By Lady Manager
“ศาสตร์ชะลอวัย คนจะนึกถึงว่าต้องแก่แล้ว แต่จริงๆ การชะลอวัยเป็นกระบวนการที่ดำเนินมาเป็น 10 ปี ถ้าเราเริ่มดูแลตั้งแต่ยังไม่มีปัญหาหรือมีปัญหาน้อย ทุกอย่างที่เราใช้ก็จะน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นปริมาณ และความพยายาม ทุกอย่างจะน้อยลงหมด”
ผศ.พญ.ดร.บริสุทธิ์ แสนมโน หาญพานิช หมอผู้เชี่ยวชาญด้าน Anti-Aging และ Medical Director ของ เพรียว แอนด์ ไบร์ท คลินิค (Pure And Bright Clinic) กล่าวเปิดประเด็น พร้อมขอเน้นเรื่องปัญหาผิวพรรณ สุดยอดข้อวิตกกังวลของสาวทุกวัย
“ในด้าน Biological Age ร่างกายโตเต็มที่ประมาณ 25-35 ปี พอ 35 ปีขึ้นไปเริ่มร่วง แต่ช่วง 35 ปีนั้นยังไม่รู้ตัวกันหรอก มารู้ตัวก็ตอน 40 ปีโดยส่วนใหญ่ อย่างเช่น เมื่อก่อนไปเที่ยวกลางคืน ตื่นขึ้นมาเมาค้างก็ยังทำงานได้ ไม่แฮงค์มาก อาการล้าอ่อนเพลียยังไม่เยอะ
แต่พอ 30 ปีปลายๆ เลย 40 ปีขึ้นไป เริ่มไม่ไหวแล้ว หลายคนต้องนอนต่ออีก นี่คือ สภาพร่างกายเปลี่ยนไปตามอายุ ซึ่งถ้าเรารู้กระบวนการตรงนี้ เราก็สามารถดูแลและทำให้ย้อนกลับไปได้”
วัย 20 สาวสะพรั่ง สำคัญที่ป้องกัน
คุณหมอบริสุทธิ์ พูดถึงปัญหาของผิวของสาวแต่ละวัย โดยเริ่มจากวัยสาวสะพรั่งที่เพิ่งเรียนจบเริ่มทำงานก่อนว่า
“ช่วงวัย 20 ปี ผิวยังดีอยู่ และมีการเยียวยาตัวเองที่ดี ถ้าเราเดินออกไปเจอมลภาวะหรือเจอแดด สีผิวจะคล้ำเข้มขึ้น ก็แป๊บเดียว และฟื้นกลับมาเหมือนเดิมทันที เอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจนก็สามารถที่จะย้อนกลับมาฟื้นฟูตัวเองได้ค่อนข้างเร็ว
เพราะฉะนั้นช่วงนี้ไม่ต้องดูแลอะไรมาก แค่ป้องกันอย่าให้ปัญหาออกมาเด่นชัด เช่น ต้องทากันแดดทุกวัน และนอนให้พอเพียง หลีกเลี่ยงการสังสรรค์ยามค่ำคืนเพื่อรักษาสภาพที่ดีนี้ให้นานที่สุด คือ จำเป็นก็ไปได้ เพียงแต่ว่าอย่าทำให้เป็นประจำ เพราะมันจะไปเกี่ยวกับฮอร์โมนเรื่องการหลับ”
วัย 30 ไม่แจ๋ว หนังหน้าเริ่มไม่ใส
ครั้นอายุขึ้นเลข 3 หนังหน้าเริ่มไม่แจ๋วแล้วอ่ะ คุณหมอบริสุทธิ์ บอกให้สังเกต
“แต่งหน้าเริ่มไม่ติด มีผิวแห้ง เริ่มมีกระ ไม่ว่าจะเป็นกระสีหรือกระเนื้อ ผิวหมอง ไม่ใสแล้ว คือ ผิวเริ่มไม่เหมือนเดิม และเวลาที่ไปว่ายน้ำออกกลางแจ้ง กว่าสีผิวจะกลับมาเหมือนเดิม มันจะไม่เร็วเท่าตอนช่วงอายุ 20 ปี ซึ่งถือว่าเป็นกระบวนการปกติของร่างกาย
ในวัยนี้มีการดูแลปกติเหมือนวัย 20 แต่จะมีเพิ่มเติม อย่างเช่น ถ้าผิวแห้ง ต้องเพิ่มครีมเซรั่มบำรุงผิวเพื่อให้ความชุ่มชื่น กักเก็บน้ำไว้ในผิว ถ้าผิวเริ่มมีสี อาจต้องเริ่มให้ยาลดสี ที่สกินแคร์ธรรมดาเอาไม่อยู่ ทำทรีตเมนต์ต่างๆ ช่วย”
