>>ครั้งหนึ่งเราคุ้นชินกับ “ภัทรียา ณ นคร” ในฐานะโลโก้เคลื่อนที่ของหนึ่งในแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง กุชชี (Gucci) แม้ว่าเธอจะเกิดมาจากการทำแฟชั่นแต่ชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องทำแฟชั่นไปตลอด เพราะวันนี้เธอแปลงกายมาเป็นแม่มดสาวที่พร้อมจะเสริฟความสุขให้กับผู้ไปเยือนทุกคน แล้วเราก็พบแม่มดสาวแสนสวยคอยต้อนรับเราอยู่ในบรรยากาศที่ราวกับหลุดไปอีกโลกหนึ่ง และมากกว่านั้นครั้งนี้ยังเป็นโอกาสดีที่เราได้รับเกียรติจากคุณแม่ของพาย “เภาลีนา ณ นคร” ให้เราได้พูดคุยและเก็บภาพความสนิทสนมเล็กๆ ของคุณแม่กับคุณลูก
โดยตอนนี้งานหลักๆ สำหรับ “พาย-ภัทรียา ณ นคร” มีอยู่ 2 ส่วนคืองานเดิมที่เคยทำอยู่ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหนังสือและเป็นวิทยากรด้านบุคลิกภาพ และล่าสุดกับงานใหม่ที่ยังไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตคือการเป็นเจ้าของร้าน FIVE Bar & Restaurant ที่เธอดูแลทุกกระเบียดนิ้ว ซึ่งทุกอย่างเกิดมาจากสิ่งที่เธอชอบ แต่หากว่าทำแล้วไม่ใช่หรือไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร เพราะเธอบอกกับเราว่า “ชีวิตต้อง Move On ไปเรื่อยๆ ยังต้องค้นหาอยู่”
Say Goodbye Gucci
กว่า 30 ปี ที่ครอบครัวของเธอถือกรรมสิทธ์ในการเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายแบรนด์ “กุชชี่” (Gucci) ในประเทศไทย และเธอเองก็เติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กับแบรนด์นี้เสมือนหนึ่งมีโลโก้ตัว G ประทับอยู่ที่หน้า จนกลายเป็นความคุ้นชินและใครต่อใครพากันเรียกติดปากว่า “พาย กุชชี่” แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ถอดนามสกุล “กุชชี่” ออก สร้างความแปลกใจให้กับวงการแฟชั่นเมืองไทย แต่ทุกอย่างนั้นมีเหตุผลซึ่งเธอได้อธิบายให้ฟังอย่างเข้าใจง่าย
“ทุกอย่างมีการอิ่มตัว เราทำมา 30 ปีแล้ว พายรู้จักกับ “กุชชี่” มาตั้งแต่ 9 ขวบ เหมือนกับว่าเส้นเลือดเราเป็นเขียวแดงเขียวเลย ตั้งแต่ยังไม่มี “ทอม ฟอร์ด” จนมี “ทอม ฟอร์ด” จนขึ้นมาถึงที่สุดของแบรนด์ แล้วในที่สุด “ทอม ฟอร์ด” ไม่อยู่ และแบรนด์ก็กำลังจะเข้าสู่วงจรเดิมอีกแล้ว ซึ่งเราเข้าใจว่าวงการแฟชั่นมีขึ้นมีลง เราขึ้นลงกับแบรนด์มาประมาณ 2 รอบแล้ว จนรอบ 3 ไม่เอาดีกว่า เราเห็นมาหมดแล้ว
ที่จริงก่อนหน้านี้คิดมา 5 ปีแล้วว่าจะค่อยๆ ลงและเฟดออก ตั้งแต่ไม่มี “ทอม ฟอร์ด” พอจังหวะเวลาเหมาะเจาะ สัญญาทุกอย่างสิ้นสุดลง เราก็คืนแฟรนไชน์ให้เขา ส่วนใครมาทำต่อเราก็แฮปปี้หมด มีคนถามเยอะว่าตัดสินใจยากไหม? เพราะน่าจะเป็นสิ่งที่ผูกพัน แต่เอาเข้าจริงแล้วไม่ได้ยากขนาดนั้น อยู่กันมานานถึงจุดหนึ่งก็พอ
