xs
xsm
sm
md
lg

สามัคคีในครอบครัวสร้างความสำเร็จในชีวิต “โอฬาร อิสสระ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
 
ชื่อ “ชาญอิสสระ” เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่า ประสบความสำเร็จอย่างมั่นคงและยาวนาน หากแต่เบื้องหลังความสำเร็จนั้น ล้วนมาจากคำว่า “รักและสามัคคี” ที่ “ชาญ อิสสระ” ผู้เป็นพ่อถ่ายทอดให้ลูกๆ และในวันนี้ ลูกของชาญ ก็นำคำสอนของพ่อไปต่อยอดจนประสบความสำเร็จ โดยหนึ่งในนั้นคือ “โอฬาร อิสสระ” กรรมการผู้จัดการ THE ISSARA อดีตนักเทนนิสไทย ซึ่งเป็นลูกชายคนเล็ก ที่ถอดแบบคุณพ่อชาญ อิสสระ คือเป็นนักเทนนิสมืออาชีพชื่อดังสมใจพ่อ และยังเดินตามรอยประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เขายกว่าพ่อชาญ นอกจากเป็นทั้งพ่อและครูที่ดีที่สุดในชีวิตแล้ว ยังเป็นนักอสังหาฯ ที่เก่งกาจชนิดหาตัวจับได้ยาก

 
โอฬาร ย้อนรำลึกถึงพ่อด้วยความภูมิใจว่า เป็นทั้งพ่อทั้งครู และยังเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจ มีมุมมองการดำเนินธุรกิจในแบบฉบับตัวเอง สามารถต่อภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างรวดเร็ว และด้วยความที่ชีวิตของชาญ ในวัยเด็กไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ความลำบากทำให้ชาญรู้ว่าเงินทุกบาททุกสตางค์มีค่า มีวันหมดได้ แต่ความรู้ ไม่มีวันหมด ดังนั้น ทุกวันชาญจะสอนลูกๆ ที่โต๊ะอาหาร โดยย้ำเรื่องของความประหยัด ความสามัคคีในครอบครัว เรื่องการทำงานให้ซื่อสัตย์และตั้งใจ นอกจากนี้ หากลูกไม่มีเรียน ชาญจะพาลูกๆ ติดรถไปทำงานด้วย โดยเฉพาะเวลาไปซื้อที่ ซึ่งระหว่างทางก็สอนวิธีการเลือกที่ดิน ทำเลที่ดีต้องเป็นอย่างไร ทำให้ลูกของเขาซึมซับเรื่อยมา

“โตมาผมจำได้ว่า เราอยู่ทางภาคใต้ คุณพ่อเป็นยี่ปั๊วขายส่งน้ำมัน, ยางมะตอย ให้หน่วยงานรัฐ และรถเมล์เหลือง ซึ่งเป็นงานที่หนักมาก พ่อใช้หลักในการเลี้ยงลูกแบบง่ายๆ เอากีฬาเป็นตัวเชื่อม คุณพ่อชอบเล่นเทนนิส ก็ชวนลูกๆเล่นกีฬา ทำให้เราได้เรียนรู้นิสัยกันและกัน ได้รู้เรื่องความอดทน เสียสละ รู้แพ้รู้ชนะ ไม่มีอะไรในโลกที่เราจะได้มาง่ายๆ ทุกอย่างต้องขวนขวาย” โอฬารกล่าว
โอฬาร-วิไล และลูกขุนทั้ง 4 คน ขุนพล ขุนพักตร์ ขุนรัช และ ขุนทัพ
 
โอฬารเล่นกีฬาไปพร้อมกับเรียนหนังสือ พอเรียนจบก็ไปแข่งได้แชมป์หลายสนาม กลายเป็นนักเทนนิสดาวรุ่งของไทย แต่เพียงไม่นาน โอฬารก็ยุติบทบาทการเป็นนักกีฬาอย่างน่าเสียดาย ด้วยปัญหาสุขภาพ

“ผมมีปัญหา “ม้ามแตก” นอนพักรักษาตัวอยู่นาน ช่วงที่นอนก็คิดอะไรมากมาย จึงรู้ว่าชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน รักษาตัวเสร็จไม่สามารถกลับมาเป็นนักกีฬาได้อีก ตรงนั้นก็คิดว่าจะทำอะไรต่อไป ก็รื้อความฝันเลย ผมอยากมีฟาร์มเป็นของตัวเอง อยากมีโรงแรมแบบโฟร์ ซีซั่น จัดสรรที่ดิน และรู้สึกอยากทำอะไรให้พ่อแม่มากขึ้น พอหายเจ็บทุกครั้งที่ผมอยู่กับพ่อแม่ ผมจะคิดเสมอว่าอาจเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน ตรงนี้ทำให้ผมรู้สึกรักพ่อมากขึ้น อยากทำอะไรให้พ่อ”

