“หมอพลอย” ฉีดฟิลเลอร์สาวพริตตี้เสียโฉมมอบตัว ยันฮียันหมอเถื่อน

“หมอพลอย” ผู้ต้องหาฉีดสารฟิลเลอร์ให้สาวพริตตี้จนหน้าตาเสียโฉมเข้ามอบตัวรับทราบข้อหาแล้ว พร้อมสารภาพเคยเป็นผู้ช่วยแพทย์และได้ฉีดให้ลูกค้ามาแล้วกว่า 10 ราย แต่ไม่เคยมีปัญหามาก่อน ด้านผู้เสียหายระบุรู้จักผู้ต้องหาทางอินเทอร์เน็ต ขณะที่ ผอ.ยันฮียันไม่มีชื่อในสารบบ

วันนี้ (15 ม.ค.) เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมปารุส 2 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผกก.ดส.บช.น. พ.ต.ท.แมน เม่นแย้ม รอง ผกก.ดส. พ.ต.ต.สาโรจน์ จอกโคกสูง สว.กก.ดส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ดส. ได้นำตัว น.ส.สุพิชญนันทร์ อู๋เพ็ชร หรือหมอพลอย อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาฉีดสารฟิลเลอร์ให้กับ น.ส.จรูญรัตน์ ยากอง อายุ 31 ปี อาชีพพนักงานบัญชีและรับงานเสริมพริตตี้ ผู้เสียหายจนหน้าตาเสียโฉม ใต้คางเป็นแผลอักเสบบวมแดง พร้อมของกลางสารฟิลเลอร์และเข็มฉีดยาจำนวนหนึ่ง

พ.ต.อ.นภันต์วุฒิเปิดเผยว่า สืบเนื่องเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2556 น.ส.จรูญรัตน์ ผู้เสียหายให้หมอพลอยฉีดสารฟิลเลอร์ยี่ห้อเรสติเลน เข้าที่ใบหน้าบริเวณแก้มทั้งสองข้างและคาง โดยใช้ห้อง 405 ชั้น 4 ห้องพักคาลิปโซ่ ซอยรัชดาภิเษก เขตห้วยขวาง กทม. เมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา จนเสียโฉมดังกล่าว และได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร ให้ดำเนินคดีต่อหมอพลอย ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน, กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ, ประกอบสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตและทำการประกอบโรคศิลปะ หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิ ทำการประกอบโรคศิลปะโดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต จากกนั้นผู้เสียหายเข้าแจ้งความต่อที่กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) พร้อมดำเนินการติดตามตัวไปถึงบ้านหมอพลอยที่ จ.ชัยนาท แต่พบเพียงมารดาของหมอพลอย จึงได้มีการติดต่อประสานให้ขอเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้

ด้าน น.ส.สุพิชญนันทร์ หรือหมอพลอย กล่าวว่า เป็นคนฉีดสารดังกล่าวจริงให้ผู้เสียหาย คิดราคาทั้งหมด 5,500 บาท โดยตนเคยเป็นผู้ช่วยแพทย์อยู่ในคลินิกที่ จ.ชลบุรี จึงมีความรู้ด้านนี้อยู่บ้าง ซึ่งยอมรับในข้อกล่าวหาประกอบสถานพยาบาลและประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ แต่ปฏิเสธในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายฯ นอกจากนี้ เคยฉีดสารให้กับลูกค้ามาประมาณ 10 รายแล้วและไม่เคยมีปัญหามาก่อน ซึ่งเพิ่งจะเริ่มทำมาช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา

หมอพลอยกล่าวอีกว่า ในอินเทอร์เน็ตมีคนแอบอ้างภาพตนไปโพสต์ขึ้นและอ้างว่ารับเสริมความงาม เพียงแต่มีเพื่อนที่รู้จักกันไปพูดต่อและไม่ได้หลอกลวงว่าจบจาก ม.มหิดล สำหรับสารฟิลเลอร์นั้นเป็นของเพื่อนที่เป็นพริตตี้นำมาฝากไว้ ส่วนที่ว่าทำเป็นอาชีพหลักนั้นไม่ใช่ เพราะที่บ้านตนก็มีฟาร์มจระเข้และขายอาหารสัตว์อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม อยากจะขอแก้ข่าวที่ลงในสื่อว่าไม่เป็นความจริง

น.ส.จรูญรัตน์กล่าวว่า จริงแล้วๆ อยากจะแนะนำให้ไปฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งถ้าไม่ใช่แพทย์อาจมีปัญหาตามมา โดยก่อนหน้านี้ไม่เคยไปหาแพทย์ตามโรงพยาบาลมาก่อน แต่ที่รู้จักกับหมอพลอยตามอินเทอร์เนต โดยวันแรกหลังฉีดไป 6 ชั่วโมงมีไข้ขึ้น และหลังจากนั้น 4 วันแผลเริ่มหนักขึ้นก็เลยมาพบแพทย์จึงทราบว่ามีการติดเชื้อจึงมาแจ้งความดังกล่าว ส่วนผลกระทบอื่นๆ ยังไม่ทราบว่าจะเป็นยาจริงหรือยาปลอม

ด้านนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวกรณีเดียวกันว่า เรื่องการฉีดฟิลเลอร์เป็นปัญหาที่ นพ.ประดิษฐ สินธณวรงค์ รมว.สาธารณสุข มีความเป็นห่วงและกำชับให้ดูแลในเรื่องสถานพยาบาลอย่างจริงจัง สำหรับหมอพลอยนั้นจากการตรวจสอบจาก รพ.ยันฮี พบว่าไม่มีรายชื่ออยู่ในโรงพยาบาล ดังนั้น จากกรณีดังกล่าวผู้ต้องหามีความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 กรณีสถานพยาบาลเถื่อนไม่ขออนุญาต ผิดมาตรา 16 และ 24 ผิดฐานประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขณะที่ นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยันฮี กล่าวว่า ทาง รพ.ยันฮีจะให้การช่วยเหลือผู้เสียหายรายดังกล่าวโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และจากการที่ทางโรงพยาบาลถูกแอบอ้างชื่อนั้น ตนจึงอยากขอเตือนประชาชนว่าถ้ามีหมอที่ไปเปิดร้านเสริมความงามมาแอบอ้างว่าเป็นหมอของทางโรงพยาบาลอย่าไปหลงเชื่อ เนื่องจากทางโรงพยาบาลไม่อนุญาตให้หมอในโรงพยาบาลไปทำการฉีดสร้างฟิลเลอร์นอกสถานที่ เพราะฉะนั้น การไปฉีดฟิลเลอร์ตามโรงแรม คอนโดมิเนียม หรือห้องเช่า จึงไม่ใช่หมอของโรงพยาบาลแน่นอน เนื่องจากสถานที่ฉีดฟิลเลอร์จะต้องมีความพร้อม โดยเฉพาะในคนไข้บางรายที่อาจเกิดอาการช็อกต้องรักษาภายในเวลา 5 นาที หรือกรณีสารไหลอุดตันเส้นเลือดก็อาจทำให้กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราได้หากรักษาไม่ทันท่วงที ดังนั้น ในห้องต้องมีเครื่องช่วยหายใจรวมถึงเครื่องมือผ่าตัดเตรียมไว้ด้วย เพื่อเกิดกรณีฉุกเฉินซึ่งมีความเป็นไปได้ โดยใน 100 รายที่ทำการฉีดอาจจะพบประมาณ 5 ราย ดังนั้นเรื่องสถานที่จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