข้ามาทำการรักษาผ่าตัดได้ หากลูกค้าสนใจจะรับการบริการด้านศัลยกรรมเกาหลี ควรไปทำที่เกาหลี ทางเราจะมีโปรโมชั่นให้เลือกหลากหลาย ทั้งลดค่าที่พัก ตั๋ว
"ในช่วงที่รับการรักษาที่เกาหลี อาจจะยังมีอาการบวมแดงอักเสบบ้าง แต่หลังจากตัดไหม เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว ในทุก สัปดาห์ ทางบริษัทจะนัดลูกค้าให้เข้ามาเช็กอาการหรือถ่ายรูปเพื่อส่งให้ทางโรงพยาบาลอย่างสม่ำเสมอเพื่อเป็นการเช็กผลหลังผ่าตัด
ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ไปเกาหลีมักจะทำทั้งหน้า อยู่แค่ 1 อาทิตย์ พักฟื้นประมาณ7-10 วัน เราไม่ต้องกระตุ้นให้ลูกค้ากลับไปทำอีกเพราะความพอใจที่เขาได้รับครั้งแรกมันมีอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกระตุ้นให้ลูกค้าทำเยอะ
ในกรณีที่ลูกค้าต้องการช้อปปิ้ง หรือเที่ยวสามารถทำได้ แต่หากต้องการให้ทางเราแนะนำสามารถแจ้งได้เช่นกัน”
ศัลยกรรมพลาดรับผิดชอบอย่างไร
คุณคิม ย้ำว่ายังไม่มีพลาด มีเพียงแต่ลูกค้าอยากจะศัลยกรรมเพิ่มมากกว่า
“เราเปิดบริษัทมา 4 ปี ถ้าถามว่าทำศัลยกรรมแล้วมีปัญหาบ้างไหม คือยังไม่มี แต่จะเป็นลักษณะความอยากได้เพิ่มเติมมากกว่า เช่น ทำจมูกมาตอนแรกลูกค้าไม่อยากได้สันจมูกที่โด่งพอ 4 เดือนปุ้บเข้าที่อยากให้โด่งนิดหนึ่ง ทางเราก็คุยกับโรงพยาบาลให้ ก็ส่งลูกค้าไปทำเพิ่ม แต่ในส่วนค่าผ่าตัดลูกค้าไม่เสีย แต่ค่าเดินทางลูกค้าต้องรับผิดชอบเพราะไม่ใช่ศัลยกรรมที่ผิดพลาด เพราะมีการคุยตกลงกันแล้วก่อนที่จะผ่าตัด
เพราะอย่างลูกค้าเราเองที่เจอ พอทำแล้วบิดเบี้ยว ทรงไม่สวยไม่ใช่ แต่จะเป็นความชอบมากกว่าเช่นอยากให้ปลายจมูกเล็กนิดหนึ่ง อยากให้สูงนิดหนึ่ง เราก็ประสานงานให้ลูกค้าไปทำ
มาตรฐานของเกาหลีจะละเอียด กฎหมายทางการแพทย์เขามี แต่หากเป็นพวกคลินิกเล็กๆอาจจะมีผิดพลาดบ้าง หมอกว่าจะเรียนจบมายากลำบาก กว่าจะเปิดโรงพยาบาลได้เขาก็ตรวจสอบหลายๆอย่าง ถ้าโรงพยาบาลไหนโดนร้องทุกข์ ฟ้องร้อง แจ้งความ เขาจะตรวจทั้งโรงพยาบาล มีปัญหาจะปิดโรงพยาบาลเลย ดังนั้นพวกหมอจะไม่เสี่ยง เขาจะทำอะไรที่ถูกต้อง ทำอะไรผิดพลาดไปก็จะเสียชื่อเสียงแก่ตัวหมอเอง โรงพยาบาล บางโรงพยาบาลที่ว่าดังยังถูกปิดมา 2-3 รอบก็มีนะ
คนต่างชาติไปต้องเลือกโรงพยาบาลให้ดีเพราะถ้าเลือกไม่ดีจะเป็นคลินิก เพราะจะไม่ใช่แพทย์เฉพาะทาง โรงพยาบาลจะทำศัลยกรรมอย่างเดียวเลย Plastic Surgery เพราะคนเกาหลีเวลาทำศัลยกรรมจะไม่ไปที่เล็กๆ หรือต่างจังหวัด เพราะเขาก็รู้กันอยู่แล้วว่าไม่ใช่แพทย์เฉพาะทาง จะทำให้ค่าผ่าตัดถูกก็จริงแต่ความเสี่ยงมันก็มี”
คิดอย่างไรคนไทยถึงฮิตทำหน้าเกาหลี