ทุกวันนี้ก็ยังรักกุชชี่อยู่นะ แค่เปลี่ยนสถานะจากคนขายมาเป็นคนซื้อ และตอนนี้ที่สนุกมากขึ้นก็คือเราใช้ยี่ห้ออื่นได้ด้วย คงไม่ทำแบรนด์อื่นแล้ว พอแล้วหล่ะคะ เราอยู่ในวงการแฟชั่นมาตั้งแต่เด็ก แล้วเราก็อยู่ในแบรนด์แฟชั่นที่ดีที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก ฉะนั้นเราก็น่าจะลองทำอย่างอื่นบ้าง”
FIVE จุดนัดพบของแม่มด
จังหวะชีวิตที่เปลี่ยนไปเปิดโอกาสให้เธอได้ลองทำ “อย่างอื่น” บ้าง ซึ่งอย่างอื่นที่ว่าก็คือการเป็นแม่มดสาวแสนสวยที่จะคอยต้อนรับและปรุงเครื่องดื่มรสเลิศให้กับผู้ที่มาเยือนร้าน “FIVE” ทุกคน ร้าน “FIVE” Bar & Restaurant ตั้งอยู่ที่โครงการ K Village เป็นร้านที่แสดงออกถึงทุกอย่างที่เป็นตัวตนของเธอ รวมถึงเป็นจุดนัดพบศูนย์กลางของเพื่อนในกลุ่มของเธอด้วย โดยความหมายของชื่อ “FIVE” มาจาก “Fifth Element” อันประกอบด้วย “Water Fire Wind Earth Spirit” ซึ่งอีกความหมายหนึ่งของเลข 5 นั้นยังเป็นเลขของแม่มด และเลข 5 ยังเป็นเลขที่อยู่ตรงกลางระหว่างจำนวนนับ 1-10 อันเป็นเลขโปรดของเธอด้วย
“ร้านนี้รวมทุกอย่างที่เป็นตัวพาย บ้านเราทำอิตาเลเซีย อิมพอร์ตไวน์ ชีส พาม่าแฮม และสินค้าหลายอย่างจากประเทศอิตาลี เมื่อมารวมกับสิ่งที่พายสนใจคือเราเป็นคนที่ชอบทานและชอบทำอาหาร เมื่อหลายๆ อย่างรวมกันกลายมาเป็น “FIVE” Bar & Restaurant สิ่งที่ใกล้ตัวและน่าจะทำได้ดี ที่เรียกว่า Bar & Restaurant กว่าที่จะเป็น Restaurant & Bar เพราะว่าเราเน้นเครื่องดื่มแล้วก็มีอาหารที่เข้ากับคอนเซ็ปต์ร้าน เรียกได้ว่าถ้าเข้ามาที่ไฟว์สามารถดื่มและทานได้อย่างอิ่มท้อง (ยิ้ม)
ชีวิตตอนนี้ส่วนใหญ่โฟกัสมาที่นี่ เพราะเป็นงานที่ต้องดูแล รายละเอียดเยอะมาก ต้องแก้ปัญหา เราไม่เคยทำร้านอาหารมาก่อน ไปขอวิชาเพื่อนๆ ที่เขาทำมาบ้าง แต่ทุกคนบอกว่าผลสุดท้ายแล้วเราต้องเรียนรู้เอง ทุกอย่างเป็นอาร์ท ไม่ว่าจะเป็นส่วนผสม สถานที่ เครื่องดื่ม ต้องอยู่กับมัน เรียนรู้ผิดถูกไป เพื่อนๆ ก็จะสลับผลัดเปลี่ยนกันมาทักทาย คอมเมนต์ และให้กำลังใจ ทำให้งานตรงนี้เป็นงานที่สนุกมาก”
แปลกติดอันดับโลก
เทรนด์ของการสร้างบาร์ในตอนนี้จะต้องมีคอนเซ็ปต์หรือธีมที่ไม่เหมือนใคร และไม่ก็อปปี้ใคร โดยสิ่งสำคัญที่สุดนั้นต้องมีความแปลกใหม่ ฉะนั้น เมื่อเธอคุยกับคุณแม่และหุ้นส่วนอันประกอบไปด้วย เต้-ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก และ โก้-ชานนท์ เรืองกฤติยา แล้วทุกคนลงความเห็นว่า “พาย” ทำทั้งทีธรรมดาไม่ได้!! จึงกลายเป็นธีมร้าน “แบล็กเมจิก” ที่แค่เดินเข้าไปคุณจะรู้สึกราวกับหลุดไปอีกโลกหนึ่งเลย!