วัย 40 เริ่มเข้าออกศูนย์ความงามซะแล้ว
อะฮ้า ถึงหลักสี่ ริ้วรอยตีนกาเริ่มมาเยือน คุณหมอบริสุทธิ์กล่าวว่าวัยนี้ต้องพึ่งคลินิกศูนย์ความงามแล้วค่ะ
“ปัญหาจะเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่ผิวไม่เนียน แต่ริ้วรอยตื้นๆ เริ่มลึก มีเส้นเห็นชัดขึ้น และด้าน Biological Age อาจมีปัญหาสุขภาพ อย่างเช่น เคยไปตากแดดผิวสีแทนกลับมา ใช้เวลา 1 เดือนฟื้นกลับมาเป็นสีเดิม แต่พอวัย 40 โดนแดดแล้ว ผ่านไปหนึ่งเดือน สีผิวยังไม่กลับมาเหมือนเดิม แถมยังเป็นฝ้าต่อ
คนอายุ 40 อาจใช้วิธีซ่อมแซมที่มากกว่า เพราะทรีตเมนต์หรือยาไม่พอ ต้องใช้เลเซอร์ หรือเครื่องมือที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจงสูงขึ้นมา เช่น กระที่ลึกมาก สีเข้มที่ลึกมาก ต้องใช้เลเซอร์ยิง เพื่อไม่ให้เกิดใหม่ ริ้วรอยตีนกาก็ฉีดโบท็อกซ์ กรณีร่องลึกก็ฉีดฟิลเลอร์”
วัย 50 ถึงวาระดึงหน้ากระชับเหนียงแล้วจ้า
“อายุ 20 ปีมา 30 ปีใช้สกินแคร์ และอายุ 30 ปีมา 40 ปีเริ่มทำทรีตเมนต์ แล้วพอขึ้น 40 ปีก็เยอะหน่อย อาจต้องทำเลเซอร์, โบท็อกซ์, ฟิลเลอร์ คือ ความซับซ้อนของการดูแลจะเพิ่มขึ้นตามปัญหา” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเลยหลักสี่เข้าห้าแยก คุณหมอบริสุทธิ์ฟันธงว่า หญิงทุกคนจะมีปัญหาเรื่องการหย่อนคล้อย
“ต้องต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลก ดึงผิวลงทุกวัน เพราะฉะนั้นการต้านกับมันคือ ต้องใช้เครื่องมือยกขึ้น เมื่อก่อนใช้ศัลยกรรมดึงหน้า แต่ตอนนี้มีเครื่องมือใหม่ๆ เช่น ไปร้อยไหม, ทำเทอร์มาจ (Thermage), อัลเทอร่า (Ulthera) ฯลฯ”
ชะลอวัยด้วยตัวเอง กินให้ครบ นอนให้พอ..ตั้งแต่วันนี้
จะเห็นว่า ปัญหาผิวพรรณจะมากขึ้นซับซ้อนขึ้นตามตัวเลขอายุที่เพิ่มขึ้น
“เพราะความสามารถการดูแลตัวเองในการเยียวยาของร่างกายไม่เท่าเดิม ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ง่ายๆ คือ ดูแลให้ไม่เจอปัจจัยการทำร้ายสภาวะผิว ได้แก่ ปัจจัยภายนอก-แดดที่มากระทบ กระตุ้นเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจน และปัจจัยภายใน-ปกติเวลานอนของเรา มันเป็นกระบวนการเยียวยาฟื้นฟูร่างกายให้อยู่แล้ว ถ้าเราไม่นอนตามเวลา จะแก่เร็ว เพราะฮอร์โมนที่หลั่งเพื่อซ่อมตัวเองในเวลาที่ควรจะหลับมันไม่หลั่ง”
