คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN
เจ้านายปากเสีย
ลิเดีย นักบริหารโครงการ วัย22, ชร็อปเชียร์
“ปีที่แล้วฉันกำลังทำโครงการหนึ่งในที่ทำงาน ซึ่งต้องใช้เวลาหลายเดือนในการเตรียมการ ระหว่างช่วงเวลานี้ เจ้านายผู้หญิงของฉันกลายเป็นคนเคร่งเครียดและทำฉันหงุดหงิดหลายหน แล้วฟางเส้นสุดท้ายก็มาถึงเมื่อลูกค้าของเรามารับฟังการนำเสนอสำหรับโครงการดังกล่าว และในที่ประชุมนั้นเอง เจ้านายของฉันก็พูดถึงฉันว่า ‘ไร้ประโยชน์’ ต่อหน้าลูกค้าเหล่านั้น
“ในนาทีแห่งความโกรธ ฉันก็ลุกพรวด บอกนายหญิงว่า ‘เก่งนัก ก็นำเสนอโครงการเองละกัน’ แล้วก็เดินปึงปังออกจากห้องไป ต่อมาฉันได้ข่าวว่าลูกค้ายกเลิกข้อตกลงเพราะนายสาวของฉันไม่สามารถนำเสนอโครงการด้วยตัวเธอเองได้ ฉันยังรู้สึกผิดอยู่นิดๆ แต่ก็สะใจมากกว่า แม้จะตกงานก็ตาม”
ปากเป็นเอก และเจ้าอารมณ์ด้วยกันทั้งคู่แบบนี้ ทำงานร่วมกันได้ก็แปลกสิ
กล้องเจ้ากรรม
เจน พนักงานบริษัท วัย35,ลอนดอน
“ในการทำงานที่บริษัทเก่า ฉันสนุกสุดเหวี่ยงกับเพื่อนร่วมงาน(ผู้ชาย)คนหนึ่ง กล่าวคือ คืนหนึ่งเราอยู่ทำงานล่วงเวลาจนดึก และลงเอยด้วยการเล่นซุกซนในที่ทำงาน เนื่องจากเราเห็นว่าปลอดคนแล้วในเวลานั้น แล้วเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านโดยไม่คิดอะไรกับเหตุการณ์ในคืนนั้น แต่พอมาทำงานในเช้าวันรุ่งขึ้นก็พบว่าสำนักงานของเราถูกงัดแงะและโดนโจรกรรมทรัพย์สิน
“ตำรวจมาถึงและเข้าไปในห้องทำงานของเจ้านายฉันเพื่อดูวีดีโอจากกล้องวงจรปิดที่ถ่ายไว้เมื่อคืน เรารู้ตัวแล้วในนาทีนั้นว่าวีรกามของเรากำลังจะถูกจับได้ ขณะนั่งหน้าแดงรอชะตากรรม เจ้านายของเราโกรธจัดจนหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเราเสียอีก
“และเราทั้งคู่ก็โดนลงโทษทางวินัย แต่ฉันลาออกในสัปดาห์ต่อมาเพราะไม่อาจทนรับความอับอายต่อไปได้”
ขอแนะนำว่าคราวหลังหาอะไรปิดตากล้องเสียก่อน จะได้ไม่ต้องอายในภายหลัง
เมนูเด็ด
เจมม่า นักศึกษา วัย22, เชสเชียร์
“ฉันทำงานที่ภัตตาคารขายดีแห่งหนึ่งในระหว่างปิดภาคฤดูร้อนของมหา’ลัยที่ฉันกำลังเรียนอยู่ ไม่นานฉันก็พบว่า ฉันเกลียดนายสาวของฉันมาก เธอชอบตำหนิติเตียนไปซะทุกอย่างที่ฉันทำ ไม่เคยมีอะไรดีในสายตาของเธอเลย ว่างั้นเถอะ แถมยังบอกอีกว่าคนอย่างฉันจะต้องล้างจานไปตลอดชาติ