“คุยกับคนออกแบบ มร.แอชลี่ย์ ซึ่งเป็นเจ้าของบาร์มากมาย คุยว่าอยากให้ดึงคาแรกเตอร์ของเราออกมา ส่วนใหญ่เวลาคนนึกถึงพายก็จะเป็นสีดำ เขาจึงอยากให้มีความลึกลับ น่าค้นหา แฝงความโรแมนติกและเซ็กซี่ในรูปแบบที่ดูดิบหน่อย สไตล์การตกแต่งจึงออกมาเป็นแนว นีโอ อินดัสเตียล มีส่วนผสมทั้งความใหม่ ความเก่า ความดิบ และหรูหรา เช่น โต๊ะทำมาจากท่อน้ำทิ้งของสุวรรณภูมิ ที่ไปซื้อต่อมาหลังจากที่เขาใช้เสร็จแล้ว เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นอิมพอร์ตมาจากนิวยอร์ก บางชิ้นเป็นของเก่ารีไซเคิล บางชิ้นก็สร้างขึ้นมาเอง
คอนเซ็ปต์ของร้านคือ “แบล็กเมจิก” คลุมด้วยธีมของมนต์ดำ เราจะมีลูกเล่นนิดหน่อยในการตกแต่งร้าน เช่น ที่บาร์จะมีแผ่นเหล็กซึ่งจารึกคำสาปของแม่มดไว้ แต่จะเป็นคำสาปที่น่ารักๆ ให้รู้สึกว่าเป็นแม่มดที่ขี้เล่น ที่คอยปรุงเครื่องดื่มอร่อยๆ ให้คนดื่ม พนักงานก็แต่งตัวเหมือนบาทหลวงในเรื่องแมตทริกซ์ เข้ามาแล้วก็เหมือนหลุดมาอีกโลกหนึ่ง
ไฮไลต์ของร้านจะเป็นเครื่องดื่มที่เราได้มิกซ์โซโลจิสอันดับต้นๆ ของโลกอย่าง “มร.โจเซฟ โบรอสกี้” ที่ทำให้ W Hotel ทั่วโลก มาช่วยคิดซิกส์เนเจอร์ดริ้งก์ให้ 12 ชนิด โดยส่วนผสมทุกชนิดเราใช้สินค้าที่เป็นระดับพรีเมี่ยมหมดเลย ทำให้ค็อกเทลของเราถึงรสถึงชาติและค่อนข้างแรงนิดนึง
ส่วนอาหารจะเข้ากับคอนเซ็ปต์ของร้านเหมือนกัน อย่าง อาหารจานที่ขายดีที่สุดคือ “ไฟว์ฟองดู” ที่ทำจากชีส 3 ชนิดมาปั่น แล้วก่อนที่จะนำเข้าเตาอบก็จะตอกไข่นกกระทาลงไป เมื่ออกมาจากเตาก็รับประทานพร้อมกับขนมปังดำที่เราทำเอง (อร่อยจริงๆ ผู้เขียนการรันตี)”
และอีกหนึ่งความภูมิใจเล็กๆ ของเจ้าของร้านก็คือ “FIVE” ได้รับการโหวตให้เป็น 1 ใน 5 ร้านอาหารที่แปลกที่สุดในโลกของประเทศไทย จากการคัดเลือกของรายการ “The World's Weirdest Restaurant” ซึ่งเจ้าของรายการบินมาคัดเลือกร้านเองเลยทีเดียว!