“เกาหลีเป็นประเทศศัลยกรรม เทคโนโลยีต่างๆ ความสามารถ ประสบการณ์ต่างๆของหมอ ทุกคนจะรู้ว่าเกาหลีเขาเด่นเรื่องนี้ ส่วนคนไทยอาจจะเป็นที่ว่า ลูกค้าเราอาจทำแล้วมีปัญหา ทำที่ไทยมีปัญหา เขาเลยคิดว่าหมอที่เมืองไทยไม่เก่ง จึงอยากไปถึงเกาหลี
เพราะอย่างเกาหลีเองแม้ว่าโรงพยาบาลที่เขามีเครื่องมือ เทคโนโลยีที่ดีอยู่แล้ว หมอเก่งอยู่แล้วเขาก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น ก็พัฒนาไปเรื่อยๆ อย่างลูกค้าบางคนมาปรึกษายังไม่ได้ไปก็มี คือศึกษาข้อมูลของเกาหลีแล้วนำมาเทียบกับไทย สุดท้ายก็ตัดสินใจไปทำที่เกาหลี อันนี้อาจจะเป็นข้อมูลที่ลูกค้าศึกษาแล้วเกิดความมั่นใจแล้วตัดสินใจไปทำที่เกาหลี
ปัจจุบันหมอไทยที่เก่งๆก็มีมากขึ้น เพราะเห็นลุกค้าหลายท่านทำมาสวยๆก็มี ทำดีอยู่แล้วอยากแก้ก็มี แต่เกาหลีเขาจะเป็นอะไรที่แตกต่างกับบ้านเรา ตรงที่ว่า หมอ 1 คน จะทำศัลยกรรมเฉพาะอย่าง แต่บ้านเราหมอ 1 คน ทำได้ทั้งตัว เช่น ใครเชี่ยวชาญศัลยกรรมหน้าอกก็ต้องหมอคนนี้ ส่วนอยากทำจมูกต้องหมอคนนี้ แม้แต่การแก้หลังทำศัลยกรรมก็ต้องคนละคนกัน
เดิมที่เกาหลีเป็นผู้ริเริ่มก่อน เช่น ฉีดไขมัน ฉีดสเต็มเซลล์ ในปัจจุบันไทยเริ่มมี คือไปศึกษา เทคคอร์ส แล้วจึงมาเปิดคลินิก แต่ทว่าความชำนาญ เทคโนโลยีที่ใช้ก็จะมีความแตกต่างกัน
ต้องศึกษาข้อมูลอะไรบ้างก่อนไป
“การเลือกเอเจนซี่หรือตัวแทนที่แนะนำเราไปทำศัลยกรรมต้องเช็กดีๆ เช่น ต้องถูกต้องตามกฎหมาย ได้ใบรับรองจากเกาหลี ต้องเป็นบริษัทที่มีผู้เชี่ยวชาญทั้ง Consulter และพยาบาล เพราะหลังจากลูกค้าทำศัลยกรรมเสร็จต้องมีการติดตาม ต้องมีเครื่องมือรองรับด้วย
เช่น ลูกค้าไปเกาหลีดูดไขมันมา ทางเราในเมืองไทยจะต้องมีคลื่นความถี่กระตุ้นให้ลูกค้า ซึ่งถ้าลูกค้าไปทำที่เกาหลีมาอาจจะมีผิวหนังหย่อนคล้อย หรือเป็นก้อนไตแข็ง ถ้าบริษัทไม่มีเครื่องมือลูกค้าก็จะมีผลเสียตามมาได้
เพราะเอเจนซี่ไม่ได้มีหน้าที่แค่ขายแพกเกจให้ลูกค้าอย่างเดียว มันต้องมีข้อมูลแจ้งลูกค้าด้วย” คุณคิม แนะนำ
ค่าศัลย์ประมาณเท่าไหร่
คุณคิม กล่าวถึงเรื่องราคา ว่าฟันธงเจาะจงเลยไม่ได้ว่าราคาเท่าไหร่แล้วแต่เคส
“ต้องบอกว่าการศัลยกรรมจะมีรายละเอียดยิบย่อยมาก เช่น แค่ตา ก็จะมีชั้นตา กล้ามเนื้อตา ไขมัน หัวตา หางตา แต่ละเคสทำตาก็ไม่เหมือนกัน ราคาจึงแตกต่างกัน
ก็จะไล่ไปตั้งแต่ 80,000-200,000 บาท เฉพาะค่าผ่าตัดเท่านั้น ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอย่างอื่น เช่นที่พัก ค่าตั๋วเครื่องบิน
ในส่วนของค่าใช้จ่ายผ่าตัดจะคิดค่าใช้จ่ายความจริงจากโรงพยาบาล ราคาเดียวกันคนเกาหลี ไม่ได้มีการรวมค่าคอมมิชชั่นใดๆ”
ค่ะ นี่เป็นเพียงแค่ข้อมูลของการทำศัลยกรรมแดนกิมจิ สาวไทยลองพิจารณาและใช้วิจารณญาณกันให้ถี่ถ้วน ศึกษารอบด้านก่อนก่อนตัดสินใจ เพราะหน้าคุณมีเพียงหน้าเดียวนะคะ!