คุณหมอบริสุทธิ์ หมายถึง โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ซึ่งไม่ได้ซ่อมแค่ความอ่อน-แก่ ความอ้วน-ผอม แต่หากซ่อมทุกอย่างในร่างกาย
“รวมทั้งเรื่องการกินด้วย ร่างกายต้องการสารอาหารเพื่อเข้าไปซ่อม ทีนี้คุณค่าสารอาหารจึงสำคัญ ถ้าเราทานอาหารที่ผ่านกระบวนการเยอะ หรือกินเยอะแต่ตัวสารอาหารไม่พอ ก็เท่ากับไม่มีวัตถุดิบในการซ่อม จึงเป็นที่มาว่า อาจต้องทานอาหารเสริม”
หากคุณไม่อยากพึ่งแพทย์ ขึ้นเขียงฉีดดึงสารพัดให้เปลืองตังค์ คุณควรดูแลตัวเองกินให้ครบ นอนให้พอ และหลีกเลี่ยงแดดแรงจัด มลภาวะต่างๆ
“ยิ่งดูแลเร็ว ยิ่งได้เปรียบ และดูแลด้วยตัวเองให้เป็นกิจวัตรด้วย แม้ปัญหาบางอย่างต้องใช้เครื่องมือ แต่ถ้าเราดูแลดีตั้งแต่ต้น ปัญหาที่ใช้เครื่องมือจะเกิดน้อยลง” คุณหมอผู้เชี่ยวชาญศาสตร์แห่งการชะลอวัยปิดท้ายให้คุณๆ เริ่มต้นชะลอวัยด้วยตัวเองตั้งแต่วันนี้
-> ฝากบอก โปรโมชั่นแซ่บ
คุณหมอบริสุทธิ์ ฝากบอกถึงผู้อ่านผู้รักสุขภาพและความงามทุกท่านว่า เพรียว แอนด์ ไบร์ท คลินิค จัดโปรโมชั่นพิเศษ -> Laser และ Treatment ทุกโปรแกรม ลด 50% ตั้งแต่วันที่ 23 - 31 มกราคม 2556 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-1022400 ตั้งอยู่ที่ CDC อาคาร J2
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
“ศาสตร์ชะลอวัย คนจะนึกถึงว่าต้องแก่แล้ว แต่จริงๆ การชะลอวัยเป็นกระบวนการที่ดำเนินมาเป็น 10 ปี ถ้าเราเริ่มดูแลตั้งแต่ยังไม่มีปัญหาหรือมีปัญหาน้อย ทุกอย่างที่เราใช้ก็จะน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นปริมาณ และความพยายาม ทุกอย่างจะน้อยลงหมด”
ผศ.พญ.ดร.บริสุทธิ์ แสนมโน หาญพานิช หมอผู้เชี่ยวชาญด้าน Anti-Aging และ Medical Director ของ เพรียว แอนด์ ไบร์ท คลินิค (Pure And Bright Clinic) กล่าวเปิดประเด็น พร้อมขอเน้นเรื่องปัญหาผิวพรรณ สุดยอดข้อวิตกกังวลของสาวทุกวัย
“ในด้าน Biological Age ร่างกายโตเต็มที่ประมาณ 25-35 ปี พอ 35 ปีขึ้นไปเริ่มร่วง แต่ช่วง 35 ปีนั้นยังไม่รู้ตัวกันหรอก มารู้ตัวก็ตอน 40 ปีโดยส่วนใหญ่ อย่างเช่น เมื่อก่อนไปเที่ยวกลางคืน ตื่นขึ้นมาเมาค้างก็ยังทำงานได้ ไม่แฮงค์มาก อาการล้าอ่อนเพลียยังไม่เยอะ
แต่พอ 30 ปีปลายๆ เลย 40 ปีขึ้นไป เริ่มไม่ไหวแล้ว หลายคนต้องนอนต่ออีก นี่คือ สภาพร่างกายเปลี่ยนไปตามอายุ ซึ่งถ้าเรารู้กระบวนการตรงนี้ เราก็สามารถดูแลและทำให้ย้อนกลับไปได้”
วัย 20 สาวสะพรั่ง สำคัญที่ป้องกัน
คุณหมอบริสุทธิ์ พูดถึงปัญหาของผิวของสาวแต่ละวัย โดยเริ่มจากวัยสาวสะพรั่งที่เพิ่งเรียนจบเริ่มทำงานก่อนว่า