“ฟางเส้นสุดท้ายมาถึงเมื่อเธอมีนักข่าวจากนิตยสารภัตตาคารอันโด่งดังฉบับหนึ่ง มากินอาหารค่ำเพื่อสัมภาษณ์เธอไปลงในสกู๊ปของพวกเขา เธอแนะนำฉันกับพวกเขาว่าฉันเป็น ‘คนล้างหม้อของเธอ’ และตำหนิการปูโต๊ะของฉันต่อหน้าแขกเหล่านั้นด้วย
ในความร้อนฉ่าของนาทีนั้น ขณะเธอกำลังกินอาหารร่วมกับพวกเขา ฉันก็คว้าขวดพริกป่นและเทลงในจานอาหารของพวกเขาจนหมดขวด จากนั้นฉันก็ถอดผ้ากันเปื้อนและเดินออกจากร้านทันที
“ต่อมา ฉันได้ข่าวจากเพื่อนร่วมงานว่า นายหญิงของฉันเดือดเป็นไฟและการทำสกู๊ปของนิตยสารดังก็ถูกยกเลิกอย่างเผ็ดร้อน ด้วยอาหารจานเด็ดที่ฉันเสิร์ฟให้เธออย่างถูกต้องเป็นครั้งแรก”
นี่ก็แสบพอกันทั้งคู่ คนหนึ่งปากเผ็ดร้อน อีกคนแก้เผ็ดด้วยความเผ็ดร้อนอย่างเป็นรูปธรรม แล้วก็ตกงานไปตามระเบียบ ขณะที่เจ้าของร้านเสียโอกาสดีๆ ในการประชาสัมพันธ์ไปอย่างน่าเสียดาย
ถ้าเอาความ “ซี้ดซ้าด” ไปใช้ให้ถูกที่ (ที่ไหนคงไม่ต้องบอก) ก็จะมีแต่ได้กับได้นั่นแหละครับ
___
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
เจ้านายปากเสีย
ลิเดีย นักบริหารโครงการ วัย22, ชร็อปเชียร์
“ปีที่แล้วฉันกำลังทำโครงการหนึ่งในที่ทำงาน ซึ่งต้องใช้เวลาหลายเดือนในการเตรียมการ ระหว่างช่วงเวลานี้ เจ้านายผู้หญิงของฉันกลายเป็นคนเคร่งเครียดและทำฉันหงุดหงิดหลายหน แล้วฟางเส้นสุดท้ายก็มาถึงเมื่อลูกค้าของเรามารับฟังการนำเสนอสำหรับโครงการดังกล่าว และในที่ประชุมนั้นเอง เจ้านายของฉันก็พูดถึงฉันว่า ‘ไร้ประโยชน์’ ต่อหน้าลูกค้าเหล่านั้น
“ในนาทีแห่งความโกรธ ฉันก็ลุกพรวด บอกนายหญิงว่า ‘เก่งนัก ก็นำเสนอโครงการเองละกัน’ แล้วก็เดินปึงปังออกจากห้องไป ต่อมาฉันได้ข่าวว่าลูกค้ายกเลิกข้อตกลงเพราะนายสาวของฉันไม่สามารถนำเสนอโครงการด้วยตัวเธอเองได้ ฉันยังรู้สึกผิดอยู่นิดๆ แต่ก็สะใจมากกว่า แม้จะตกงานก็ตาม”
ปากเป็นเอก และเจ้าอารมณ์ด้วยกันทั้งคู่แบบนี้ ทำงานร่วมกันได้ก็แปลกสิ
กล้องเจ้ากรรม
เจน พนักงานบริษัท วัย35,ลอนดอน