อะไรก็ไม่แน่นอน....แม้แต่อดีตเคยหน้าปลวก แต่ปัจจุบันอาจกลายร่างเป็นนางฟ้าก็ได้นี่คะ!
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
ตกใจเว่อร์นึกว่านั่งไทม์แมชชีนมาเกาหลีตั้งแต่ตอนไหน เพราะเมื่อเหยียบเข้าร้านที่ให้คำปรึกษาด้านศัลยกรรมกิมจิแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ สาวไทยที่เดินเฉียดเรา นี่มันสาวเกาหลีชัดๆ! เพราะหน้าโขกพิมพ์เดียวกันมาแทบแยกไม่ออกว่าคนไทยหรือคนเกาหลี
"ทางเราจะดูแลจัดการหลายๆส่วนให้ลูกค้า ในส่วนที่ลูกค้าต้องเตรียมตัว คือ กระเป๋าเสื้อผ้า พาสปอร์ต ข้าวของใช้ส่วนตัว แต่เรื่องที่พัก รถรับส่ง ตั๋วเครื่องบินทุกอย่างทางบริษัทจะดูแลจัดการให้ เพราะอย่างโรงพยาบาลที่เกาหลีจะมีในเรื่องของล่าม รถรับส่งตั้งแต่สนามบินเลย
ก่อนจะเดินทางต้องติดต่อกับทางเรา ก็จะจองให้ลูกค้าได้รับความสะดวกมากที่สุด เราจะดูแลในส่วนแค่เรื่องการรักษา ศัลยกรรมต่างๆ เรื่องเที่ยวเราไม่ได้ดูแลเป็นแพกเกจให้ลูกค้า แต่ถ้าลูกค้าไม่ทราบว่าต้องจองตั๋วเครื่องบินอย่างไร จองที่พักที่ไหน เราก็จะมีโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆโรงพยาบาลให้ลูกค้าเลือก เพราะจะมีหลายราคา ส่วนตั๋วเครื่องบินเราก็จะอธิบายให้ลูกค้าฟัง ราคาเท่าไหร่ สายการบินไหนบ้าง ลูกค้าก็จะเป็นคนเลือกอีกทีหนึ่ง"
คิม ซุน ฮา (Kim Sun Ha) ผู้บริหาร STMstyle บริษัทเอเจนซี่ให้คำปรึกษาด้านศัลยกรรมความงามเกาหลี อธิบายถึงขั้นตอนการไปศัลยกรรมที่เกาหลี
พร้อมสารพัดคำถามที่จะมาเคลียร์กันเป็นข้อๆ
สาวกิมจิมองปัญหาโครงหน้าสาวไทย
“รูปหน้าจองสาวไทยไม่มีปัญหามากเท่าไหร่แต่จะมีแค่จมูกใหญ่ ปีกจมูกกว้าง เนื้อเยอะ และเรื่องผิว ถ้าวิเคราะห์ถึงเรื่องรูปหน้าจะถือว่าเล็กกว่าคนเกาหลีที่มักมีโหนกแก้มที่ใหญ่ และมีกรามใหญ่
พื้นฐานของคนไทยผิวอาจจะไม่ได้ขาวเหมือนผู้หญิงเกาหลีแต่อยู่ที่การดูแล ตั้งแต่เริ่มต้นเลย คือบำรุงครีมกันแดดต่างๆ
ผิวสาวไทยอาจจะไม่ได้ขาวเหมือนคนเกาหลี แต่เราจะสามารถทำให้ผิวเกลี้ยง เนียนได้ นอกจากเรื่องเทคโนโลยีเลเซอร์ต่างๆ ก็ต้องมีการดูแลส่วนตัวได้" คุณคิม มองและวิเคราะห์รูปหน้าสาวไทย
คิม แท ฮี + เกิร์ลส์เจเนอเรชั่น เบ้าหน้าสุดฮิต
