By Lady Manager
Question มีวิธีรักษาสิวแบบไม่ต้องทานยาไหมคะ แล้วจะรักษาหายขาดหรือไม่
Answer โดย พญ.หมอนันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ แพทย์ผิวหนัง ผู้ก่อตั้ง Apex Profound Beauty
“วิธีรักษาสิวจะแตกต่างกันออกไปตามลักษณะสิว ถ้าเป็นแค่สิวอุดตันเม็ดเล็กๆ ใช้เพียงยาทารักษาสิวก็พอค่ะ แต้มยาไปเรื่อยๆ สักระยะหนึ่ง สิวก็จะยุบหายไปได้เอง แต่หากยังมีสิวมากๆ หลายๆ เม็ด และเริ่มอักเสบ การใช้ยาทาอย่างเดียวคงเอาไม่อยู่แล้ว แบบนี้หมอจะจ่ายยาให้ไปทานคู่กับการทายาด้วย ซึ่งยารับประทานนี้ จะไปออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย ยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน ลดการอุดตันและช่วยลดการอักเสบ ทำให้สิวหายเร็วขึ้น
กรณีสาวทำงานต้องเข้าออฟฟิศ หรือออกข้างนอกทำงานเจอะเจอผู้คน หรือทำงานที่ต้องใช้หน้าตาออกงาน เวลามีสิวอักเสบผุดขึ้นมาบนใบหน้า หมอจะพิจารณาใช้ยาฉีดร่วมด้วยได้ค่ะ โดยฉีดยาลงบนตำแหน่งที่มิสิวอักเสบ ตอนฉีดเจ็บมากแต่ช่วยให้สิวยุบเร็วขึ้น ปกติจะใช้วิธีนี้กับคนที่เป็นสิวอักเสบรุนแรงและสิวหัวช้าง
คุณคนถามคงเป็นสิวที่ต้องทานยาร่วมด้วยเป็นประจำ และไม่อยากทานยาแล้ว ก็มีอีกวิธีค่ะ
สมัยนี้มีวิวัฒนาการการรักษาสิวโดยไม่ต้องพึ่งการทานยา เป็นการฉายแสงเลเซอร์ชนิดอ่อนๆ (Low Level Laser) แสงสีแดง Smart light เข้ามาร่วมรักษาด้วย
เมื่อฉายแสงเลเซอร์ไปบนผิวหนัง แสงเลเซอร์จะทำหน้าที่คล้ายยาแก้อักเสบไปทำลายเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวและช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน ใช้รักษาสิวอักเสบที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาชนิดอื่น ทำให้สิวแห้งได้เร็วภายในเวลาเพียง 20 นาทีหลังจากการฉายแสงเลเซอร์
ในช่วงแรกๆ หมอแนะนำให้มาทำทุก 2 อาทิตย์ ประมาณ 5 ครั้ง หลังจากนั้นอาจจะมาทำ 3 เดือน/ครั้ง ขั้นตอนสุดท้าย พอกสิวที่ใบหน้า เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องผิวแห้ง
ถึงกระนั้น สิวก็มีโอกาสกลับมาขึ้นได้อีก เพราะต่อมไขมันของคนเรายังทำงานอยู่ และผันแปรของฮอร์โมนในร่างกายก็ยังมีอยู่
เนื่องจากสาเหตุของสิวมาจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอก
ปัจจัยภายในมาจากอวัยวะภายในร่างกายเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อมไขมัน ที่จะเกี่ยวกับการเกิดสิว หรือความผิดปกติของฮอร์โมน รอบเดือน และความเครียด
ส่วนปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อการเกิดสิว ก็เช่น การใช้เครื่องสำอาง การทาหรือกินยาในกลุ่มสตีรอยด์ หรือแสงแดด ฝุ่น ความร้อน เป็นต้น
ในเมื่อสิวเกิดขึ้นได้เสมอแม้อายุมากขึ้นเข้าวัยกลางคนแล้ว การดูแลรักษาต่อเนื่องจึงสำคัญยิ่ง
เหนืออื่นใด ทางที่ดีที่สุดคือ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่าควรเลือกแนวทางการรักษาสิวแบบไหน ปกติแพทย์จะพิจารณาร่วมกับความต้องการของคนไข้อยู่แล้วค่ะ”
# ท่านผู้อ่านสามารถฝากคำถามสารพันปัญหาคาใจหญิงเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ความงาม และแน่นอน เรื่องเซ็กซ์กับความสัมพันธ์ มาได้ที่ lady@astvmanager.com เราจะเชิญผู้เชี่ยวชาญมาเคลียร์ให้หายคลางแคลงใจเลยค่ะ *_*
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