 
เมื่อหายดี โอฬารมาช่วยพ่อทำงานที่ บริษัท ชาญอิสสระ ขณะที่เสาร์-อาทิตย์ จะไปเป็นโค้ชเทนนิสให้เด็กๆ และเขาก็เริ่มสานฝันตัวเองทันที โดยนำเงินที่ได้จากการแข่งเทนนิสทั้งหมดไ ปซื้อที่ดินในแถบหมวกเหล็ก เพื่อทำฟาร์มเลี้ยงม้าและวัว แล้วพาพ่อกับแม่ไปดูในสิ่งที่เขาลงมือทำ เพื่อมอบเป็นของขวัญให้พ่อและแม่อีกหนึ่งชิ้น

“ก่อนไปก็บอกพ่อเตรียมเสื้อหนาวไปเยอะๆ แต่พอไปถึงจริงๆ พ่อกับแม่ก็นิ่ง เดินไปมาซักแป๊บพ่อก็บอกสั้นๆ ทำไมซื้อแค่นี้ ไม่ซื้อเพิ่มอีกล่ะ พ่อพูดเท่านี้ผมยิ้มเลย วันนั้นเป็นวันที่ดีใจที่สุด เพราะพิสูจน์ให้เห็นว่าเราทำได้ และพ่อกับแม่ยอมรับและเห็นด้วยกับผม” โอฬารเล่าพร้อมรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความภาคภูมิใจ

 
จากวันนั้นถึงวันนี้โอฬารใช้ชีวิตเงียบๆ มีความสุขกับครอบครัวและการทำงาน เขาก็นำหลักที่พ่อสอนมาใช้กับลูก 4 คนคือ ขุนพล ขุนพักตร์ ขุนรัช และ ขุนทัพ โดยทุกวันหยุด จะให้เวลากับครอบครัว พาลูกไปขี่ม้า เล่นเทนนิส

“การสอนลูกเป็นการสอนที่ต้องใช้เวลา ผมไม่หวังว่าลูกจะต้องเป็นนักกีฬาดัง มีชื่อเสียง เพราะกีฬามีข้อจำกัดในตัวของมันเอง แต่ผมจะบอกลูกเสมอว่า ทำอะไรก็ทำให้เต็มที่ พวกเขาเล่นเทนนิสแล้วมีความสุขเราก็สุขด้วย อย่าง ขุนพล กับ ขุนพักตร์ นี่ได้แชมป์เยาวชนทีมชาติ ได้ทุนไปเรียน อันนี้ถือเป็นโบนัสของพวกเขา” โอฬารกล่าว พร้อมแนะนำขุนพล อิสสระ ทายาทคนโตของเขากับ วิไล อิสสระ ให้เราได้รู้จัก

 
ขุนพล อิสสระ เป็นอดีตนักเทนนิสเยาวชนทีมชาติไทย ได้รับทุนไปศึกษาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย บอกกับเราพร้อมรอยยิ้มใสๆ ว่า เรียนจบและพร้อมจะมาสานต่องานในครอบครัวแล้ว ส่วนเทนนิส คงต้องพักไว้ก่อน เพราะตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ THE ISSARA ที่พ่อและแม่มอบหมายให้ เป็นสิ่งที่เขาก็อยากเรียนรู้และทำให้ดีที่สุด

“เลี้ยงลูก 4 คน ไม่ใช่เรื่อง่ายเลย เห็นพ่อกับแม่เหนื่อยมามากแล้ว อยากมาช่วย เพราะน้องๆก็ยังเล็กยังเรียนหนังสือกันอยู่ ผมดีใจและภูมิใจที่ได้เกิดในครอบครัว “อิสสระ”" ไฮโซหนุ่มหน้าใสกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

 
ในวันนี้ โอฬาร อิสสระ ได้ถ่ายทอดคำสอนของพ่อให้กับลูกๆ ของเขานำไปปฏิบัติ จนทำให้เขามีความเชื่อมั่นว่า รักและสามัคคีเท่านั้น ที่จะทำให้ชีวิตของคนในครอบครัวก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคงแข็งแรง เช่นเดียวกับ การก้าวเดินของเขาที่มาถึงจุดนี้ได้ ก็เพราะคำสอนของพ่อ
กำลังโหลดความคิดเห็น