แชร์สิ่งที่รู้สู่สังคม
อีกงานหนึ่งที่เธอยังคงไม่ทิ้งไปไหนก็คืองานเขียนหนังสือ ซึ่งหากใครเป็นแฟนคลับของพาย-ภัทรียา คงจะรู้กันว่าเธอเคยออกพ็อกเก็ตบุ๊คมาแล้ว 2 เล่มประกอบด้วย Looking Good ที่กล่าวถึงเรื่องบุคลิกภาพและการเข้าสังคม Feeling Good เป็นเรื่องความสวย ความงาม เคล็ดลับที่จะทำให้คุณสวย และเล่ม 3 ที่เพิ่งออกไปก็คือ Good manners ที่เน้นเรื่องมารยาทเต็มรูปแบบ
“เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามาอยู่ในชีวิตเรามากจนเราหลงลืมมารยาทการสื่อสารโดยตรงกับผู้คนที่เราต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น คนส่วนใหญ่จะติดการเล่นมือถือตลอดเวลาจนบางครั้งมากไปก็ดูไม่งาม หนังสือเล่มนี้จะอัพเดทและเตือนเรื่องใกล้ตัวที่เรามองข้าม เช่น มารยาทบนโต๊ะอาหาร มารยาทในการเดท เล่มนี้ค่อยๆ เขียนเก็บมาเรื่อยๆ ประมาณ 3 ปี แต่ละเรื่องเป็นเรื่องที่อ่านง่าย ไม่เป็นวิชาการเลย มีจริตจะก้านของความเป็นผู้หญิง บางทีรู้ไว้ใช่ว่าฯ วันหนึ่งเราจะได้สามารถทำตัวได้ถูก เล่มนี้ทำเอง100% แต่ไม่มองว่าเราเป็นนักเขียนนะ เราแค่อยากเล่าสิ่งที่เรารู้ อยากแชร์เรื่องราวต่างๆ มากกว่า”
บางครั้งในสังคมที่ไม่แคร์ ต่างคนต่างอยู่กับมือถือของตัวเองทำให้เกิดความโดดเดี่ยวมากขึ้น เธอจึงต้องเขียนเพื่ออธิบายกาละและเทศะให้คนเข้าใจ เล่นได้แต่ต้องรู้จักเวลา แม้แต่ตัวเธอเองก็ยอมรับว่าเป็นคนหนึ่งที่ติดเทคโนโลยีและ Social Network เหมือนกัน ก็แหมเขาเล่นกันมันก็ห้ามใจยากนี่นา!