Question มีวิธีรักษาสิวแบบไม่ต้องทานยาไหมคะ แล้วจะรักษาหายขาดหรือไม่
Answer โดย พญ.หมอนันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ แพทย์ผิวหนัง ผู้ก่อตั้ง Apex Profound Beauty
“วิธีรักษาสิวจะแตกต่างกันออกไปตามลักษณะสิว ถ้าเป็นแค่สิวอุดตันเม็ดเล็กๆ ใช้เพียงยาทารักษาสิวก็พอค่ะ แต้มยาไปเรื่อยๆ สักระยะหนึ่ง สิวก็จะยุบหายไปได้เอง แต่หากยังมีสิวมากๆ หลายๆ เม็ด และเริ่มอักเสบ การใช้ยาทาอย่างเดียวคงเอาไม่อยู่แล้ว แบบนี้หมอจะจ่ายยาให้ไปทานคู่กับการทายาด้วย ซึ่งยารับประทานนี้ จะไปออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรีย ยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน ลดการอุดตันและช่วยลดการอักเสบ ทำให้สิวหายเร็วขึ้น
กรณีสาวทำงานต้องเข้าออฟฟิศ หรือออกข้างนอกทำงานเจอะเจอผู้คน หรือทำงานที่ต้องใช้หน้าตาออกงาน เวลามีสิวอักเสบผุดขึ้นมาบนใบหน้า หมอจะพิจารณาใช้ยาฉีดร่วมด้วยได้ค่ะ โดยฉีดยาลงบนตำแหน่งที่มิสิวอักเสบ ตอนฉีดเจ็บมากแต่ช่วยให้สิวยุบเร็วขึ้น ปกติจะใช้วิธีนี้กับคนที่เป็นสิวอักเสบรุนแรงและสิวหัวช้าง
คุณคนถามคงเป็นสิวที่ต้องทานยาร่วมด้วยเป็นประจำ และไม่อยากทานยาแล้ว ก็มีอีกวิธีค่ะ
สมัยนี้มีวิวัฒนาการการรักษาสิวโดยไม่ต้องพึ่งการทานยา เป็นการฉายแสงเลเซอร์ชนิดอ่อนๆ (Low Level Laser) แสงสีแดง Smart light เข้ามาร่วมรักษาด้วย
เมื่อฉายแสงเลเซอร์ไปบนผิวหนัง แสงเลเซอร์จะทำหน้าที่คล้ายยาแก้อักเสบไปทำลายเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวและช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน ใช้รักษาสิวอักเสบที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาชนิดอื่น ทำให้สิวแห้งได้เร็วภายในเวลาเพียง 20 นาทีหลังจากการฉายแสงเลเซอร์
ในช่วงแรกๆ หมอแนะนำให้มาทำทุก 2 อาทิตย์ ประมาณ 5 ครั้ง หลังจากนั้นอาจจะมาทำ 3 เดือน/ครั้ง ขั้นตอนสุดท้าย พอกสิวที่ใบหน้า เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องผิวแห้ง
ถึงกระนั้น สิวก็มีโอกาสกลับมาขึ้นได้อีก เพราะต่อมไขมันของคนเรายังทำงานอยู่ และผันแปรของฮอร์โมนในร่างกายก็ยังมีอยู่
เนื่องจากสาเหตุของสิวมาจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอก
ปัจจัยภายในมาจากอวัยวะภายในร่างกายเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อมไขมัน ที่จะเกี่ยวกับการเกิดสิว หรือความผิดปกติของฮอร์โมน รอบเดือน และความเครียด
ส่วนปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อการเกิดสิว ก็เช่น การใช้เครื่องสำอาง การทาหรือกินยาในกลุ่มสตีรอยด์ หรือแสงแดด ฝุ่น ความร้อน เป็นต้น
ในเมื่อสิวเกิดขึ้นได้เสมอแม้อายุมากขึ้นเข้าวัยกลางคนแล้ว การดูแลรักษาต่อเนื่องจึงสำคัญยิ่ง
เหนืออื่นใด ทางที่ดีที่สุดคือ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่าควรเลือกแนวทางการรักษาสิวแบบไหน ปกติแพทย์จะพิจารณาร่วมกับความต้องการของคนไข้อยู่แล้วค่ะ”
# ท่านผู้อ่านสามารถฝากคำถามสารพันปัญหาคาใจหญิงเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ความงาม และแน่นอน เรื่องเซ็กซ์กับความสัมพันธ์ มาได้ที่ lady@astvmanager.com เราจะเชิญผู้เชี่ยวชาญมาเคลียร์ให้หายคลางแคลงใจเลยค่ะ *_*
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net