“อย่างผู้หญิงไทยที่เข้ามารับคำปรึกษาจะเน้นทำศัลยกรรมใบหน้า ตา จมูก บอดี้ไลน์ ดูดไขมัน อย่างผู้ชายก็จะเน้นในเรื่องรูปหน้า จมูกเยอะเช่นกัน เป็นลักษณะความสนใจของเขามากกว่า
ส่วนใหญ่จะเอารูปดารามาให้ดู พวกกลุ่มวัยรุ่นจะมีรูปที่ชอบทั้งดาราไทย และเกาหลี และมีอีกกลุ่มที่เขาไม่ต้องการเหมือนใคร แค่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ส่วนใหญ่จะเป็นคิม แท-ฮี และ Girls' Generation แล้วแต่ชอบ สไตล์เกาหลี ชอบตา จมูกแบบนี้แล้วแต่เคส แล้วแต่คน
ถ้าเป็นเคสแก้ จมูก ก็จะเลือกคุณหมอที่เขาเก่งเรื่องแก้ ทำแก้ กับทำครั้งแรกจะไม่เหมือนกัน คนละหมอ ถ้าลูกค้าสนใจเรื่องอื่นก็จะแนะนำโรงพยาบาลอื่น ถ้าเป็นรูปหน้า ตา จมูก ก็จะแนะนำให้เหมาะสมกับเคสของเขา จะเลือกคุณหมอให้
เราเองไม่ได้เลือกโรงพยาบาลให้ลูกค้า แต่ต้องเลือกหมอให้ลูกค้า คุณหมอแก้ตา จมูก จะคนละคนกัน ประสบการณ์ของหมอแก้ศัลยกรรมจะเยอะกว่า” คุณคิมกล่าว
เตรียมหยุดงาน ลาเรียน พักฟื้นกี่วัน
คุณคิม บอกถึงเหตุผลที่ทำไมต้องหอบสังขารเดินทางไปถึงเกาหลีด้วยล่ะ นางเล่าว่า เนื่องจากเมืองไทยไม่อนุญาตให้แพทย์ชาวต่างชาติเข้ามาทำการรักษาผ่าตัดได้ หากลูกค้าสนใจจะรับการบริการด้านศัลยกรรมเกาหลี ควรไปทำที่เกาหลี ทางเราจะมีโปรโมชั่นให้เลือกหลากหลาย ทั้งลดค่าที่พัก ตั๋ว
"ในช่วงที่รับการรักษาที่เกาหลี อาจจะยังมีอาการบวมแดงอักเสบบ้าง แต่หลังจากตัดไหม เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว ในทุก สัปดาห์ ทางบริษัทจะนัดลูกค้าให้เข้ามาเช็กอาการหรือถ่ายรูปเพื่อส่งให้ทางโรงพยาบาลอย่างสม่ำเสมอเพื่อเป็นการเช็กผลหลังผ่าตัด
ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ไปเกาหลีมักจะทำทั้งหน้า อยู่แค่ 1 อาทิตย์ พักฟื้นประมาณ7-10 วัน เราไม่ต้องกระตุ้นให้ลูกค้ากลับไปทำอีกเพราะความพอใจที่เขาได้รับครั้งแรกมันมีอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกระตุ้นให้ลูกค้าทำเยอะ
ในกรณีที่ลูกค้าต้องการช้อปปิ้ง หรือเที่ยวสามารถทำได้ แต่หากต้องการให้ทางเราแนะนำสามารถแจ้งได้เช่นกัน”
ศัลยกรรมพลาดรับผิดชอบอย่างไร
คุณคิม ย้ำว่ายังไม่มีพลาด มีเพียงแต่ลูกค้าอยากจะศัลยกรรมเพิ่มมากกว่า
