xs
xsm
sm
md
lg

PIH ปฏิวัติธุรกิจพยาบาลเอกชน ลดใช้เครื่องมือฟุ่มเฟือยมุ่งผลวินิจฉัยแพทย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - โรงพยาบาลพัทยาอินเตอร์เนชั่นแนล พร้อมทวงคืนสัดส่วนคนไข้ในเมืองพัทยา หลังซุ่มพัฒนาและปรับปรุงพื้นที่ภายใน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกจนทันสมัย และยังทุ่มงบจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ในหลายสาขาเพื่อรองรับกลุ่มคนไข้ที่จะเพิ่มมากขึ้นจากนโยบายการตลาดที่เน้นผลการรักษาเป็นเลิศจากการตรวจวิเคราะห์โรคที่แม่นยำ มากกว่าผลักภาระให้คนไข้ใช้เครื่องมือแพทย์ โดยสามารถอธิบายทั้งราคา และการรักษาให้แก่กลุ่มคนไข้ได้อย่างชัดเจน เผยปัจจุบัน สัดส่วนคนไข้ 60% ยังคงเป็นชาวต่างชาติ และกลุ่มผู้ประกันสุขภาพกับบริษัทในต่างประเทศ ขณะที่ฐานคนไข้ไทยเริ่มขยายตัวเพิ่มขึ้นจากการบอกต่อแบบปากต่อปาก

นายแพทย์สัญญา วีระไวทยะ ประธานกรรมการผู้จัดการ และ CEO บริษัทในเครือ พัทยาอินเตอร์เนชั่นแนล คอรป์ปอเรชั่น จำกัด ผู้บริหาร พัทยาอินเตอร์เนชั่นแนลฮอสพิทอล หรือ PIS เผยว่า แม้การดำเนินธุรกิจสถานพยาบาลเอกชนในปัจจุบันจะมุ่งเน้นการแสวงหาผลกำไรโดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายของประชาชนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่วนสำคัญมาจากการเปิดโอกาสให้ธุรกิจสถานพยาบาลเข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เน้นแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นมากกว่างานรักษาทางการแพทย์ที่หวังผลเป็นเลิศ ทำให้ประชาชนชาวไทยต้องแบกรับค่าใช้จ่ายทางการแพทย์อย่างมหาศาล

ซ้ำยังถูกแพทย์บางกลุ่มที่มุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนจากค่าคอมมิชชันเรื่องการใช้เครื่องมือทางการแพทย์ให้แก่ตนเอง มากกว่าการคำนึงถึงความจำเป็นทางการรักษา และไม่ให้ความสำคัญด้าการตรวจวินิจฉัยโรคตามตำราที่ได้ร่ำเรียนมา จึงทำให้ค่าใช้จ่ายด้านการรกัษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนสูงขึ้นมาก

นอกจากนั้น การที่โรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่หลายแห่งให้ความสำคัญกับการเป็น Medical Hub จึงทุ่มงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ที่ครบวงจร เพื่อดึงดูดกลุ่มคนไข้ต่างชาติให้เข้ามาใช้บริการในเมืองไทย ผลที่ตามมาคือ การปรับราคาค่ารักษาพยาบาลเพื่อให้ทันกับค่าเงินของต่างชาติ คนไทยจึงต้องแบกรับค่ารักษาพยาบาลที่สูงตามไปด้วย

และอีกปัจจัยที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต คือ การเข้าสู่ AEC ที่จะทำให้มีการหลั่งไหลเข้ามาของชาวต่างชาติมากขึ้น ซึ่งก็อาจทำให้โรงพยาบาลเอกชนที่มุ่งเน้นการสร้างตัวเลขการเติบโตทางธุรกิจ และแสวงหาผลกำไร มุ่งให้การรักษาแก่ฐานคนไข้ต่างชาติมากกว่าชาวไทย และในอนาคต ความแออัดของสถานพยาบาลของรัฐจะมากไปด้วยจำนวนคนไข้ชาวไทยระดับกลาง และล่าง รวมทั้งแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศ และกลุ่มต่างชาติบางส่วน ส่วนสถานพยาบาลเอกชน จะกลายเป็นจุดศูนย์รวมการรักษาพยาบาลของชาวต่างชาติ และคนไทยกระเป๋าหนัก

ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานการรักษาพยาบาลที่ดีให้แก่คนไทย โรงพยาบาลพัทยาอินเตอร์ หรือ PIS ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชน ที่เปิดดำเนินงานในรูปแบบคลินิกในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ภายใต้ชื่อ พัทยาอินเตอร์เนชั่นแนลคลินิก มาตั้งแต่ปี 2523 และมีการเติบโตของกลุ่มคนไข้ทั้งชาวไทยและต่างชาติอย่างต่อเนื่อง กระทั่งในปี 2534 ได้ยกระดับงานบริการเป็นโรงพยาบาลขนาดกลาง และเปลี่ยนชื่อเป็น “โรงพยาบาลพัทยาอินเตอร์เนชั่นแนล” จึงขอประกาศตัวเป็นสถานพยาบาลเอกชนแห่งแรกที่ไม่มุ่งเน้นการสร้างผลกำไร และรายได้ให้แก่คณะแพทย์จากการผลักภาระให้กลุ่มคนไข้ใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ไม่จำเป็น หากไม่ได้รับการวินิจฉัยโรคอย่างชัดเจนก่อน

ที่สำคัญ โรงพยาบาลแห่งนี้ยังมีนโยบายด้านการบริหารที่ชัดเจนคือ การเป็นโรงพยาบาลเอกชนในภาคตะวันออกที่ให้บริการตามมาตรฐานสากล และสามารถอธิบายเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลให้แก่คนไข้ได้เข้าใจ เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดจากการรักษา เพื่อแสดงให้เห็นว่าโรงพยาบาลแห่งนี้คิดค่าใช้จ่ายด้านงานรักษาพยาบาลที่สมเหตุสมผล โดยไม่ผลักภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นให้แก่คนไข้

