xs
xsm
sm
md
lg

กฤตย์ โอสถานุเคราะห์ กับ ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กฤตย์ โอสถานุเคราะห์
 
นานกว่า 120 ปีแล้วที่ "โอสถสภา" องค์กรเก่าแก่ของคนไทยที่มีเรื่องราวให้เรียนรู้มากมาย ที่นี่มีการผลัดเปลี่ยนทายาทผู้บริหารไป 4 รุ่นแล้ว แต่เส้นทางเดินข้างหน้ายังทอดยาวออกไปเรื่อย ๆ อนาคตขององค์กรร้อยกว่าปีในวันนี้จึงฝากไว้กับทายาทรุ่นที่ 5 กฤตย์ โอสถานุเคราะห์ ซึ่งกำลังก้าวเข้ามาเรียนรู้งาน

 
ท๊อฟฟี่-กฤตย์ วัย 25 ปี เจนเนอเรชั่นล่าสุดของ "บริษัท โอสถสภา จำกัด"  เริ่มต้นบอกกับเราว่า หลังจบชั้นประถมจากโรงเรียนจิตรดา ก็ย้ายไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียจนจบไฮสกูล ก่อนไปต่อปริญญาตรี สาขาบริหาร ที่สหรัฐอเมริกา ทันทีที่เรียนจบ เขากลับมาเรียนรู้งานที่บริษัทในฐานะพนักงานฝึกหัดคนหนึ่งเท่านั้นตามธรรมเนียมของตระกูลที่สอนให้ลูกหลานเรียนองค์กรตั้งแต่ตำแหน่งเล็ก ๆ โดยจะต้องเวียนศึกษางานในทุกแผนก ซึ่งขณะนี้เข้าสู่เดือนที่ 7 แล้ว

 
ท๊อฟฟี่เม็ดนี้ เล่าถึงสิ่งที่ได้รับการถ่ายทอดจากคุณยายว่า สิ่งที่คุณทวด (แป๊ะ โอสถานุเคราะห์) สั่งสอนลูกหลานและเน้นย้ำมากคือ เรื่องความกตัญญู ครอบครัวเขาโชคดีที่ได้รับความเมตตาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ทรงพระราชทานนามสกุล “โอสถานุเคราะห์”

พระเมตตาที่มอบให้กับครอบครัวโอสถานุเคราะห์เมื่อครั้งนั้น สร้างความปลาบปลื้มใจให้ลูกหลานในตระกูลสืบเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ครอบครัวนี้จะแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาตลอด

 
ท๊อฟฟี่ยังบอกอีกว่า ครอบครัวของเขาส่วนใหญ่เป็นนักเรียนของโรงเรียนจิตรลดา ซึ่งที่นั่นทำให้พวกเขายิ่งรักและผูกพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้น โดยคุณยาย (คุณหญิงมาลาทิพย์ โอสถานุเคราะห์) นับเป็นเพียงพสกนิกรอีกคนหนึ่ง ที่จงรักภักดีต่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ตอนเด็กคุณยายจะพาไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระนางเจ้่าสิริกิติ์ พระบราราชินีนาถฯ เป็นประจำ

 
“คุณป้าเล่าว่าเป็นนักเรียนจิตรลดาอยู่ระหว่างรุ่นเจ้านายหลายพระองค์ ส่วนคุณแม่ก็เป็นนักเรียนจิตรลดารุ่นน้อง ส่วนผมเป็นนักเรียนจิตรลดารุ่น 36 พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรี ท่านอยู่จิตรลาดรุ่น 35 ส่วนผมเป็นข้าบาทพระองค์ท่าน เวลามีกีฬาท่านจะทรงเข้าร่วมในกิจกรรมของโรงเรียนทุกครั้ง ตรงนี้ที่ทำให้ประทับใจมากขึ้น” กฤตย์ กล่าว