“เราเปิดบริษัทมา 4 ปี ถ้าถามว่าทำศัลยกรรมแล้วมีปัญหาบ้างไหม คือยังไม่มี แต่จะเป็นลักษณะความอยากได้เพิ่มเติมมากกว่า เช่น ทำจมูกมาตอนแรกลูกค้าไม่อยากได้สันจมูกที่โด่งพอ 4 เดือนปุ้บเข้าที่อยากให้โด่งนิดหนึ่ง ทางเราก็คุยกับโรงพยาบาลให้ ก็ส่งลูกค้าไปทำเพิ่ม แต่ในส่วนค่าผ่าตัดลูกค้าไม่เสีย แต่ค่าเดินทางลูกค้าต้องรับผิดชอบเพราะไม่ใช่ศัลยกรรมที่ผิดพลาด เพราะมีการคุยตกลงกันแล้วก่อนที่จะผ่าตัด
เพราะอย่างลูกค้าเราเองที่เจอ พอทำแล้วบิดเบี้ยว ทรงไม่สวยไม่ใช่ แต่จะเป็นความชอบมากกว่าเช่นอยากให้ปลายจมูกเล็กนิดหนึ่ง อยากให้สูงนิดหนึ่ง เราก็ประสานงานให้ลูกค้าไปทำ
มาตรฐานของเกาหลีจะละเอียด กฎหมายทางการแพทย์เขามี แต่หากเป็นพวกคลินิกเล็กๆอาจจะมีผิดพลาดบ้าง หมอกว่าจะเรียนจบมายากลำบาก กว่าจะเปิดโรงพยาบาลได้เขาก็ตรวจสอบหลายๆอย่าง ถ้าโรงพยาบาลไหนโดนร้องทุกข์ ฟ้องร้อง แจ้งความ เขาจะตรวจทั้งโรงพยาบาล มีปัญหาจะปิดโรงพยาบาลเลย ดังนั้นพวกหมอจะไม่เสี่ยง เขาจะทำอะไรที่ถูกต้อง ทำอะไรผิดพลาดไปก็จะเสียชื่อเสียงแก่ตัวหมอเอง โรงพยาบาล บางโรงพยาบาลที่ว่าดังยังถูกปิดมา 2-3 รอบก็มีนะ
คนต่างชาติไปต้องเลือกโรงพยาบาลให้ดีเพราะถ้าเลือกไม่ดีจะเป็นคลินิก เพราะจะไม่ใช่แพทย์เฉพาะทาง โรงพยาบาลจะทำศัลยกรรมอย่างเดียวเลย Plastic Surgery เพราะคนเกาหลีเวลาทำศัลยกรรมจะไม่ไปที่เล็กๆ หรือต่างจังหวัด เพราะเขาก็รู้กันอยู่แล้วว่าไม่ใช่แพทย์เฉพาะทาง จะทำให้ค่าผ่าตัดถูกก็จริงแต่ความเสี่ยงมันก็มี”
คิดอย่างไรคนไทยถึงฮิตทำหน้าเกาหลี
“เกาหลีเป็นประเทศศัลยกรรม เทคโนโลยีต่างๆ ความสามารถ ประสบการณ์ต่างๆของหมอ ทุกคนจะรู้ว่าเกาหลีเขาเด่นเรื่องนี้ ส่วนคนไทยอาจจะเป็นที่ว่า ลูกค้าเราอาจทำแล้วมีปัญหา ทำที่ไทยมีปัญหา เขาเลยคิดว่าหมอที่เมืองไทยไม่เก่ง จึงอยากไปถึงเกาหลี
เพราะอย่างเกาหลีเองแม้ว่าโรงพยาบาลที่เขามีเครื่องมือ เทคโนโลยีที่ดีอยู่แล้ว หมอเก่งอยู่แล้วเขาก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น ก็พัฒนาไปเรื่อยๆ อย่างลูกค้าบางคนมาปรึกษายังไม่ได้ไปก็มี คือศึกษาข้อมูลของเกาหลีแล้วนำมาเทียบกับไทย สุดท้ายก็ตัดสินใจไปทำที่เกาหลี อันนี้อาจจะเป็นข้อมูลที่ลูกค้าศึกษาแล้วเกิดความมั่นใจแล้วตัดสินใจไปทำที่เกาหลี