“โดยส่วนตัวก็เป็นคนติดเทคโนโลยี ติด Social Network นะ แต่เราต้องรู้กาละเทศะ อย่างนั่งอยู่บนโต๊ะประชุม หรือในโรงหนังก็ไม่ควรที่จะเล่นโทรศัพท์มือถือนะ เป็นการให้เกียรติกับคนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ตัวเรา แต่บางทีอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่เขาเล่นกัน เราก็เล่นบ้าง เมื่อก่อนเล่นหลายอย่างแต่หลังๆ เล่นแค่ Instagram กับ Facebook ที่เรารู้สึกว่าเพื่อนเล่นกันเยอะและเราสามารถติดต่อกับคนอื่นๆ ได้ อัพเดทได้ว่าเพื่อนๆ ทำอะไรกันอยู่
พยายามไม่เข้าไปทุกส่วนเพราะเราต้องทำอะไรหลายๆ อย่าง จนบางทีรู้สึกว่า Social Network เอาเวลาเราไปหมด เราควรจะเอาเวลาไปใส่ใจกับอย่างอื่น เราควรจะมีโมเม้นท์ที่อยู่ตรงนั้นเต็มที่ ไม่ใช่อยู่ตรงนี้ไปคิดถึงตรงโน้น เราก็จะไม่ได้เอนจอยกับสิ่งรอบตัวเต็มที่”
วิกฤตจิตกระเจิง
ในสังคมที่ทุกอย่างแข่งขัน รวดเร็ว ไม่หยุดนิ่ง หากเราไม่รู้จักเบรกตัวเองบางครั้งอาจทำให้จิตใจกระเจิดกระเจิงจนจับตัวตนไม่ถูก ซึ่งจากความรวดเร็วนี้ทำให้พายเองรู้สึกสับสนกับหลายๆ เรื่องเช่นกัน
“ตอนนั้นรู้สึกว่าฟุ้งซ่าน จิตมันกระจาย ทำอะไรก็หงุดหงิดง่าย อะไรเข้ามากระทบนิดหนึ่งก็เป็นอารมณ์หมดเลย รู้สึกว่าไม่มีความสุขในชีวิตประจำวัน สมัยก่อนเราเคยมีสมาธิและมุ่งมั่น แต่เดี๋ยวนี้ทำอะไรอยู่แล้วก็เลิกกลางคัน ความสนใจเริ่มน้อยลง อารมณ์เสียง่าย สมาธิสั้นทั้งที่เมื่อก่อนไม่เป็น ต้องมีบางอย่างผิดปกติแล้วหล่ะ ประกอบกับช่วงนั้นปวดหัวมาก ไมเกรนขึ้นด้วย ก็เลยเซริชอินเตอร์เนตไปเจอกับบทความที่กล่าวถึง “โคเอ็นก้า” เป็นนักธุรกิจชาวอินเดียที่ประสบความสำเร็จมากอยู่ในประเทศพม่า วันหนึ่งเขาปวดไมเกรน แล้วก็ไปปฏิบัติธรรม ปรากฎว่าหายปวดหัว เขาบอกว่ามันเป็นการปล่อยจิตใจ เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเริ่มค้นหาข้อมูลไปเรื่อยๆ
พอดีไปคุยกับเพื่อนในกลุ่มว่าเราปวดหัว แล้วไปอ่านเจอบทความท่านโคเอ็นก้าที่บอกว่าการนั่งสมาธิช่วยได้ แล้วเพื่อนบอกว่ากำลังจะไปนั่งสมาธิที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมท่านโคเอ็นก้าพอดี ก็เลยไปด้วย เพื่อนที่ไปส่วนใหญ่เป็นคนพุทธก็พอจะมีพื้นฐานการวางจิตให้นิ่งอยู่แล้ว แต่เราเป็นคาทอลิก ไม่เคยเข้าใจ ไม่เคยสวดมนต์ ไม่เคยนั่งสมาธิ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ต้องไปเรียนรู้ตั้งแต่เริ่มต้น แต่เรากลับรู้สึกว่าดีเพราะเป็นการเริ่มต้นใหม่จริงๆ เป็นหลักสูตร 10 วัน ที่ต้องเข้าไปฝึกที่ศูนย์ที่จังหวัดลำพูน เข้าไปแล้วไม่ให้พูดกับใครเลย ไม่มีศาสนา ไม่มีบทสวดมนต์ แค่ฝึกปฏิบัติ เป็นสิ่งที่ไม่ยากเลย พอไปฝึกแล้วเราอารมณ์เย็นขึ้น อะไรมากระทบเราก็ไม่เอามาเป็นอารมณ์ ไป ครั้งเดียวเห็นผลเลยนะ”
พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ปัจจุบัน
หลังๆ เราจะสังเกตได้ว่าตามงานสังคมไม่ค่อยจะมีภาพของภัทรียาสักเท่าไหร่ ทั้งที่เมื่อก่อนชื่อของเธอจะอยู่ในลิสต์ของแขกที่มาร่วมงานเสมอ นั่นเพราะจุดเปลี่ยนเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้วันนี้เธอมีความสุขกับชีวิตที่ไม่ฉาบฉวยเหมือนเดิม
“พายว่ามันอิ่มตัวหลายๆ อย่าง ตอนเป็นเด็กเวลาไปออกงานเราสนุก แต่ตอนนี้เราโตขึ้น นิ่งขึ้น รู้สึกว่าอยู่เฉยๆ ก็ได้ ได้มาดูแลร้าน ไปเจอเพื่อนตามร้านอาหารก็พอแล้ว อาจเป็นเพราะที่เราไปนั่งสมาธิมาด้วย ที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเราเลย เรามีสมาธิมากขึ้น พอใจกับทุกขณะมากขึ้น มีความสุขได้ด้วยตัวเอง เอนจอยกับความสงบในระดับหนึ่ง
ผิดกับตอนที่ไม่ทำสมาธิ เวลาเราคุยกับใครนิดหนึ่งก็มีอารมณ์ เห็นอะไรขัดหูขัดตาไปหมด เคยตัวจากการโดนเอาใจ วันที่กลับมาจากนั่งสมาธิ แวะไปซูเปอร์ซื้อพวงมาลัย ไปกราบพ่อแม่ โห...เขาน้ำตาไหล เราเข้าใจแล้วว่าที่จริงเขาดูแลเราตลอด แต่อะไรนิดอะไรหน่อยเราไม่ทน พูดไม่ดีกับเขา ตอนนี้เวลาปรี๊ดจะนึกถึงโมเม้นท์ที่นั่งสมาธิแล้วนึกถึงพ่อแม่ ทำให้เรามีสติมากขึ้น เหมือนเมื่อก่อนเข็มชีวิตเรามันส่ายมาก แต่พอไปนั่งสมาธิก็กลับมาตรงขึ้น แกว่งน้อยลง พอเจออะไรก็ส่ายเบาๆ แม้ว่ากลับมาแล้วเราจะเจอสิ่งเร้ามากมายแต่ก็ดีขึ้น
ชีวิตพายเปลี่ยน เข้าใจคอนเซ็ปต์การใช้ชีวิตมากขึ้น เอามาใช้ในชีวิตประจำวันด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงาน เรื่องการขับรถ ที่จริงหลังจากกลับมาเขาให้นั่งสมาธิทุกวันตอนเช้า แต่พายไม่ค่อยได้ทำ อันนี้เป็นลูกศิษย์ที่ไม่ดีเลย (หัวเราะ) เอาเป็นว่าพายทำเท่าที่ทำได้ ทำเท่าที่เรารู้สึกไม่ฝืน อะไรที่เป็นธรรมชาติของเราน่าจะอยู่ได้ดีกว่า นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ไม่ออกงาน อาจจะไปบ้างเท่าที่อยากไป เดี๋ยวนี้เอาใจตัวเองมากขึ้น ไม่ฝืน เน้นอยู่ให้สบาย ทำเท่าที่เราอยากทำ ถ้าเราไปฝืนทำ ผลสุดท้ายก็ทำได้ไม่นาน คิดว่าจะไปปีละครั้ง”
“ปั่น” ทำความรู้จักกับเมืองของเรา