 
ความประทับใจที่ได้รับในวัยเด็กถูกฝังแน่นในใจ เมื่อไปเรียนต่อที่เมืองนอก เวลาที่ได้เห็นพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขาจะรู้สึกภูมิใจและดีใจที่เกิดมาบนแผ่นดินที่มีพระมหากษัตริย์ที่คอยดูแลห่วงใยราษฏร ถ้ามีหนังสือเกี่ยวกับพระองค์ท่านเขาจะซื้อมาเก็บและอ่านด้วยความปลาบปลื้มใจ

“เวลาได้ยินฝรั่งต่างชาติชื่นชมในหลวง บอกว่าคนไทยโชคดีที่มีพระมหากษัตริย์พระองค์นี้…เพราะฝรั่งเขาเห็นว่าท่านทรงงานตลอดเวลา ไม่รู้จัดเหนื่อยไม่ยอมแพ้ ท่านทรงถือแผนที่ขนาดใหญ่ ถือกล้องถ่ายภาพ เครื่องมือสื่อสาร ตลอดเวลาที่ออกทรงงาน ยอมรับว่าผมตื้นตันและดีใจแทนคนไทยทุกคนจริงๆ”

 
ทายาทคุณหญิงมาลาทิพย์ยังบอกอีกว่า หากมีโอกาสที่จะทดแทนคุณแผ่นดินหรือพระองค์ท่านท๊อฟฟี่จะทำทุกอย่างเพื่อทดแทนคุณ“ผมไม่ได้เป็นสีอะไรทั้งนั้น แต่ผมภูมิใจที่ได้เป็นพสกนิกรของในหลวง หลายครั้งที่ผมหงุดหงิดกับบางคำพูดและการกระทำของบางคนที่คิดไม่ดีเกี่ยวกับพระองค์ท่าน ผมมองว่าพระองค์ท่านอยู่ในที่ของท่าน ท่านช่วยเหลือประชาชน แล้วเราจะดึงท่านมาทำไม ท่านทำงานหนักเพื่อช่วยประชาชนมากแล้ว ให้ท่านได้พักผ่อนให้ท่านได้สบายใจบ้างไม่ได้เหรอ ผมไม่รู้พวกนั้นเขาคิดอะไร เขาไม่เห็นพระราชกรณียกิจหลายๆอย่างที่ท่านคิดและถูกสร้างขึ้นเพื่อให้คนไทยหรือ”

 
ท๊อฟฟี่ยังบอกอีกว่า สิ่งหงุดหงิดที่เจอ ทางเดียวที่เขาทำได้คือโพสต์ข้อความ ภาพ หรือสารคดีพระราชกรณียกิจของในหลวงผ่านโซเซลเน็ตเวิร์คที่มีทั้งเฟสบุ๊ค, อินสตาร์แกรม โดยหวังเพียงให้คนที่ยังไม่รู้ รวมถึงเด็กรุ่นใหม่ได้รับรู้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของคนไทยท่านทรงงานหนักแค่ไหน

“สิ่งที่ผมทำหรือพูดไปอาจไม่แก้ปัญหาได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ดีใจที่ได้ทำ และผมจะยังทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ส่วนงานในบริษัทผมก็จะเดินตามรอยทางที่คุณทวดและคุณตาวางไว้ โดยเฉพาะการช่วยเหลือสังคม”

 
อนาคตของ "โอสถสภา"ภายใต้การดูแลของทายาทรุ่น 5 จะเป็นอย่างไรยังไม่มีใครรู้ แต่ภาพความอ่อนน้อมถ่อมตน การยึดมั่นในคำสอนของบรรพบุรุษบวกกับแนวคิดของหนุ่มร่างเล็กนัยน์ตาหยีที่ชื่อ ท๊อฟฟี่-กฤตย์ โอสถานุเคราะห์ สะท้อนออกมา ทำให้เราเชื่อมั่นว่าองค์กรแห่งนี้จะยังเติบโตเคียงข้างประเทศไทยต่อไปได้อีกนานเท่านาน
กำลังโหลดความคิดเห็น