“ช่วงวัย 20 ปี ผิวยังดีอยู่ และมีการเยียวยาตัวเองที่ดี ถ้าเราเดินออกไปเจอมลภาวะหรือเจอแดด สีผิวจะคล้ำเข้มขึ้น ก็แป๊บเดียว และฟื้นกลับมาเหมือนเดิมทันที เอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจนก็สามารถที่จะย้อนกลับมาฟื้นฟูตัวเองได้ค่อนข้างเร็ว
เพราะฉะนั้นช่วงนี้ไม่ต้องดูแลอะไรมาก แค่ป้องกันอย่าให้ปัญหาออกมาเด่นชัด เช่น ต้องทากันแดดทุกวัน และนอนให้พอเพียง หลีกเลี่ยงการสังสรรค์ยามค่ำคืนเพื่อรักษาสภาพที่ดีนี้ให้นานที่สุด คือ จำเป็นก็ไปได้ เพียงแต่ว่าอย่าทำให้เป็นประจำ เพราะมันจะไปเกี่ยวกับฮอร์โมนเรื่องการหลับ”
วัย 30 ไม่แจ๋ว หนังหน้าเริ่มไม่ใส
ครั้นอายุขึ้นเลข 3 หนังหน้าเริ่มไม่แจ๋วแล้วอ่ะ คุณหมอบริสุทธิ์ บอกให้สังเกต
“แต่งหน้าเริ่มไม่ติด มีผิวแห้ง เริ่มมีกระ ไม่ว่าจะเป็นกระสีหรือกระเนื้อ ผิวหมอง ไม่ใสแล้ว คือ ผิวเริ่มไม่เหมือนเดิม และเวลาที่ไปว่ายน้ำออกกลางแจ้ง กว่าสีผิวจะกลับมาเหมือนเดิม มันจะไม่เร็วเท่าตอนช่วงอายุ 20 ปี ซึ่งถือว่าเป็นกระบวนการปกติของร่างกาย
ในวัยนี้มีการดูแลปกติเหมือนวัย 20 แต่จะมีเพิ่มเติม อย่างเช่น ถ้าผิวแห้ง ต้องเพิ่มครีมเซรั่มบำรุงผิวเพื่อให้ความชุ่มชื่น กักเก็บน้ำไว้ในผิว ถ้าผิวเริ่มมีสี อาจต้องเริ่มให้ยาลดสี ที่สกินแคร์ธรรมดาเอาไม่อยู่ ทำทรีตเมนต์ต่างๆ ช่วย”
วัย 40 เริ่มเข้าออกศูนย์ความงามซะแล้ว
อะฮ้า ถึงหลักสี่ ริ้วรอยตีนกาเริ่มมาเยือน คุณหมอบริสุทธิ์กล่าวว่าวัยนี้ต้องพึ่งคลินิกศูนย์ความงามแล้วค่ะ
“ปัญหาจะเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่ผิวไม่เนียน แต่ริ้วรอยตื้นๆ เริ่มลึก มีเส้นเห็นชัดขึ้น และด้าน Biological Age อาจมีปัญหาสุขภาพ อย่างเช่น เคยไปตากแดดผิวสีแทนกลับมา ใช้เวลา 1 เดือนฟื้นกลับมาเป็นสีเดิม แต่พอวัย 40 โดนแดดแล้ว ผ่านไปหนึ่งเดือน สีผิวยังไม่กลับมาเหมือนเดิม แถมยังเป็นฝ้าต่อ
คนอายุ 40 อาจใช้วิธีซ่อมแซมที่มากกว่า เพราะทรีตเมนต์หรือยาไม่พอ ต้องใช้เลเซอร์ หรือเครื่องมือที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจงสูงขึ้นมา เช่น กระที่ลึกมาก สีเข้มที่ลึกมาก ต้องใช้เลเซอร์ยิง เพื่อไม่ให้เกิดใหม่ ริ้วรอยตีนกาก็ฉีดโบท็อกซ์ กรณีร่องลึกก็ฉีดฟิลเลอร์”
วัย 50 ถึงวาระดึงหน้ากระชับเหนียงแล้วจ้า