กระแสรักษ์โลกบวกกับกระแสออกกำลังกายกำลังมาแรง ซึ่งกีฬาที่สามารถตอบโจทย์กระแสนั้นก็คือ “การขี่จักรยาน” กิจกรรมง่ายๆ แต่สามารถทำให้คนที่เบื่อการออกกำลังกายมาสนใจและเข้าขั้น “ติด” การขี่จักรยาน เพราะการขี่จักรยานนอกจากจะเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งแล้วยังทำให้เราได้ใกล้ชิดกับสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวของเรามากขึ้นด้วย
“เมื่อก่อนเราเบื่อการออกกำลังกายมากเล่นอยู่แต่ในฟิตเนส พอมีกระแสที่ดีมาก็น่าจะลองดู ซึ่งเราทุกคนขี่จักรยานเป็นตั้งแต่เด็กๆ อยู่แล้ว จึงลองเล่นบ้าง ซึ่งตอนนี้ติดมาก ชอบเอาจักรยานไปปั่นที่สวนรถไฟ ออกไปตั้งแต่ตี 5 ปั่นไปสักชั่วโมงก็กลับ ซึ่งเวลาชั่วโมงนึงผ่านไปเร็วมาก เราไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะมีธรรมชาติ อากาศสดชื่น มีกระรอกให้เราดู ทำให้เรารู้จักเมืองที่เราอยู่มากขึ้น เคยขี่ไปเลือกตั้ง ไปขี่รอบเกาะรัตนโกสินทร์กับกลุ่มเพื่อน
แนะนำว่าควรฝึกในสวนสาธารณะให้ดีก่อนแล้วค่อยออกถนน แล้วควรไปกันเป็นกลุ่ม ตอนแรกคิดว่าไม่มีอะไรหรอกก็เลยปั่นออกถนนไปคนเดียว แต่จริงๆ แล้ว น่ากลัวมาก ทัศนะคติของคนที่ขับรถยนต์เขาไม่สนใจรถจักรยาน เหมือนจะรำคาญด้วยซ้ำ ถ้าเราอยากออกกำลังกายก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิต ตราบใดที่กรุงเทพไม่มีถนนให้ขี่จักรยานจริงๆ ฉะนั้นขี่ในสวนสาธารณะเถอะ ถ้าเราอยากสัมผัสกับบรรยากาศที่ดีของกรุงเทพฯ ก็ต้องพาตัวเองออกไปหามันด้วย”
แขกเซอร์ไพรส์แวมพาย-ภัทรียา
ระหว่างที่เรานั่งคุยเรื่องราวชีวิตของคุณพายมาสักระยะ จู่ๆ ก็มีแขกเซอร์ไพรส์ปรากฏตัว คนที่รู้จักคุณพายดีกว่าใครทั้งหมด คุณแม่ของเธอนั่นเอง “เภาลีนา ณ นคร” จึงเป็นเกียรติกับ Celeb Online อย่างมากที่ได้ซึมซับบรรยากาศการทักทายกุ๊กกิ๊กระหว่างสองแม่ลูกและได้ร่วมพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ซึ่งต้องบอกว่าคุณเภาเป็นคุณแม่ที่น่ารัก อารมณ์ดี ที่สำคัญแรงส์กว่าลูกสาวซะอีก!
“เป็นไงบ้าง พายพูดแล้วพูดไม่หยุดฉุดไม่อยู่ใช่ไหม” คุณแม่แซว
“ลูกสาวคนนี้เป็นอย่างไรบ้างค่ะคุณแม่?” เรายิงคำถามเพื่อต่อการสนทนา
“เขาเป็นคนน่ารัก จิตใจดีมาก คนนี้คุณยายเลี้ยงเหมือนเป็นลูกคุณยาย คือตอนที่พายเกิดมามีหมอดูทักว่าแม่ต้องเอาพายไปยกให้คุณยาย แล้วคุณยายจะมีบารมีเลี้ยงพายได้ จากนั้นพายก็ติดคุณยาย ชอบอะไรเหมือนคุณยาย อย่างเรื่องการดูแลตัวเองทาครีม ประทินผิวเนี่ยได้มาจากคุณยาย คุณยายอายุ 92 แล้วยังผิวสวยอยู่เลย อาบน้ำเสร็จจะต้องเอาเบบี้ออยชะโลม ซึ่งแม่ไม่บิวตี้เลย”
ตอนทำร้าน FIVE คุณแม่มีคำแนะนำอย่างไรบ้างคะ?