ปัจจุบันหมอไทยที่เก่งๆก็มีมากขึ้น เพราะเห็นลุกค้าหลายท่านทำมาสวยๆก็มี ทำดีอยู่แล้วอยากแก้ก็มี แต่เกาหลีเขาจะเป็นอะไรที่แตกต่างกับบ้านเรา ตรงที่ว่า หมอ 1 คน จะทำศัลยกรรมเฉพาะอย่าง แต่บ้านเราหมอ 1 คน ทำได้ทั้งตัว เช่น ใครเชี่ยวชาญศัลยกรรมหน้าอกก็ต้องหมอคนนี้ ส่วนอยากทำจมูกต้องหมอคนนี้ แม้แต่การแก้หลังทำศัลยกรรมก็ต้องคนละคนกัน
เดิมที่เกาหลีเป็นผู้ริเริ่มก่อน เช่น ฉีดไขมัน ฉีดสเต็มเซลล์ ในปัจจุบันไทยเริ่มมี คือไปศึกษา เทคคอร์ส แล้วจึงมาเปิดคลินิก แต่ทว่าความชำนาญ เทคโนโลยีที่ใช้ก็จะมีความแตกต่างกัน
ต้องศึกษาข้อมูลอะไรบ้างก่อนไป
“การเลือกเอเจนซี่หรือตัวแทนที่แนะนำเราไปทำศัลยกรรมต้องเช็กดีๆ เช่น ต้องถูกต้องตามกฎหมาย ได้ใบรับรองจากเกาหลี ต้องเป็นบริษัทที่มีผู้เชี่ยวชาญทั้ง Consulter และพยาบาล เพราะหลังจากลูกค้าทำศัลยกรรมเสร็จต้องมีการติดตาม ต้องมีเครื่องมือรองรับด้วย
เช่น ลูกค้าไปเกาหลีดูดไขมันมา ทางเราในเมืองไทยจะต้องมีคลื่นความถี่กระตุ้นให้ลูกค้า ซึ่งถ้าลูกค้าไปทำที่เกาหลีมาอาจจะมีผิวหนังหย่อนคล้อย หรือเป็นก้อนไตแข็ง ถ้าบริษัทไม่มีเครื่องมือลูกค้าก็จะมีผลเสียตามมาได้
เพราะเอเจนซี่ไม่ได้มีหน้าที่แค่ขายแพกเกจให้ลูกค้าอย่างเดียว มันต้องมีข้อมูลแจ้งลูกค้าด้วย” คุณคิม แนะนำ
ค่าศัลย์ประมาณเท่าไหร่
คุณคิม กล่าวถึงเรื่องราคา ว่าฟันธงเจาะจงเลยไม่ได้ว่าราคาเท่าไหร่แล้วแต่เคส
“ต้องบอกว่าการศัลยกรรมจะมีรายละเอียดยิบย่อยมาก เช่น แค่ตา ก็จะมีชั้นตา กล้ามเนื้อตา ไขมัน หัวตา หางตา แต่ละเคสทำตาก็ไม่เหมือนกัน ราคาจึงแตกต่างกัน
ก็จะไล่ไปตั้งแต่ 80,000-200,000 บาท เฉพาะค่าผ่าตัดเท่านั้น ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอย่างอื่น เช่นที่พัก ค่าตั๋วเครื่องบิน
ในส่วนของค่าใช้จ่ายผ่าตัดจะคิดค่าใช้จ่ายความจริงจากโรงพยาบาล ราคาเดียวกันคนเกาหลี ไม่ได้มีการรวมค่าคอมมิชชั่นใดๆ”
ค่ะ นี่เป็นเพียงแค่ข้อมูลของการทำศัลยกรรมแดนกิมจิ สาวไทยลองพิจารณาและใช้วิจารณญาณกันให้ถี่ถ้วน ศึกษารอบด้านก่อนก่อนตัดสินใจ เพราะหน้าคุณมีเพียงหน้าเดียวนะคะ!
อะไรก็ไม่แน่นอน....แม้แต่อดีตเคยหน้าปลวก แต่ปัจจุบันอาจกลายร่างเป็นนางฟ้าก็ได้นี่คะ!
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net