“โรงพยาบาลของเราเน้นเรื่องความสามารถทางการรักษาของแพทย์ ซึ่งแต่ละคนจะมีกลุ่มคนไข้ของตน โดยไม่มุ่งเน้นจำนวนเตียงเพราะเชื่อว่าหากแพทย์รักษา และวินิจฉัยโรคได้ตรงจะทำให้คนไข้หายเร็วโดยไม่ต้องอยู่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน ซึ่งนั่นก็จะทำให้คนไข้มีค่าใช้จ่ายที่น้อยลง และเราไม่มีการตั้งค่าคอมมิชชันให้แก่แพทย์ จึงทำให้คนไข้ไม่ถูกผลักให้ใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่มีราคาแพงหากไม่จำเป็น”

นายแพทย์สัญญา ยังเผยอีกว่า ปัจจุบันกลุ่มคนไข้ของโรงพยาบาลมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการบอกต่อแบบปากต่อปาก ทั้งจากกลุ่มชาวต่างชาติ และคนไทยที่เข้ารักษายังโรงพยาบาลอื่น และต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาลแต่ผลการรักษากลับไม่ได้ผล ในวันนี้จึงให้กลุ่มคนไข้ของโรงพยาบาลกว่า 60% เป็นชาวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวที่ใช้ประกันสุขภาพจากบริษัทในต่างประเทศ และกลุ่มคนไข้ชาวไทยในพื้นที่ที่เป็นทั้งคนไข้เดิม และกลุ่มคนไข้ใหม่

“โรงพยาบาลของเราไม่มีการตั้งเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจ ซึ่งในวันนี้ผมเพียงแต่ต้องการกระตุ้นให้แพทย์ส่วนหนึ่งหันกลับมาใช้จรรยาบรรณในวิชาชีพ แทนการปล่อยให้วงการแพทย์ถูกนำโดยนโยบายด้านการตลาดและการเงิน และยังอยากเตือนไปยังผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ว่า การเข้าสู่ประชาคมอาเซียน หรือ AEC จะทำให้คนไทยได้รับผลกระทบจากค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนที่เพิ่มสูงขึ้นจากเดิมที่ก็สูงอยู่แล้ว ซึ่งโรงพยาบาลแห่งนี้ขอประกาศตัวเป็นโรงพยาบาลเอกชนรายแรกที่มุ่งเน้นงานรักษาทางการแพทย์มากกว่าการมุ่งเน้นการสร้างผลกำไร โรงพยาบาลแห่งนี้จึงมีลิมิตทั้งเรื่องของจำนวนเตียง และงานบริการที่ไม่จำเป็น เพราะเราต้องการทำธุรกิจโรงพยาบาลแบบพอเพียง ซึ่งหากคนไข้ที่เข้ามารักษากับเราเป็นโรคที่ยากเกินกว่าเครื่องมือที่มี เราก็พร้อมส่งต่อคนไข้ไปยังโรงพยาบาลอื่น แต่ส่วนใหญ่ เราต้องการให้คนไข้รักษาหายที่เราโดยลดการพึ่งพาเครื่องมือทางการแพทย์ที่ไม่จำเป็น”นายแพทย์สัญญากล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้โรงพยาบาลพัทยาอินเตอร์เนชั่นแนล จะเป็นโรงพยาบาลเอกชน ที่มุ่งเน้นผลการรักษาที่เป็นเลิศมากกว่าการสร้างผลกำไร และมุ่งเน้นนโยบายด้านการตลาดในรูปแบบเน้นการให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ป่วย ในด้านการดูแลสุขภาพและกลยุทธ์ในการสื่อสาร เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนจนทำให้ในวันนี้ฐานคนไข้ของโรงพยาบาลเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่เพื่อให้ทันกับการแข่งขันทางธุรกิจ และพัฒนาศักยภาพงานรักษาพยาบาลเพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของโรคต่างๆ

ในปี 2554 จึงได้ลงทุนเพิ่มไม่ต่ำกว่า 230 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อเครื่องฟอกเลือด สำหรับแผนกไตเทียม Dialysis Center สำหรับผู้ป่วยโรคไต เครื่องเลเซอร์พร้อมอุปกรณ์ทันสมัยสำหรับศูนย์ศัลยกรรม และความงาม และเปิดศูนย์โรคตา ซึ่งมีเครื่องมือที่ท้นสมัย

โดยปัจจุบัน โรงพยบาล มีจำนวนเตียง 80 เตียง และมีงานบริการทางการแพทย์มากถึง 13 แผนก ประกอบด้วย 1.แผนกฝังเข็ม Acupuncture Center 2.ศูนย์ศัลยกรรมและความงาม Dermatology & Cosmetic Cener/Plastic Surgery 3.แผนกไตเทียม Dialysis Center 4.คลินิกหูคอจมูก Ear Nose and Throat 5.ศูนย์โรคตา Eye Center 6.แผนกศัลยกรรมทั่วไปและทางเดินปัสสาวะ General Surgical and Urology 7.คลินิกโรคเลือดและโรคมะเร็ง Hematology and Oncology Center

8.คลินิกอายุรกรรมประสาท Neurological Center 9.คลินิกสูตินรีเวช Obstetrics & Gynecoloy Center 10.คลนิกศัลยกรรมกระดูกและข้อ orthopedic Surgey Center 11.คลินิกจิตเวช Psychiatry Center 12.ศูนย์เอกซเรย์ Radiology Centerและ13.คลินิกโรคข้อและภูมิแพ้ Rheumatology Center



กำลังโหลดความคิดเห็น