“อายุ 20 ปีมา 30 ปีใช้สกินแคร์ และอายุ 30 ปีมา 40 ปีเริ่มทำทรีตเมนต์ แล้วพอขึ้น 40 ปีก็เยอะหน่อย อาจต้องทำเลเซอร์, โบท็อกซ์, ฟิลเลอร์ คือ ความซับซ้อนของการดูแลจะเพิ่มขึ้นตามปัญหา” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเลยหลักสี่เข้าห้าแยก คุณหมอบริสุทธิ์ฟันธงว่า หญิงทุกคนจะมีปัญหาเรื่องการหย่อนคล้อย
“ต้องต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลก ดึงผิวลงทุกวัน เพราะฉะนั้นการต้านกับมันคือ ต้องใช้เครื่องมือยกขึ้น เมื่อก่อนใช้ศัลยกรรมดึงหน้า แต่ตอนนี้มีเครื่องมือใหม่ๆ เช่น ไปร้อยไหม, ทำเทอร์มาจ (Thermage), อัลเทอร่า (Ulthera) ฯลฯ”
ชะลอวัยด้วยตัวเอง กินให้ครบ นอนให้พอ..ตั้งแต่วันนี้
จะเห็นว่า ปัญหาผิวพรรณจะมากขึ้นซับซ้อนขึ้นตามตัวเลขอายุที่เพิ่มขึ้น
“เพราะความสามารถการดูแลตัวเองในการเยียวยาของร่างกายไม่เท่าเดิม ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้ง่ายๆ คือ ดูแลให้ไม่เจอปัจจัยการทำร้ายสภาวะผิว ได้แก่ ปัจจัยภายนอก-แดดที่มากระทบ กระตุ้นเอนไซม์ที่ทำลายคอลลาเจน และปัจจัยภายใน-ปกติเวลานอนของเรา มันเป็นกระบวนการเยียวยาฟื้นฟูร่างกายให้อยู่แล้ว ถ้าเราไม่นอนตามเวลา จะแก่เร็ว เพราะฮอร์โมนที่หลั่งเพื่อซ่อมตัวเองในเวลาที่ควรจะหลับมันไม่หลั่ง”
คุณหมอบริสุทธิ์ หมายถึง โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ซึ่งไม่ได้ซ่อมแค่ความอ่อน-แก่ ความอ้วน-ผอม แต่หากซ่อมทุกอย่างในร่างกาย
“รวมทั้งเรื่องการกินด้วย ร่างกายต้องการสารอาหารเพื่อเข้าไปซ่อม ทีนี้คุณค่าสารอาหารจึงสำคัญ ถ้าเราทานอาหารที่ผ่านกระบวนการเยอะ หรือกินเยอะแต่ตัวสารอาหารไม่พอ ก็เท่ากับไม่มีวัตถุดิบในการซ่อม จึงเป็นที่มาว่า อาจต้องทานอาหารเสริม”
หากคุณไม่อยากพึ่งแพทย์ ขึ้นเขียงฉีดดึงสารพัดให้เปลืองตังค์ คุณควรดูแลตัวเองกินให้ครบ นอนให้พอ และหลีกเลี่ยงแดดแรงจัด มลภาวะต่างๆ
“ยิ่งดูแลเร็ว ยิ่งได้เปรียบ และดูแลด้วยตัวเองให้เป็นกิจวัตรด้วย แม้ปัญหาบางอย่างต้องใช้เครื่องมือ แต่ถ้าเราดูแลดีตั้งแต่ต้น ปัญหาที่ใช้เครื่องมือจะเกิดน้อยลง” คุณหมอผู้เชี่ยวชาญศาสตร์แห่งการชะลอวัยปิดท้ายให้คุณๆ เริ่มต้นชะลอวัยด้วยตัวเองตั้งแต่วันนี้
-> ฝากบอก โปรโมชั่นแซ่บ
คุณหมอบริสุทธิ์ ฝากบอกถึงผู้อ่านผู้รักสุขภาพและความงามทุกท่านว่า เพรียว แอนด์ ไบร์ท คลินิค จัดโปรโมชั่นพิเศษ -> Laser และ Treatment ทุกโปรแกรม ลด 50% ตั้งแต่วันที่ 23 - 31 มกราคม 2556 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-1022400 ตั้งอยู่ที่ CDC อาคาร J2
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net