“ตอนที่เขาบอกจะทำแม่ก็รอเป็นที่ปรึกษา แต่ก็ไม่อยากให้ลงทุนเยอะเพราะไม่รู้จะเป็นอย่างไร โชคดีที่พายเขาเพื่อนเยอะ มีกลุ่มแก๊งของเขาที่ช่วยกัน”
โดยคุณพายช่วยกล่าวเสริมว่า “ทุกอย่างที่ทำออกมาคุณแม่จะช่วยคอมเมนต์ คุณแม่เป็นคนที่มีประสบการณ์เยอะ เวลาไปต่างประเทศเขาเห็นบาร์ เห็นร้านอาหารมาเยอะ แต่ตอนที่ทำร้าน คนที่ออกแบบเขาบอกว่าออกแบบจากคาแรกเตอร์ของพายเลย เพราะเพื่อนจะชอบเรียกพายว่า “แวมไพร์” เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไร เราจะชอบอยู่มืดๆ ชอบแต่งตัวสีดำ แล้วผิวขาวมาก จะเห็นได้ชัดในเวลากลางคืน (หัวเราะ)”
“ที่จริงน่าจะเรียกว่า “นีออน” นะ ขาวเรืองแสงได้ แม่ว่าคนออกแบบเขาคงมองว่าพายเป็นแม่มดสาวแสนสวย ส่วนแม่ชอบมาดื่มนิดหน่อย แล้วก็คอมเมนต์โน่นนี่ แม่นี่แหละเป็นแม่มดตัวจริงเพราะว่าแม่เป็นแม่ของแม่มด (พาย)” คุณเภาแซวลูกสาวอย่างครึกครื้น
“พายชอบใส่เสื้อผ้าสีดำ เพราะเด็กๆ อ้วน แล้วใส่สีดำแล้วมั่นใจ ขนาดช่วงที่ผอม ก็ยังติดใส่สีดำอยู่ จนกลายเป็นคาแรกเตอร์ของเราแล้ว ไม่เคยใส่สีสดเลย เราไม่แต่งตัวโป๊มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ขอเป็นแนวคลาสซี่ รัดกุม คล่องแคล่ว ทะมัดทะแมงดีกว่า”
“ผิดกับแม่นะ แม่ชอบใส่เสื้อผ้าสีสดใส แต่พายเขาหน้าสวย ใส่อะไรหน้าเขาก็ดูเด่น” คุณแม่ชมลูกสาวพร้อมกับหัวเราะแบบเขินๆ
ตอนที่คุณพายไปปฏิบัติธรรม แล้วกลับมากราบคุณแม่คุณแม่รู้สึกอย่างไรบ้าง?
“ตอนนั้นแม่กลัวเขาลำบาก เพราะเขาไม่เคยนั่งสมาธิเลย ถามว่าลูกจะไปทำไม? เขาบอกว่าเป็นไมเกรน แล้วการฝึกสมาธิจะช่วยบรรเทาอาการได้ ก็เลยให้เขาไป เราใกล้ชิดกัน เราก็เป็นห่วงนะ เขาเป็นคนน่ารัก แต่บางคนอาจจะกลัวเพราะพายมีฟอร์ม”
แม้จะเป็นบทสนทนาสั้นๆ แต่ก็รู้สึกถึงความใกล้ชิดของแม่และลูกคู่นี้ ที่สำคัญเรายังได้ทำความรู้จักมากขึ้นกับแวมไพร์สาวที่พร้อมจะเสกความสุขให้ทุกคนที่ไปเยือนร้าน FIVE ของเธอ... :: Text by FLASH
Credit
นางแบบ :: ภัทรียา ณ นคร
สถานที่ :: ร้าน FIVE โครงการ K Village Sukhumvit26 โทร : 0885245550 เว็บไซต์ : www.fivebkk.com
ประสานงาน :: สิริลักษณ์ เขตร์กุฎี
ช่างภาพ :: กมลภัทร พงศ์สุวรรณ
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net และ ติดตาม CelebStagram ได้ที่ http://www.manager.co.th/celebonline/celebstagram/