“ในการทำงานที่บริษัทเก่า ฉันสนุกสุดเหวี่ยงกับเพื่อนร่วมงาน(ผู้ชาย)คนหนึ่ง กล่าวคือ คืนหนึ่งเราอยู่ทำงานล่วงเวลาจนดึก และลงเอยด้วยการเล่นซุกซนในที่ทำงาน เนื่องจากเราเห็นว่าปลอดคนแล้วในเวลานั้น แล้วเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านโดยไม่คิดอะไรกับเหตุการณ์ในคืนนั้น แต่พอมาทำงานในเช้าวันรุ่งขึ้นก็พบว่าสำนักงานของเราถูกงัดแงะและโดนโจรกรรมทรัพย์สิน
“ตำรวจมาถึงและเข้าไปในห้องทำงานของเจ้านายฉันเพื่อดูวีดีโอจากกล้องวงจรปิดที่ถ่ายไว้เมื่อคืน เรารู้ตัวแล้วในนาทีนั้นว่าวีรกามของเรากำลังจะถูกจับได้ ขณะนั่งหน้าแดงรอชะตากรรม เจ้านายของเราโกรธจัดจนหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเราเสียอีก
“และเราทั้งคู่ก็โดนลงโทษทางวินัย แต่ฉันลาออกในสัปดาห์ต่อมาเพราะไม่อาจทนรับความอับอายต่อไปได้”
ขอแนะนำว่าคราวหลังหาอะไรปิดตากล้องเสียก่อน จะได้ไม่ต้องอายในภายหลัง
เมนูเด็ด
เจมม่า นักศึกษา วัย22, เชสเชียร์
“ฉันทำงานที่ภัตตาคารขายดีแห่งหนึ่งในระหว่างปิดภาคฤดูร้อนของมหา’ลัยที่ฉันกำลังเรียนอยู่ ไม่นานฉันก็พบว่า ฉันเกลียดนายสาวของฉันมาก เธอชอบตำหนิติเตียนไปซะทุกอย่างที่ฉันทำ ไม่เคยมีอะไรดีในสายตาของเธอเลย ว่างั้นเถอะ แถมยังบอกอีกว่าคนอย่างฉันจะต้องล้างจานไปตลอดชาติ
“ฟางเส้นสุดท้ายมาถึงเมื่อเธอมีนักข่าวจากนิตยสารภัตตาคารอันโด่งดังฉบับหนึ่ง มากินอาหารค่ำเพื่อสัมภาษณ์เธอไปลงในสกู๊ปของพวกเขา เธอแนะนำฉันกับพวกเขาว่าฉันเป็น ‘คนล้างหม้อของเธอ’ และตำหนิการปูโต๊ะของฉันต่อหน้าแขกเหล่านั้นด้วย
ในความร้อนฉ่าของนาทีนั้น ขณะเธอกำลังกินอาหารร่วมกับพวกเขา ฉันก็คว้าขวดพริกป่นและเทลงในจานอาหารของพวกเขาจนหมดขวด จากนั้นฉันก็ถอดผ้ากันเปื้อนและเดินออกจากร้านทันที
“ต่อมา ฉันได้ข่าวจากเพื่อนร่วมงานว่า นายหญิงของฉันเดือดเป็นไฟและการทำสกู๊ปของนิตยสารดังก็ถูกยกเลิกอย่างเผ็ดร้อน ด้วยอาหารจานเด็ดที่ฉันเสิร์ฟให้เธออย่างถูกต้องเป็นครั้งแรก”
นี่ก็แสบพอกันทั้งคู่ คนหนึ่งปากเผ็ดร้อน อีกคนแก้เผ็ดด้วยความเผ็ดร้อนอย่างเป็นรูปธรรม แล้วก็ตกงานไปตามระเบียบ ขณะที่เจ้าของร้านเสียโอกาสดีๆ ในการประชาสัมพันธ์ไปอย่างน่าเสียดาย
ถ้าเอาความ “ซี้ดซ้าด” ไปใช้ให้ถูกที่ (ที่ไหนคงไม่ต้องบอก) ก็จะมีแต่ได้กับได้นั่นแหละครับ
___
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net